ทำไมบางคนถึงเลือกที่จะทำร้ายตัวเอง

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิพทุกคนอมยิ้ม04

เมื่อไม่นานมานี้ มีกระแส “การทำร้ายตัวเอง” ออกสื่อโซเชี่ยลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สด กรีดแขนตัวเองในเฟซบุ๊ค
ไปจนกระทั่งการไลฟ์สดฆ่าตัวตายเลยก็มี

หลายๆคนคงจะไม่เข้าใจกับการกระทำเหล่านี้ของพวกเค้าสักเท่าไหร่ แต่ทราบอะไรมั้ยคะ มีคนจำนวนมาก ที่เป็นพวกชอบทำร้ายตัวเอง
แต่ไม่ได้แสดงตัวอยู่มากจำนวนนึงเลยค่ะ หนึ่งในนั้น ก็ตัวเราเอง ซึ่งจริงๆคนที่รู้ ก็มีแค่3คนเท่านั้นค่ะ
เพื่อนสนิทบางคน และ คนในครอบครัวก็ยังไม่รู้กันเลยด้วยซ้ำ เราเลยขอมาแชร์เรื่องราวที่เราได้พบเจอมาตั้งแต่เด็กๆ
ว่าเริ่มต้นจากอะไร ทำไปทำไม และรู้สึกยังไงให้ชาวพันทิพอ่านกันค่ะ เผื่อจะเข้าใจมุมของคนแบบเรามากขึ้นนะคะ



_______________________________________________________________________________________


เราเป็นเด็กกรุงเทพธรรมดาคนนึง แต่ต้องย้ายที่เรียนเรื่อยๆ ด้วยอาชีพของพ่อและแม่เรา ตัวเรามีน้องสาวที่ห่างกัน 5 ปีคนนึง
แรกๆเราอออยู่ด้วยกันค่ะ  แต่ด้วยภาระของพ่อและแม่เรา พวกเค้าแทบไม่มีเวลาให้เราสองพี่น้อง เวลาของเรากับน้องสาวส่วนใหญ่เลยเป็นของพี่เลี้ยง
แต่ ณ ตอนนั้นชีวิตแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย ฐานะทางบ้านก็ดี พ่อแม่เราเลี้ยงเราด้วยวาจาซะส่วนใหญ่ ไม่เคยโดนตีเลย
อาจจะมีบ้างแบบเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร ครูที่โรงเรียนก็มีตีบ้าง เพราะสะกดศัพท์ผิดอะไรแบบนั้น พี่เลี้ยงเราก็รักเรากับน้องแบบลูกตัวเอง ถ้าตอนนั้นเรามีเวลาอยู่กับพ่อแม่มากกว่านี้ ก็คงจะเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากๆช่วงนึงเลยค่ะ
แต่ก็มีเหตุการณ์จนได้ และเป็นเหตุการณ์แรกที่ทำให้เราเริ่มมีความคิดทำร้ายตัวเองค่ะ


เมื่อตอน ป.4 ประมาณ 9-10 ขวบได้ ครูประจำชั้นทวงสมุดพกเราค่ะ ซึ่งมันก็ได้เวลาคืนแล้ว แถมเหลือคนเดียวของห้องซะด้วย
แต่เราก็ให้แม่แล้วนะ แล้วจำไม่ได้ว่าแม่เอาไว้ที่ไหน พอถามแม่ แม่ก็บอกว่าเอาคืนให้แล้ว ช่วงนั้นก็วุ่นวายหากันใหญ่กับพี่เลี้ยง
แต่สุดท้ายก็หาเจอค่ะ แม่เอาไปอ่านในห้องน้ำ แล้วคงวางลืมไว้ ณ นาทีนั้นเราดีใจมาก โทรหาครูประจำชั้น เล่าให้ครูฟังว่าเจอแล้วนะ
และครูก็ตอบกลับมาว่า “เธอนะเธอ...พรุ่งนี้เอาขนมมาเลี้ยงเพื่อนทั้งห้องเลยนะ” ด้วยความใส ไม่รู้ว่าเค้าประชด555+
โทรหาพ่อเลยค่ะ บอกว่าให้ซื้อขนมมาเยอะๆเลยนะ ครูบอกให้เอาไปเลี้ยงเพื่อน พ่อเราก็งงค่ะ ว่าเนื่องในโอกาสอะไร
บวกกับงานที่คงเครียดมากๆ ค่ำแล้วจะต้องออกไปซื้อขนมให้ลูกอีก พ่อเราก็เลยโทรไปหาพี่เลี้ยงเราค่ะ
พี่เลี้ยงเราก็ถามเราต่อค่ะว่าเอาไปเลี้ยงเพื่อนเนื่องในโอกาสอะไร เราก็ตอบไป ก็ครูบอกมา พี่เลี้ยงเราไม่รอช้า โทรไปถามครูเลยค่ะ
ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง พี่เลี้ยงเราเองก้แอบโวยๆใส่ครูเหมือนกัน จนสุดท้าย พี่เลี้ยงพูดกับเราว่า “ไปพนันอะไรเพื่อนไว้”
ณ ตอนนั้นแก้ตัวอะไรไม่ออกค่ะ ไม่รู้ว่าพนันเค้าทำกันยังไง เคยได้ยินคำนี้ เป็นสิ่งไม่ดีแค่นั้นเอง
จากนั้นพี่เลี้ยงเราก็โทรไปหาพ่อเราค่ะ บอกว่าเราติดพนันเพื่อนไว้ พ่อเราก็คงจะโกรธนะ แต่ไม่รู้หรอก ไม่ได้เจอกันคืนนั้น หลับก่อน555+


แค่นี้ฟ้ายังคงเห็นว่าแย่ไม่พอ อีกวันที่เราไปโรงเรียน ครูประจำชั้นแสนดีคนนั้นหายไปแล้วค่ะ เมื่อเห็นหน้าเรา ครูก็พูดเสียงดังมาก “ว่าเด็กขี้โกหก” แล้วไม่พอ ตอนเปลี่ยนคาบ เดินสวนกับครูคนอื่น ครูคนนี้ก็ทำท่าชี้มาที่เราแล้วซุบซิบกัน
แล้วก็มองมาที่เราอีกรอบ ตอนนั้นเราเสียใจ ปนกับไม่เข้าใจ ว่าเราผิดอะไร ทำไมต้องทำแบบนี้
เราครูโดนครูคนนี้มองข้ามเรามาตลอดเทอมค่ะ ในหัวเราก็คิดแต่ว่า ยอมโดนตีดีกว่ามาเจออะไรแบบนี้
ตอนนั้นแหละค่ะ ที่เราเอาไม้บรรทัดมาตีมือ ตีหน้าตัวเอง พอเจ็บมากๆแล้วหายเจ็บ ก็รู้สึกดีขึ้น
เลยเริ่มรู้จักการทำร้ายตัวเอง ณ ตอนนั้นแหละค่ะ

เหตุการณ์ที่หนักที่สุด คือตอนที่ทางโรงเรียนจะแจกรางวัลให้กับนักเรียนในด้านวิชาการ และ จริยธรรมทุกๆปีอยู่แล้ว
และช่วงต้นเทอมเราเก็บเงินได้ 1000 บาท เราเลยได้รางวัลความซื่อสัตย์ค่ะ เมื่อครูคนนั้นประกาศชื่อเราออกไป ก็สตั๊นเล้กน้อย
มองค้อนมาที่เรา แล้วพูดดังๆ ให้เพื่อนทั้งห้องได้ยินว่า “เด็กขี้โกหกได้รางวัลความซื่อสัตย์เนี่ยนะ ไม่น่าได้เลย
เราอยากลุกหนีไปไกลๆ ไม่ต้องกลับมาในห้องเรียนอีก เราคิดออกแค่การเอาคัตเตอร์ กรีดนิ้วตัวเองให้เลือดมันไหลออกมา
และเดินไปห้องพยาบาลคนเดียวโดยครูคนนั้นไม่ได้สนใจอะไร ไม่แม้แต่จะหันมามอง

หลังจากนั้น เหมือนโชคเข้าข้างค่ะ เราต้องย้ายโรงเรียนอีกรอบ คราวนี้ไปเชียงใหม่เลย ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมากๆ
ที่จะไม่ต้องมาเจอบรรยากาศที่กดดัน แต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้อีก



ส่วนเรื่องที่เล่ามามีคนรู้มั้ย ไม่ค่ะ ไม่มีใครเชื่อเราเลยในวันแรกที่เกิดเรื่อง เราก็ไม่เล่าให้ใครฟังอีกเลย จนกระทั่งวันนี้แหละ ส่วนร่องรอยบาดเจ็บ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสังเกตุ เพราะกว่าพ่อแม่ของเราจะกลับบ้าน เราก็นอนแล้วค่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่ามีแค่เราคนเดียวจริงๆค่ะ

ถ้าถามว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง เจ็บมั้ย เราตอบเลยค่ะ เราเจ็บใจมากกว่า
แต่เจ็บใจมันเอาออกมาไม่ได้ มันสู้เจ็บกายแล้วความเจ็บมันค่อยๆทุเลาลงไม่ได้
เลยเลือกที่จะพึ่งการทำร้ายร่างกายบ่อยๆ นั่นแหละค่ะคือทางออกของปัญหาใหญ่ปัญหาแรกของเรา

นี่แค่เริ่มต้นนะ ยังมีเรื่องราวตอนโตขึ้นมาอีก ขอไปนอนก่อน เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้ค่า อมยิ้ม02
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่