ประสบการณ์แย่เคลมรถอู่ประกัน (บางอู่) เข้าอู่เกือบ 3 เดือน กับจรรยาบรรณและมารยาทที่แย่

เสียเวลาอ่านสักนิด เรื่องสืบเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อเดือนสิงหาคม
     รถได้เกิดอุบัติเหตุที่ อ.ลอง จ.แพร่ จนไม่สามารถขับมาได้ จึงต้องใช้รถสไลด์มาส่งที่อู่ เราเป็นฝ่ายถูก ซึ่งตอนพนักงานเคลมประกันได้บอกเราว่า อู่ประกันในเชียงใหม่มี 2 ที่ คืออู่... ซึ่งอยู่สารภี และอีกอู่ชื่อ.... ซึ่งอยู่สันกลาง เราจึงเอาสะดวกและใกล้บ้าน เลือกอู่ที่ 2 ที่อยุ่สันกลางและเป็นอู่ประกัน
รถเข้าวันที่ 16/8/59
17/8/59 ไปติดต่อเรื่องเอกสาร ให้ทางอู่ ซึ่งย้ำว่าเอกสารครบ เนื่องจากเคยทำงานในอู่ประกัน เลยทำส่วนนี้หมด เราจึงไม่มีอะไรผิดพลาด แล้วทางเจ้าหน้าที่อู่ บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อมา .......
      จนถึงวันที่ 26/8/59 ไม่มีใครติดต่อเรามาเลยซึ่งจริง ๆ เค้าต้องเช็คว่ามีอะไรซ่อมบ้าง และออกใบรับรถให้เรา เนื่องจากวันที่เราเอาเอกสารไปให้ เราไม่ได้เอกสารรับรถ เราโทรไปสอบถาม เค้าจึงบอกว่ายังเช็คไม่เสร็จ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเอา อีกวันนึงเราจึงให้คนของเราไปเอาใบรับรถ และไปดูรถ ปรากฏว่า รถยังไม่ได้มีการถอดหรือรื้ออะไรเลย ซึ่งหมายความว่า จอดเฉย ๆ เป็นเวลา 11 วัน แต่ไม่มีการติดต่อมาใด ๆ ทั้งสิ้น
     อ่ะไม่เป็นไรนะ หยวน ๆ รถอู่เยอะ เรายังใจดีนะ คุยกับพนักงานเราพูดดีมากแล้วเค้าก็ให้ใบรับรถเรามา เค้านัดรถซ่อมเสร็จโดยประมาณ คือ 8/10/59 โอ้วววว!!!!! ใช้เวลาซ่อมเดือนกว่าเลย เจ้าหน้าที่อู่บอกเราว่า อ่อ มันเป็นการประเมินเฉย ๆ ค่ะ ซึ่งตามจริงไม่น่าจะถึงอยู่แล้ว เค เราก็ยังใจดี อืม เข้าใจ อยากให้งานออกมาดี ไม่อยากเร่งช่าง เร่งอู่
     เราโทรถามเป็นระยะ ประมาณ สัปดาห์ละครั้ง เพราะเราทำงานกรุงเทพ ดังนั้นเราไม่สะดวกที่จะไปดูรถ แต่เราให้คนขอเราไปดู ลชอีกอย่าง เราว่าเราเชื่อใจอู่มากเกินไป เพราะทุกครั้งที่เราโทรถาม เค้าบอกเราว่าอยู่ขั้นตอนไหนแล้ว และเราความที่อยู่อู่มาก่อน เราสามารถประเมินได้ว่าใช้เวลาอีกเท่าไหร่ถึงจะเสร็จ
     พอถึงวันนัดในใบรับรถ  เราโทรถาม ปรากฏว่าเสร็จไม่ทันตามกำหนด คือ 8/10/59 ณ ตอนนั้นเราก็งง แต่ยังให้โอกาสอู่ เพราะตอนนั้น คนที่จะไปรับรถไม่อยู่ มา กทม.และนัดอีกกลางเดือน คือ 15/10/59 ได้ไม่เป็นไร ลองดูอีกที(คิดในใจ) แต่ในใจก็คิดว่าเค้าไม่ได้เช็คหรือว่ารถจะออกแต่ละวันคันไหนบ้าง ไม่เคยติดต่อเรามาต้องให้เราติดกลับไปตลอด
     ผ่านมาจนถึง วันที่ 14/10/59 เราโทรตาม และในจุดนี้ต้องโทรตามนะคะ ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดติดต่อมาเพื่อบอกสิ่งใดกับเรา หรือเลื่อนเราเลย พอเราติดต่อไป เริ่มโยนให้กัน ไม่ยอมรับสายทั้งๆที่อยู่นั่น (เนื่องจากคนรับเค้าเรียกชื่อเจ้าหน้าที่ดูแล แต่เค้าตะโกนมาให้บอกว่าไม่อยู่) และหลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่อีกคนโทรมา บอกว่า พอดีช่วงล่างรถเรายังต้องมีการแก้ไข ซึ่งจริง ๆ ทำเสร็จแล้ว แต่ขอแก้ไขส่วนนี้ก่อน ขอเป็นสัปดาห์หน้า ให้ทดไว้ในใจนะคะ ว่ารถเราทำเสร็จแล้ว แต่ต้องแก้ไขช่วงล่าง เคค่ะ พอดีเลย เราจะต้องไปเชียงใหม่ตอนช่วงนั้นพอดี เราจะได้ไปรับรถเอง เคค่ะ ได้
     วันที่ 19/10/59 มีเบอร์แปลกโทรมา บอกว่าพี่ครับ รถพี่จะต้องเปลี่ยนยาง ซึ่งประกันจ่าย 50%ครับ พี่จะเอายางแบบเก่าไหม อืมเราเข้าใจอยู่ว่าของพวกนี้เค้าให้ลูกค้าจ่าย 50% ไม่เป็นไร เราก็ถามว่ามียี่ห้ออะไรบ้างเพราะเราจะเปลี่ยนยางอยู่แล้วไม่เอายี่ห้อเดิม เอาแบบถูกไว้ก่อนละกัน เค้าก็บอกเรายี่ห้อ ..... สัก 2 ยี่ห้อ เราเลือก ก็จบละ แต่จำที่ทดไว้ในใจได้ไหม อ้าว!!!!! ไหนบอกว่าช่วงล่างเสร็จ ประกอบเสร็จลองแล้วแต่มันไม่ดี เอ๊ะ หรือเอายางสำรองมาใช้ จ้าาา ต้องแกล้งโง่อีกแล้วใช่ไหม
     พอมาถึงวันที่เรากลับมาเพื่อมาทำธุระ ในวันที่ 26/10/59 ไปหาที่อู่เพื่อจะได้เตรียมว่ามีอะไรที่ต้องใช้บ้าง ปรากฏว่ารถกะลังล้าง แต่ยังปล่อยไม่ได้เพราะประกันยังไม่ได้คุมราคา เลยยังปล่อยรถไม่ได้ อ้าว!!!! แล้ว 70 กว่าวันนี่ทำอะไรกันอยู่คะ ไม่สรุปราคากันอีกหรือ????? คือเวลาประกันคุมราคาช้า อู่ต้องตามเพราะถ้าคุมช้า ซ่อมช้า เสร็จช้า หมายความว่าอู่ก็จะตั้งเบิกกับประกันได้ช้า ซึ่งหมายความว่าอู่จะได้เงินช้า เค ตามนั้น ซึ่งทางอู่ บอกให้เราโทรติดตามประกันให้ที เค หน้าที่เราต้องตามประกันด้วย เอาน่าเพื่อความเร็วของรถเรา จะได้จบๆ ก่อนเราจะกลับ กทม.

        27/10/59 โทรตามประกันฝ่ายคุมราคา ก็บอกว่าคุมไปแล้ว เราต้องโทรแจ้งทางอู่ อู่บอกว่ายังให้โทรตามอีก เราก็โทรตามอีกรอบจนทางคนคุมราคาบอกว่าจะโทรบอกอู่ให้ปล่อยรถ
จึงโทรไปแจ้งทางอู่ว่าประกันบอกแบบนี้ ทาง่ก็ตกลงและเราบอกว่าช่วยแจ้งค่าใช้จ่ายให้เราด้วยนะ แล้ววางสายไป
      อีกสักครึ่งั่วโมงมีเบอร์อู่โทรมาแจ้ง คชจ.เป็นเงิน 5,570 หืมมมม!!!!! เราถามย้ำอีกครั้ง จนท.ตอบแบบเดิมเดิม เราจึงบอกว่าขอส่งรายละเอียดเข้าในไลน์ให้หน่อย เค้าก็ส่งรูปใบเสร็จรับเงินพร้อมรายละเอียด
1.ค่ายาง 50% ---- 750
2.ค่าโช็คอัพหน้าขวา 50% ----775
3.ค่ายางแท่นเครื่องหน้า 50% ---- 200
4.ค่ายางแท่นเครื่องหลัง 50% ----245
5.น้ำมันเกียร์ 5 หน่วย ----1,500
6.น้ำมันพาวเวอร์ 1 หน่วย ----300
7.น้ำยาหม้อน้ำ 1 หน่วย ----300
8.น้ำมันเครื่อง 3 หน่วย ----900
9.จารบี 1 หน่วย.----300
ทั้งหมด 5,570
เราเลยถามกลับในไลน์ว่า
เรา : ทำไมค่าจารบีแพงจัง
        น้ำมันเครื่องยี่ห้ออะไร
จนท.: แป้บค่ะ
เรา : อ้าว ช่างเป็นคนตัดสินใจเหรอคะ??
จนท.: ใช่ค่ะ
เรา : อ้อค่ะ
     คือทาง จนท.เหมือนความรับผิดชอบโยนให้ช่าง ซึ่งจริง ๆ ช่างไม่กล้าหรอกค่ะ เพราะกลัวต้องรับผิดชอบกรณีแบบนี้ ถ้าเราบอกไปว่า ถ้าช่างตัดสินใจก็ให้ช่างจ่าย เค้าจะว่ายังไงคะ ยอมรับว่าหงุดหงิดมากในเย็นนั้น แต่ก็รอให้ถึงอีกวัน

28/10/59 เข้าไปรับรถ 10 โมง หลังจากบอกพนักงานรับรถว่ามารับรถทะเบียนนี้ เค้าก็ไปเอารถมา พร้อมใบเสร็จและแจ้งค่าใช้จ่าย เราก็ยิงคำถามว่า ใช้น้ำมันเครื่องอะไร น้ำมันเกียร์อะไร ใครสั่งให้ทำ จนท.ของอู่บอกช่างเค้าต้องยกเครื่องลง เราตอบไปเข้าใจว่ายกเครื่องลง แล้วทำไมไม่โทรแจ้งสักหน่อย ในเมื่อยางยังแจ้งได้ แล้วทำไมน้ำมันเครื่องหรือของเหลวต่าง ๆ แจ้งไม่ได้ ซึ่ง จนท.เค้าพยายามบอกว่าแจ้งแล้ว ซึ่งเราก็เถียงว่าไม่ได้แจ้ง เพราะถ้าแจ้งให้เรา เราต้องถามคนของเราเรื่องน้ำมันและอีกอย่าง เรามีที่บ้านอยู่แล้ว เลยให้ไปเรียกช่างมา พอช่างมา เราถามอะไรก็ตอบไม่ได้ อ้ำอึ้ง คือเอาง่าย ๆ เค้าไม่ได้รู้เรื่อง ดูท่าน่าจะเป็นช่างประกอบรถมากกว่า ไม่ใช่ช่างเครื่อง (อู่จะแยกช่างระหว่างซ่อมเครื่องกับประกอบ) เจ้าหน้าที่ก็พยายามแถหลาย ๆ อย่าง และให้เราดูกระป๋องน้ำมันต่าง ๆ
น้ำมันเครื่อง 1 กระป๋อง
น้ำมันเกียร์ 5 กป.
กระปุกจาระบีเปล่าเล็กที่หมดแล้ว 1 กระปุก
น่าจะประมาณนี้ คือของพวกนี้ในอู่หาได้อยู่แล้ว ซึ่งน้ำมันเกียร์ 5 กป.คุณว่าคุณเติมหมด ซึ่งคนวามเป็นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ซ่อมเกียร์ ถอดเกียร์ น้ำมันเครื่องยี่ห้อโนเนม ไม่รู้จัก เราไม่ได้สนใจดูของพวกนั้นเลย จนท.จึงเห็นท่าเราคงไม่ยอม จึงบอกว่า งั้นถ่ายออกก็ได้ค่ะ เราก็โอเค ถ่ายเลย ไม่อยากมีปัญหาก็ถ่ายเพราะเราถือว่าเราไม่ได้รับรู้รับทราบ ซึ่งคนนของเราก็บอกให้ถ่ายเฉพาะ น้ำมันเครื่องกับน้ำมันเกียร์ เพราะของเหลวอย่างอื่นมันต้องใช้เวลา เค้าก็เอารถไปขึ้นที่ยกไฮโดรลิค เราก็ตามไปดู ช่วงที่ถ่ายออกนั้น เรารู้เลยว่าช่างคนที่ว่าดูไม่คล่องและไม่ชำนาญ ซึ่งพอถึงตอนนี้ จนท.บอกเราว่าถ้าเป็นเคสที่เร่งประกอบหรือเร่งซ่อมจะเอาช่างจากข้างนอกมา เราก็อืมถึงบางอ้อว่า อู่โกหกเราว่าช่างที่เค้าเรียกมาน่ะซ่อม แล้วถ่ายน้ำมันเกียร์ถ่ายได้แค่ 3 ลิตร แล้วอ้างว่าที่เหลืออีก 2 ลิตรน้ำมันเข้าทอร์ค เราเลยเออเคตามนั้น ไม่อยากเถียงอยากให้จบ เพราะจริง ๆ แล้วที่พี่ช่างและคนของเราบอกคือ ถ้าไม่ได้ยกเกียร์หรือถอดเกียร์ไม่มีทางถึง พอถ่ายเสร็จคนของเราก็เอาน้ำมันมาเปลี่ยนใส่ แล้วถ้าอู่ที่พร้อมเค้าจะมีกรวยสำหรับกรอกน้ำมันแต่ที่นี่เป้นขวดน้ำกลั่นตัดปาก พอจะนึกออกใช่ไหม แบบกรวย
     เราเลยไปออฟฟิศด้านหน้าเพื่อไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย ซึ่งในใบเสร็จ จะตัดน้ำมันเครื่องกับน้ำมันเกียร์ออก 3 ลิตร เป็นเงิน 1500 และในใบเสร็จ ทั้งหมดมัน 5570 เค้านำใบเสร็จที่ให้เราก่อนหน้านี้ไป แล้วไปด้านเคาเตอร์เค้า และกลับมาพร้อมรอยปากกาแดงขีดเส้นฆ่า น้ำมะนเครื่อง กับน้ำมันเกียร์ และขีดตรงตัวเลยจาก 5 เป็น 3 ย้ำว่าขีดฆ่า และตัวหนังสือที่เขียนจำนวนเงินก็ใช้ปากกาแดงฆ่าออก ตัวเลขก้อเช่นกัน แล้วเขียนด้านบนตัวเลข และเหลือ 4,970 ไงละคะ ความเป็นมืออาชีพไม่มีเลย
     เท่านั้นไม่พอ เราก็ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรไม่อยากจะสนใจ จึงบอกว่ารอกระเป๋าเงินแป้บนะคะ เพราะพี่เอาไว้ในรถ จากนั้นก็มีเวลาเช็คใบเสร็จซึ่งเราใช้เครื่องคิดเลขในโทรศัพท์เช็ค ปรากฏว่าเราได้ 3770 หืมมม!!! แล้วที่เขียนไปล่ะ 4970 ถ้าเราใจเร็วด่วนได้หรือกระเป๋ามีตรงนั้น เราคงไม่ได้เช็ค เราก็เรียก จนท.บัญชีเค้า มา บอกให้ตรวจสอบให้พี่หน่อย เค้ายังยืนยันว่าเท่านี้ เราเลยบอกว่าเราคิดได้ 3770 และบอกให้ จนท.เอาเครื่องคิดเลขมากด ก็กดให้ดูว่าเราได้เท่านี้ เค้าก็เอาไปกด ปรากฏว่าได้เท่าเรา แล้วเอาใบเสร็จไปแก้ ซึ่งทำวิธีเดียวกับคนรั้งแรก คือ ปากกาแดงขีด และกลับมายื่นให้เรา และไม่มีการขอโทษสักคำ ทำหน้าแบบเราเรื่องมาก เราก็มองหน้า และมองใบเสร็จที่รอยขีดฆ่าถึง 2 ครั้ง (ลืมถ่ายรูป)จึงบอกว่าขอใบใหม่ได้ไหมคะ เค้าก็รับไปและเอาใบใหม่มาให้ ซึ่งคุณลองคิดว่าใบเสร็จรับเงินธรรมดา ซึ่งใช้ตรายางปั้มหัว และเขียนเลขเอาเนี่ยมันจะยากในการเปลี่ยนหรือ  และคิดว่าสมควรหรือกับการขีดฆ่าในใบเสร็จ ขนาดเอกสารพวกมีรอยเขียนซ้ำเค้ายังไม่เอาเลย
      คือมาถึงจุดนี้นี่แบบอยากรีบออก และต้องรีบไปบริษัทประกันด้วย เพราะไม่งั้นคงจะระเบิดอารมณ์แน่ ๆ พอออกมากะลังเข้าไปในรถปรากฏว่า คอนโซลประกอบไม่ดีอ้าออกมา โหววว ที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ คือคุณจะปล่อยรถคุณไม่เช็ครถเลย แต่ด้วยความที่รีบและคิดว่าถ้าบอกต้องได้เอารถไว้อีกแน่ ๆ เลยตัดสินใจออกมา และไปที่ประกัน เพื่อทำเรื่องขอค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ และไประบายให้เจ้าหน้าฟัง ซึ่งเจ้าหน้าที่บอก ตัวเองก็เจอ เค้าถามคำแรกคือใครบอกให้ไปที่นั่น หึหึ ถามแบบนี้แสดงว่าอู่นี้มีตำนาน 5555 และทำเรื่องเสร็จก็ออกมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่
     จบเรื่องอู่ในตำนาน(หรือเปล่าไม่รู้) แต่ที่รู้ไม่ย่างกรายแน่นอน ก่อนเข้าอู่ควรเช็คประวัตินิดนึงก็ดีนะคะ เพราะตอนหลังซ่อมเสร็จเราเช็คประวัติ โอ้โหวววว!!!!! โชกโชนมาก ในเรื่องไม่ค่อยจะน่าฟัง
     ในสุดท้ายนี้ไม่มีอยากจะเจอเหตุการณ์แบบนี้หรอกค่ะ ในเมื่อเจอแล้วที่ออกมาพูดอยากให้ทราบว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนนะคะที่จะไม่รู้เรื่องรถ เรื่องเครื่องยนต์ โดยเฉพาะคนที่เค้าต้องใช้รถเดินทาง เพราะรถคือเครื่องมือทำมาหากินของเค้าค่ะ และการทำกิจการใดก็ตามถ้าคุณซื่อสัตย์และมีจิตบริการต่อลูกค้า คุณจะได้ลูกค้าเพิ่ม แม้วันนี้เค้าไม่ได้ทำอะไรกับคุณ วันหน้าเค้าจะนึกถึงคุณ  แต่นี่คุณได้ก็แค่เงินแค่ครั้งเดียว พร้อมทั้งคำคอมเพลน ติติง หรือบางตนอาจจะด่าด้วยซ้ำ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นานค่ะ ขอบคุณค่ะ
***จริง ๆ อยากได้คำอธิบายจากอู่และแสดงความรับผิดชอบนะ แต่ไม่มีเวลา****

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่