ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนเลยนะคะ ทริปนี้เป็นมีเวลาเตรียมตัวเเค่2เดือน เเละการเกิดจากที่เพื่อเราไม่ทนคะ เธอตัดสินใจลาออกจากงานก่อนกำหนดเพราะเราตั้งใจจะไป ช่วงเมษาปีหน้า เเต่เราเพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ ได้ไม่ถึงอาทิตย์ เธอก็เเชทมาบอกจะลาออกจากงาน เเล้วถามว่าถ้าเราไปตุลานี้ละ ? เราซึ่งตอนนั้นจนมาก5555 เเต่เมื่อสัญญากันเเล้ว ตังค์มีพอซื้อตั๋วเครื่องบิน ไปก็ไปคะ เพราะภาพย่าติงมันติดหัวตั้งเเต่อ่านรีวิวครั้งเเรก เเต่แม่ด่าเละคะงานนี้


ส่วนตัวเราไม่ได้จีนเลยเเต่ครั้งนี้มาจีนครั้งที่5 ส่วนเพื่อนเราเธอ ฟังเเละพูดจีนพอได้นิดหน่อยคะ
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปมางคุณหมิง กลับทางเฉิงตู 5803บาท
ค่าวีซ่า 1500 บาท
ค่าประกันการเดินทาง12วัน 330 บาท
วันที่17 ตุลาคือวันเดินทางของเรา ออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 07.50 ถึงคุนหมิง 11.40 เข้าห้องน้ำในสนามบินให้เรียบร้อย เพราะปลอดภัยสุดแล้วคะ หลังจากนั้นก็เดินออกมาตามทางรถบัส เลี้ยวซ้ายจะเป็นท่ารถบัสเข้าเมืองจะไปจอดที่สถานีหลัก มีหลายสายสอบถามคนขายตั๋วได้คะ เขาพูดอิงค์ได้ สถานีรถบัสที่เราจะไปคือ West bus station (Xi Bu) ค่ารถ 13หยวน นั่งชม.นิดๆก็มาถึงคะ ลงป้ายสุดท้ายเดินตามคนอื่นมาอีกนิดก็ถึง ช่วงนี้ใครเเพ้บุหรี่ หรือไม่ชอบควันมัน ควรเตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วยนะคะ เราใส่กันเเทบทุกวัน


เมื่อเข้ามาถึงก็ไปที่ช่องขายตั๋วเเล้วพูดว่า เเชง เก้อ ลี่ ล่า เขาก็จะให้เราเลือกคะ มีตั้งเเต่ หกโมงครึ่ง ถึงสองทุ่ม เราเลือก หกโมงครึ่งเพราะอยากไปถึงเเต่เช้าจะได้มีเวลาเที่ยวคะ ราคาตั๋วเป็นไนท์บัส ราคา 208 หยวน หลังจากนั้นก็เอากะเป๋าไปฝาก เข้าใจว่าใบละ10 หยวน ฝากได้ ถึง22.00 หลังจากนั้น ก็ไปข้าวกินเเถวๆท่ารถนั้นเเเละคะ เสร็จเเล้วยังมีเวลาเหลืออีกหลายชม. จะนั่งรถเข้าไปในเมืองก็ไม่รู้ว่าจะต้องนั่งสายไหน จะนั่งรถที่นั่งเข้ามาก็รู้สึกเเพงเกินไป เราเราตัดสินใจเดินคะ เดินไปเรื่อย ๆ แบบ เจอห้างเจออะไรบ้าง เเต่ที่ไหนได้เจอเเต่คอนโดที่เป็นที่อยู่อาศัยทั้งนั้นเลย
เดินสอง ชม.เเบบชิวๆ เพราะทางเท้ากว้างมาก เเถมบนถนนมีช่องสำหรับรถเล็ก ทำให้ไม่มีรถมาวิ่งบนทางเท้าเลย
หลังจากเดินตรงดิ่งอย่างเดียวมา สองชั่วโมง เราก็มาถึงตลาดคะ มีร้านอาหารเเละร้านเค้กด้วย เเวะพัก เเละไปเดินเล่นในตลาด ผักบ้านเขาใหญ่แบบอลังการมาก

หลังจากเดินเที่ยวจนไม่รู้จะเดินไปทางไหนเเล้วเราก็เดินกลับท่ารถ โดยเดินหาห้องน้ำไปด้วย หวังว่าจะเจอห้างเเล้วจะไปเข้าห้องน้ำคะ เเต่ไม่เจอเลย จนถึงท่ารถ เราเลยรู้ว่าต้องเสี่ยงเเต่ต้องขอลอง 555 เราเป็นคนไปก่อน แปรงสีฟันยาสีฟัน ทิชชูเปียก อย่างหลังสำคัญมาก ช่วยให้เรารู้สึกสะอาด เมื่ออุปกรณ์พร้อมเราก็เดินไปห้องน้ำ สภาพเเรกที่เจอคือคนยืนรอเข้าห้องน้ำ เเละน้ำนองพิ้นเต็มไปหมด เพราะป้าเเม่บ้านกำลังฉีดน้ำทำความสะอาด เราเห็นว่าเป็นโอกาสดีของเราจริงๆ เพราะเเสดงว่าป้าเพิ่งล้างห้องน้ำไป มันยังสะอาดแม้จะมีกลิ่นนิดหน่อย เราก็เข้าไปคนเเรกเลยคะ ห้องน้ำแบ่งเป็น 2 ล็อค เเต่มีประตูปิดมิดชิดเเต่ล็อคไม่ได้ ยกพิ้นด้วย เข้าไปก็ตามสไตล์จีนเลยจ้ามาเป็นร่อง เเต่ไม่มีอะไรอยู่ข้างล่างเพราะเพิ่งล้างไป เราก็รีบทำธุระเบา ให้ทำจบๆไป รีบออกมา แปรงฟัน เเละรีบไปบอกเพื่อนถึงวิธีการที่เราใช้ ช่วยให้เราไม่สยองจนเกินไป 555 หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็ไปขึ้นรถกันคะ ก่อนจะนั่ง เช็คที่นั่งของตัวเองดีๆนะคะ เพราะเลขที่มันจะสลับบนกับล่าง ควรถามคนข้างๆก่อนดีที่สุดคะถามไม่เป็นก็ยื่นตั๋วให้เขาเลย
สภาพรถที่ต้องนอนไปคะ
ก่อนขึ้นรถอย่าลืมเสื้อกันหนาวนะคะ เพราะเมื่อถึงเเชงกรีล่าช่วงที่เราไปคือเลขตัวเดียวถึงติดลบคะ และสภาพผ้าห่มบนรถอาจจะไม่โอเคได้ เราก็ใช้เสื้อกันหนาวห่มเอา เเต่พอนอนไปสักพัก ต้องดึงผ้าห่มมาห่มทับเพราะมันหนาว ก่อนนอนเราก็กินยาเเก้ปวดกับเเก้เมารถไปด้วยกันไว้ดีกว่าแก้ รถจะจอดประมาณ3-4 ครั้งเราไม่เเน่ใจเพราะตั้งใจจะไม่ลงไปอยู่เเล้ว 14 ชม.ผ่านไปเราก็มาถึงเเชงกรีล่า ถิ่นคุ้นเคย ช้ากว่าข้อมูลที่หามา 4 ชม. หลังจากนั้นเราก็ลากกระเป๋าไปซื้อตั๋วไปเต้าเฉินเตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้ พวกเราลากกระเป๋าไปจริงๆคะ ใครไปจีนหลายๆวันเราเเนะนำเป็นกระเป๋าลากที่ขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว จะสะบายกว่าเป้เเบคเเพคเยอะเลย ประเทศจีนเขาทำทางเอื้อต่อกระเป๋าลากอยู่เเล้วคะ ค่าตั๋วไปเต้าเฉินราคา 109 หยวน เมื่อเราได้ตั๋วก็ลากกระเป๋า เเบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น ออกมาเรียกแท็กซี่ไปเมืองเก่า ราคา มาตราฐานที่ 10 หยวน จากที่เเท็กซี่ส่งเรา เดินผ่านมาจนถึงซอยที่2 เราเลยลองเข้าไปถาม เเละขอดูห้อง เมื่อดูห้องเสร็จเเละเราก็เหนื่อยเเล้วเลยตกลงราคาคืนละ120 หยวน ซึ่งเราคิดไว้ว่าน่าจะหาได้ถูกกว่านี้แต่เวลานั้นเราทั้งหนาวเเละเหนื่อย ห้องก็ดี เลยตกลงคะ ชื่อโรงเเรม Bodhi Boutique เจ้าของผู้ชายพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเลย ชาฟรีอร่อยคะ 5555



เมื่ออาบน้ำ พักสักนิดหน่อย เราก็ออกเที่ยวเลย โดยการเช่ารถมอไซด์ไฟฟ้าวันละ 50 หยวนเเบตตอรี่พร้อม ร้านที่เช่าก็ตรงข้ามกับที่พักเลย เราบอกป้าเจ้าของว่าจะไป นาป่าไห๋ ป้าหยิบแผ่นทีพร้อมอธิบาย จนเราคิดว่าเราเข้าใจมั่ง ก็ออกเดินทาง สรุปเราขี่หลงไปถึงท่ารถ เเละวนอยู่เเต่ในเมือง 555 ไปเจอคุณลุงมาเที่ยวคนเดียวขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย เเละขอถ่ายรูปกับเราสองคนด้วย
ไม่หลงก็คงไม่เจอไม่รู้เลยคะว่าคืออะไร รู้เเต่เด่นเห็นได้ชัดเจน
หลังจากหลงจนเหนื่อยก็วนกลับมาโรงเเรมอีกครั้ง เปิด Google map เเล้วขี่ตามไปเลย อากู๋พาเรามาทางที่เขาปิดจ้าเเถมมีไม้กั้น เราก็เลยให้เพื่อนลงเเละเดินข้ามไปส่วนเราก็ค่อยๆขี่รถผ่านช่องว่างระหว่างไม้กั้นจนผ่านมาได้ ทางที่เราเจอหลังจากนี้เต็มไปด้วยลูกรัง ขี่ไปจนกลัวว่าจะทำรถพังสุดๆ คลุกฝุ่นหนักมากกว่าจนผ่านมาเจอถนนปกติ ขี่ต่อไปตามอากู๋จนถึงทุ่งหญ่านาป๋าไห๋
เราสองคนก็ไม่เเน่ใจว่าตรงไหนกันเเน่ที่เป็นทุ่งหญ้านาป๋าไห๋ เเต่ก็เห็นตามทางที่ขี่มา มีรถทัวร์จอดส่งนักท่องเที่ยว 2 จุด แต่เราไปต่อเพราะไม่ชอบคนเยอะ 555
ขี่ไปจนถึงทางเข้าหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน เเต่เราไม่ขึ้นไปเพราะเราต้องประหยัดตังค์เเต่คิดว่าที่เคยขึ้นที่ลี่เจี่ยงก็พอแล้ว เมื่อถ่ายรูปจนช่ำใจ ก็ได้เวลากลับ ขากลับเรากลับทางเดิมไม่ได้เเล้วเพราะเขาเริ่มเทปูนทำถนนเเล้ว เอาละสิ เเบตตอรี่ก็เหลือน้อยลงจนเครื่องเร่งไม่ขึ้น ขี่ไปก็ลุ้นไปว่าเรามาถูกทางไหม ถ้าเเบตหมดจะไปชาร์ทที่ไหน เพราะตลอดทางเจอเเต่ปั๊มน้ำมัน
หลงขึ้นเขาไปลูกหนึ่งข้างบนเป็นโรงเเรมที่สร้างไม่เสร็จ
เเละเเล้วเราก็สามารถกลับมาถึงโรงเเรมเเละคืนรถเรียบร้อยเเบบเเบตเหลือ 1 ขีด เรากลับมาพักเพื่อตอนเย็นเราจะไปเดินเล่นเเละขึ้นไปวัดต้าฝ่อ เเต่เเล้วเพื่อนเราก็เกิดอาการปวดหัวหนักมากจนต้องนอน ก่อนนอนก็กินยาเเก้เเพ้ที่สูงไปด้วย กะว่าถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องออกไปเเล้ว เเต่พอตื่นขึ้นก็ดีขึ้นจนออกมาเดินเล่นได้ เมื่อครั้งที่เรามาครั้งที่เเล้วเมืองเก่าเพิ่งถูกไฟไหม้ ทำให้ร้านค้าที่เปิดนับร้านได้วังเวงเเละมืดมาก เเต่เเชงกรีล่าในวันนี้ เต็มไปด้วยร้านค้าเเละโรงเเรม นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเเต่ก็ยังไม่เยอะเเบบลี่เจี่ยง
เสร็จเเล้วเราก็เดินต่อไปยังวัดต้าฝ่อ ตั้งใจว่าครั้งนี้เราต้องขึ้นไปหมุนกงล้อยักษ์ให้ได้ ครั้งที่เเล้วนักท่องเที่ยวน้อยมากแบบนับคนได้ ทางขึ้นก็ชันและมืดเราเลยไม่ได้ขึ้นไป
และครั้งนี้เราก็ขึ้นมาสำเร็จเเต่กว่าจะขึ้นมาถึงนั่งพักจนนับไม่ได้ว่าพักไปกี่ครั้งรู้เเต่ว่าเดินขึ้นที่หายใจไม่ทัน เราได้ไปหมุนกงล้อยักษ์อย่างที่ตั้งใจ การจะหมุนได้ต้องใช้คนมากกว่า10คนถึงจะหมุนได้ หลังจากนั้นเราก็กลับโรงเเรม เเต่ก่อนจะเข้าโรงเเรมเราก็เเวะกินข้าวร้านป้าซึ่งเป็นร้านเกาหลีจ้า รสชาติถือว่ากลางๆ กินได้เเน่นอน ติดจืดไปหน่อย ต้องเอาโค้กช่วย555
ทานกันเสร็จก็กลับโรงเเรมอาบน้ำเข้านอนพร้อมกินยากันป่วยกันคนละ 2-3 เม็ด เพื่อเตรียมรับกับการนั่งรถเส้นทางที่ทรหดที่สุดเเละใช้เวลานานที่สุด ของทริปนี้
12 วัน คุนหมิง เเชงกรีล่า เต้าเฉิน ย่าติง คังติ้ง อู่หลง เฉิงตู โดยรถ ฉบับ สาว อึด ทึก ทน (อัพเดทตุลา2016)
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปมางคุณหมิง กลับทางเฉิงตู 5803บาท
ค่าวีซ่า 1500 บาท
ค่าประกันการเดินทาง12วัน 330 บาท
วันที่17 ตุลาคือวันเดินทางของเรา ออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 07.50 ถึงคุนหมิง 11.40 เข้าห้องน้ำในสนามบินให้เรียบร้อย เพราะปลอดภัยสุดแล้วคะ หลังจากนั้นก็เดินออกมาตามทางรถบัส เลี้ยวซ้ายจะเป็นท่ารถบัสเข้าเมืองจะไปจอดที่สถานีหลัก มีหลายสายสอบถามคนขายตั๋วได้คะ เขาพูดอิงค์ได้ สถานีรถบัสที่เราจะไปคือ West bus station (Xi Bu) ค่ารถ 13หยวน นั่งชม.นิดๆก็มาถึงคะ ลงป้ายสุดท้ายเดินตามคนอื่นมาอีกนิดก็ถึง ช่วงนี้ใครเเพ้บุหรี่ หรือไม่ชอบควันมัน ควรเตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วยนะคะ เราใส่กันเเทบทุกวัน
หลังจากเดินตรงดิ่งอย่างเดียวมา สองชั่วโมง เราก็มาถึงตลาดคะ มีร้านอาหารเเละร้านเค้กด้วย เเวะพัก เเละไปเดินเล่นในตลาด ผักบ้านเขาใหญ่แบบอลังการมาก
หลังจากเดินเที่ยวจนไม่รู้จะเดินไปทางไหนเเล้วเราก็เดินกลับท่ารถ โดยเดินหาห้องน้ำไปด้วย หวังว่าจะเจอห้างเเล้วจะไปเข้าห้องน้ำคะ เเต่ไม่เจอเลย จนถึงท่ารถ เราเลยรู้ว่าต้องเสี่ยงเเต่ต้องขอลอง 555 เราเป็นคนไปก่อน แปรงสีฟันยาสีฟัน ทิชชูเปียก อย่างหลังสำคัญมาก ช่วยให้เรารู้สึกสะอาด เมื่ออุปกรณ์พร้อมเราก็เดินไปห้องน้ำ สภาพเเรกที่เจอคือคนยืนรอเข้าห้องน้ำ เเละน้ำนองพิ้นเต็มไปหมด เพราะป้าเเม่บ้านกำลังฉีดน้ำทำความสะอาด เราเห็นว่าเป็นโอกาสดีของเราจริงๆ เพราะเเสดงว่าป้าเพิ่งล้างห้องน้ำไป มันยังสะอาดแม้จะมีกลิ่นนิดหน่อย เราก็เข้าไปคนเเรกเลยคะ ห้องน้ำแบ่งเป็น 2 ล็อค เเต่มีประตูปิดมิดชิดเเต่ล็อคไม่ได้ ยกพิ้นด้วย เข้าไปก็ตามสไตล์จีนเลยจ้ามาเป็นร่อง เเต่ไม่มีอะไรอยู่ข้างล่างเพราะเพิ่งล้างไป เราก็รีบทำธุระเบา ให้ทำจบๆไป รีบออกมา แปรงฟัน เเละรีบไปบอกเพื่อนถึงวิธีการที่เราใช้ ช่วยให้เราไม่สยองจนเกินไป 555 หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็ไปขึ้นรถกันคะ ก่อนจะนั่ง เช็คที่นั่งของตัวเองดีๆนะคะ เพราะเลขที่มันจะสลับบนกับล่าง ควรถามคนข้างๆก่อนดีที่สุดคะถามไม่เป็นก็ยื่นตั๋วให้เขาเลย
ก่อนขึ้นรถอย่าลืมเสื้อกันหนาวนะคะ เพราะเมื่อถึงเเชงกรีล่าช่วงที่เราไปคือเลขตัวเดียวถึงติดลบคะ และสภาพผ้าห่มบนรถอาจจะไม่โอเคได้ เราก็ใช้เสื้อกันหนาวห่มเอา เเต่พอนอนไปสักพัก ต้องดึงผ้าห่มมาห่มทับเพราะมันหนาว ก่อนนอนเราก็กินยาเเก้ปวดกับเเก้เมารถไปด้วยกันไว้ดีกว่าแก้ รถจะจอดประมาณ3-4 ครั้งเราไม่เเน่ใจเพราะตั้งใจจะไม่ลงไปอยู่เเล้ว 14 ชม.ผ่านไปเราก็มาถึงเเชงกรีล่า ถิ่นคุ้นเคย ช้ากว่าข้อมูลที่หามา 4 ชม. หลังจากนั้นเราก็ลากกระเป๋าไปซื้อตั๋วไปเต้าเฉินเตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้ พวกเราลากกระเป๋าไปจริงๆคะ ใครไปจีนหลายๆวันเราเเนะนำเป็นกระเป๋าลากที่ขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว จะสะบายกว่าเป้เเบคเเพคเยอะเลย ประเทศจีนเขาทำทางเอื้อต่อกระเป๋าลากอยู่เเล้วคะ ค่าตั๋วไปเต้าเฉินราคา 109 หยวน เมื่อเราได้ตั๋วก็ลากกระเป๋า เเบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น ออกมาเรียกแท็กซี่ไปเมืองเก่า ราคา มาตราฐานที่ 10 หยวน จากที่เเท็กซี่ส่งเรา เดินผ่านมาจนถึงซอยที่2 เราเลยลองเข้าไปถาม เเละขอดูห้อง เมื่อดูห้องเสร็จเเละเราก็เหนื่อยเเล้วเลยตกลงราคาคืนละ120 หยวน ซึ่งเราคิดไว้ว่าน่าจะหาได้ถูกกว่านี้แต่เวลานั้นเราทั้งหนาวเเละเหนื่อย ห้องก็ดี เลยตกลงคะ ชื่อโรงเเรม Bodhi Boutique เจ้าของผู้ชายพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเลย ชาฟรีอร่อยคะ 5555
เมื่ออาบน้ำ พักสักนิดหน่อย เราก็ออกเที่ยวเลย โดยการเช่ารถมอไซด์ไฟฟ้าวันละ 50 หยวนเเบตตอรี่พร้อม ร้านที่เช่าก็ตรงข้ามกับที่พักเลย เราบอกป้าเจ้าของว่าจะไป นาป่าไห๋ ป้าหยิบแผ่นทีพร้อมอธิบาย จนเราคิดว่าเราเข้าใจมั่ง ก็ออกเดินทาง สรุปเราขี่หลงไปถึงท่ารถ เเละวนอยู่เเต่ในเมือง 555 ไปเจอคุณลุงมาเที่ยวคนเดียวขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย เเละขอถ่ายรูปกับเราสองคนด้วย
หลังจากหลงจนเหนื่อยก็วนกลับมาโรงเเรมอีกครั้ง เปิด Google map เเล้วขี่ตามไปเลย อากู๋พาเรามาทางที่เขาปิดจ้าเเถมมีไม้กั้น เราก็เลยให้เพื่อนลงเเละเดินข้ามไปส่วนเราก็ค่อยๆขี่รถผ่านช่องว่างระหว่างไม้กั้นจนผ่านมาได้ ทางที่เราเจอหลังจากนี้เต็มไปด้วยลูกรัง ขี่ไปจนกลัวว่าจะทำรถพังสุดๆ คลุกฝุ่นหนักมากกว่าจนผ่านมาเจอถนนปกติ ขี่ต่อไปตามอากู๋จนถึงทุ่งหญ่านาป๋าไห๋
เราสองคนก็ไม่เเน่ใจว่าตรงไหนกันเเน่ที่เป็นทุ่งหญ้านาป๋าไห๋ เเต่ก็เห็นตามทางที่ขี่มา มีรถทัวร์จอดส่งนักท่องเที่ยว 2 จุด แต่เราไปต่อเพราะไม่ชอบคนเยอะ 555
ขี่ไปจนถึงทางเข้าหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน เเต่เราไม่ขึ้นไปเพราะเราต้องประหยัดตังค์เเต่คิดว่าที่เคยขึ้นที่ลี่เจี่ยงก็พอแล้ว เมื่อถ่ายรูปจนช่ำใจ ก็ได้เวลากลับ ขากลับเรากลับทางเดิมไม่ได้เเล้วเพราะเขาเริ่มเทปูนทำถนนเเล้ว เอาละสิ เเบตตอรี่ก็เหลือน้อยลงจนเครื่องเร่งไม่ขึ้น ขี่ไปก็ลุ้นไปว่าเรามาถูกทางไหม ถ้าเเบตหมดจะไปชาร์ทที่ไหน เพราะตลอดทางเจอเเต่ปั๊มน้ำมัน
เเละเเล้วเราก็สามารถกลับมาถึงโรงเเรมเเละคืนรถเรียบร้อยเเบบเเบตเหลือ 1 ขีด เรากลับมาพักเพื่อตอนเย็นเราจะไปเดินเล่นเเละขึ้นไปวัดต้าฝ่อ เเต่เเล้วเพื่อนเราก็เกิดอาการปวดหัวหนักมากจนต้องนอน ก่อนนอนก็กินยาเเก้เเพ้ที่สูงไปด้วย กะว่าถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องออกไปเเล้ว เเต่พอตื่นขึ้นก็ดีขึ้นจนออกมาเดินเล่นได้ เมื่อครั้งที่เรามาครั้งที่เเล้วเมืองเก่าเพิ่งถูกไฟไหม้ ทำให้ร้านค้าที่เปิดนับร้านได้วังเวงเเละมืดมาก เเต่เเชงกรีล่าในวันนี้ เต็มไปด้วยร้านค้าเเละโรงเเรม นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเเต่ก็ยังไม่เยอะเเบบลี่เจี่ยง
เสร็จเเล้วเราก็เดินต่อไปยังวัดต้าฝ่อ ตั้งใจว่าครั้งนี้เราต้องขึ้นไปหมุนกงล้อยักษ์ให้ได้ ครั้งที่เเล้วนักท่องเที่ยวน้อยมากแบบนับคนได้ ทางขึ้นก็ชันและมืดเราเลยไม่ได้ขึ้นไป
และครั้งนี้เราก็ขึ้นมาสำเร็จเเต่กว่าจะขึ้นมาถึงนั่งพักจนนับไม่ได้ว่าพักไปกี่ครั้งรู้เเต่ว่าเดินขึ้นที่หายใจไม่ทัน เราได้ไปหมุนกงล้อยักษ์อย่างที่ตั้งใจ การจะหมุนได้ต้องใช้คนมากกว่า10คนถึงจะหมุนได้ หลังจากนั้นเราก็กลับโรงเเรม เเต่ก่อนจะเข้าโรงเเรมเราก็เเวะกินข้าวร้านป้าซึ่งเป็นร้านเกาหลีจ้า รสชาติถือว่ากลางๆ กินได้เเน่นอน ติดจืดไปหน่อย ต้องเอาโค้กช่วย555
ทานกันเสร็จก็กลับโรงเเรมอาบน้ำเข้านอนพร้อมกินยากันป่วยกันคนละ 2-3 เม็ด เพื่อเตรียมรับกับการนั่งรถเส้นทางที่ทรหดที่สุดเเละใช้เวลานานที่สุด ของทริปนี้