แชร์ประสบการณ์ แมวแก่อายุ 20 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน วิธีสังเกตอาการ การดูแลรักษา

จขกท ขอแชร์ข้อมูลเพื่อให้เจ้าของแมว ที่มีแมวป่วยเป็นโรคเบาหวาน ได้รู้ถึงอาการ วิธีการรักษา การดูแลแมวป่วย

แมวของเราอายุ 20 ปี เพศ ญ ทำหมันแล้ว หนักประมาณ 4 โล พันธุ์ไทย ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
โดยปกติแมวเรา กินอาหาร กระป๋องk/d – science diet สำหรับแมวเป็นโรคไต,อาหารเปียก whiskas ,
อาหารเม็ดสำหรับแมวแก่ Royal Canin

ตารางการให้อาหาร อาหารเปียก 2 เวลาคือ เช้า เย็น อาหารเม็ด ตลอดทั้งคืน
แมวเราหน้าตาแบบนี้ค่ะ




โดยปกติแมวของเราแข็งแรงมากๆ เคยป่วยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบประมาณ 1 อาทิตย์
จากนั้นก็รักษาหายไม่เป็นอีกเลย จึงให้กินอาหารป้องกันโรคไตตั้งแต่นั้นมา
แมวเราแข็งแรงมาก จนกระทั่ง 17 ตุลาคม 2016…

ระยะเริ่มต้นของอาการ
แมวจะมีอาการกินน้ำตลอดหรือกินบ่อยกว่าปกติมากๆ ฉี่บ่อย แต่ละครั้งในปริมาณที่เยอะ
มีสภาพอ่อนเพลีย ไม่มีแรง และไม่ถ่ายเลย ติดต่อกัน 3 วัน


เราเลยพาไปหาหมอที่คลินิกแถวลาดพร้าว ซ7



หมอตรวจเลือดที่ขา โดยผลเลือดออกมาว่า ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก 600+
ซึ่งโดยปกติแมวไม่ควรเกิน 150 ดังนั้นจึงต้องแอดมิด นอนอยู่ทีโรงพยาบาลสัตว์เพื่อทำการรักษา
โดยการควบคุมอาหาร (กินอาหารเปียกสำหรับแมวเป็นโรคเบาหวาน w/d  science diet เท่านั้น)
และต้องคาเข็มไว้ที่แขนตลอดเวลา เพื่อดูดเลือดตรวจทุกวัน คุณหมอจะทำการหาปริมาณที่เหมาะสม
ในการฉีดอินซูลิน เพื่อไปลดระดับน้ำตาลในเลือดของแมว ซึ่งตลอดเวลาแมวของเรา จะนอนอยู่ในกรง
และมีกระบะทราย และน้ำ อยู่ข้างๆ



เราไปเยี่ยมแมวเราทุกวันเป็นเวลา   5 วันและแล้ววันที่รอคอย คือเอาแมวกลับบ้านไปดูแล
รักษาเอง โดยการคุมอาหาร และฉีดอินซูลิน

คืนแรก
เราเอาแมวไปนอนด้วยในห้องนอน พร้อมกระบะทราย เวลา  5 ทุ่มเริ่มมีความปิดปกติ
คือตัวมันอ่อนเพลียมากๆ ไม่มีแรง ฉี่ราด หัวพับ คออ่อน และมีอาการอ้าปาก ตาพองเหมือนจะชัก  
เราตกใจมากๆ รีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์ที่อยู่ใกล้บ้าน ไปถึงหมอตรวจเลือด
แจ้งว่าค่าน้ำตาลต่ำลงมากเหลือ 15 เลยเกิดอาการช๊อคน้ำตาล ไม่มีน้ำตาลในกระแสเลือด
เกิดจากการฉีดอินซูลินไปลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมันลดเร็วเกินไป

หมอรักษาโดยการให้น้ำตาลกลูโคสเข้ากระแสเลือดทันที มันเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นนอนเฝ้าอาหารในห้องปลอดเชื้อ ตอนเช้าไปรับกลับมาเพื่อไปหาหมอคลินิกสัตว์ ตรงลาดพร้าว ซ 7

เช้าวันที่ออกจากโรงพยาบาล


พอไปถึงคลินิคตรงลาดพร้าว หมอแนะนำให้แอดมินอีกรอบ แต่เราไม่ต้องการ เลยขอไปส่งตอนเช้า
ฝากไว้ตอนกลางวัน พอตอนเย็นรับกลับไปนอนกลางคืนด้วยกัน  คืนแรกหลังจากที่ออกจากคลินิก
ผ่านไปด้วยดี พอคืนต่อมา หลังจากไปรับกลับบ้าน ช่วงเวลา  5 ทุ่ม เริ่มมีอาการเดิม เหมือนเดิม จะชัก
เลยพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน (ครั้งที่ 2)  เพื่อช่วยชีวิตอีกครั้ง ค่าน้ำตาลลดเหลือ 14 ทำการให้กลูโคสทางเลือด
แต่ครั้งนี้เอากลับบ้านไม่ได้ฝากไว้ที่ห้องปลอดเชื้อ

รุ่งขึ้นไปหาหมอที่คลินิก เล่าทุกอย่างให้ฟัง หมอแนะนำแบบให้แอดมิน แต่เราไม่ยอม
ขอไปกลับแบบเดิม ผ่านไป 2 วัน หมอแจ้งว่าไม่ต้องมาโรงพยาบาลตอนกลางวันแล้ว
โดยให้ฉีดอินซูลินเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดให้แมวเอง และต้องอาหารตามที่กำหนดตรงเวลาเป๊ะๆ
โดยหมอแนะนำว่า หากมีอาการช๊อคน้ำตาล ควรรีบให้น้ำผึ้งผสมน้ำเพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือด

หน้าตาขวดอินซูลิน


อาหารกระป๋องสำหรับแมวเป็นโรคเบาหวาน


คืนแรกที่เอากลับบ้าน การฉีดอินซูลินด้วยตัวเองผ่านไปได้ด้วยดี
แมวมีร้องนิดหน่อยเพราะเรายังไม่รู้น้ำหนักว่าแบบไหน จะไม่เจ็บ หรือเจ็บ คืนแรกผ่านไปได้ด้วยดีถึงเช้า


คืนที่ 2 หลังจากฉีดอินซูลินและกินข้าวแล้ว แมวเราจะเริ่มผิดปกติ ประมาณ 5  ทุ่ม
มีอาการแบบเดิม คืออ่อนเพลีย คอพับ คออ่อน แต่ไม่รุนแรงมาก
เราเลยป้อนน้ำผึ้งผสมน้ำประมาณ 2 สลิงค์ จากนั้นแมวเราก็ค่อยๆดีขึ้น แต่ยังมีความอ่อนเพลีย

คืนที่ 3 พีคสุด เริ่มจากเที่ยงคืนเริมอ่อนเพลีย ซึ่งเราจึงรีบป้อนน้ำผึ้ง 2 สลิงค์ แต่ครั้งนี้มันไม่ไหว
มันชัก ตัวสั่น อ้าปาก หางพอง ขา แขนสั่นไปทั้งตัว สั่นแบบแรงมากๆ



เรากับแม่ตัดสินใจว่าจะไม่พาไปโรงพยาบาลแล้ว เพราะสงสารที่มันต้องถูกเข็มแทงแขนขา คอ
ไม่รู้กี่สิบแผลแล้ว เลยบอกมันว่าให้หลับไป จะได้ไม่ทรมาน ซึ่งตอนนั้นเราพยายามทำใจ
แต่ก็ร้องไห้ตลอด มันชักๆ หยุดๆ ซึ่งเรากอดมันไว้ตลอดและมั่นใจว่ามันจะต้องตายแน่ๆ

ใกล้เช้า แมวเริ่มชักน้อยลง เราพยายามป้อนข้าวเล็กน้อย จากนั้นมันก็อ่อนเพลียนอนน้ำลายไหล
และชักกระตุกเป็นครั้งๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งตอนแรกเราตัดสินใจที่จะไม่พาไปหาหมอ
แต่สุดท้ายก็ขอไปอีกรอบ เพื่อไปถามให้แน่ใจว่า อาการแบบนี้มันไม่ไหวแล้วใช่ไหม
จะได้พากลับบ้านและจะได้ทำใจอีกครั้ง

ไปถึงคลินิค หมอรีบให้ออกซิเจน ตรวจเลือด พบว่าค่าน้ำตาลลดเหลือ 47
หมอบอกว่าร่างกายมันค่อนข้างแก่มาก ไม่ปรับตัวกับอินซูลินที่ฉีดเข้าไป
หากขาดออกซิเจนมันก็จะตาย ตอนนั้นเราทำใจไม่ได้ เลยขอแมวเรากลับบ้าน
ถ้าจะตายก็ขอให้ไปตายที่บ้านที่มันเคยอยู่


เราพามันกลับบ้าน เราทำใจไว้ว่ามันตายแน่ๆ มันหลับตา นอนตลอดเวลาแต่ยังหายใจอยู่ตลอด
เราพามันไปนอนด้วยทุกคืน ในใจคิดว่าหากตื่นมามันจะยังอยู่ไหม

รุ่งเช้ามันยังอยู่  วันนี้เราตั้งใจแล้วว่าจะงดการฉีดอินซูลิน และให้อาหารตามปกติ คือวันละ 2 มื้อ
(ปกติตอนรักษาหมอให้กินวันละ 5 มื้อ 1 กระป๋องใน 1 วัน ซึ่งมันเยอะมากและกินติดๆกันทำให้มันไม่อยากกิน แต่ต้องบังคับ)
เราให้อาหารมันตามปกติ มันนอนทั้งวันโดยที่ไม่ลุกไปไหน ไม่สามารถใช้กระบะทรายได้ต้องใส่แพมเพิส
คืนนี้ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอาการชัก หรืออ่อนเพลียเกิดขึ้น
รุ่งเช้า มันพยายามเดิน แต่โซเซมาก มันดูเหมือนมีแรงมากขึ้น



หลังจากนั้นมันพยายามใช้ชีวิตตามปกติ โดยมีอาการที่ดีขึ้น สลับกับแย่ลง
โดยในแต่ละวันเราให้อ๊อกซิเจนเป็นระยะๆ ทั้งวัน มันพยายามเดินไป ฉี่ / ถ่ายที่กระบะทราย
บางวันมันอาการดี บางวันมันไม่มีแรง เรากับแม่ก็ดูแลกันอย่างเต็มที่


จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2016
แมวมีอาการอาเจียน ตลอดตั้งแต่เช้า ไม่ว่าจะป้อนน้ำ ข้าว น้ำผึ้ง
ตลอดเวลาเราให้ออกซิเจนตลอดเวลา มันนอนแบบอ่อนเพลียมากๆ ไม่ลุกไปไหน ไม่ถ่าย ไม่ฉี่  
ประมาณบ่าย 3 มันก็จากไปอย่างสงบ เหมือนนอนหลับไปเฉยๆ
ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้

จากนั้นเราขุดหลุมฝังไว้ที่หน้าบ้าน ประดับด้วยดอกไม้ด้านบน


รวมระยะเวลาป่วย 20 วัน อายุ 20 ปี


ตลอดระยะเวลา 20 วันมันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะสามารถดูแลแมวตัวนี้อย่างดีที่สุดแล้ว

หลับให้สบายนะ ...



ปล. เราขอแจกอินซูลินสำหรับสัตว์ ฟรี พร้อมเข็มที่ยังไม่ได้ใช้จำนวนหนึ่ง พร้อมอาหารกระป๋อง w/d
สำหรับแมวที่เป็นโรคเบาหวาน 2 กระป๋อง
อินซูลินยังเหลืออีกเยอะมาก หากใครมีหมา หรือแมว ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หลังไมค์มาเอาได้เลย
ขอคนมารับได้ด้วยตัวเอง นำกระติกใส่น้ำแข็งเก็บความเย็นมาด้วย
เนื่องจากอินซูลินต้องแช่เย็นตลอดเวลา และห้ามเขย่า  จขกท อยู่แถว ทาวน์อินทาวน์ (พระราม 9)


Update : มีผู้ติดต่อขอรับ อินซูลินแล้วค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่