สวัสดีชาวพันทิพค่ะ
ช่วงนี้กระทู้เกี่ยวกับด่านตรวจคนเข้าเมือง (เต็มยศไปมั้ย) ของเกาหลีมีมาอย่างต่อเนื่องเลยจริง ๆ และด้วยความที่ตัวเรากับเพื่อนอีก 2 รวมเป็น 3 ชีวิตได้มีโอกาสพบปะกับคุณเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี ก็เลยจะขอเล่าบ้าง
ทริปนี้เราไปกันเองค่ะ ก่อนขึ้นเครื่องก็คุยกันว่าใบ immigration ต้องกรอกให้เหมือนกันนะ ใส่เบอร์โทรศัพท์ของที่พักด้วย อยู่กี่วันอะไรยังไงกรอกให้ครบ (29 กันยายน - 9 ตุลาคม)
พอเครื่องลงจอดก็เดินตาม ๆ กันไป ไม่พูดกับคนอื่นนอกเหนือจากกรุ๊ปเรา แวะเข้าห้องน้ำ ขึ้นรถไฟเพื่อไปอาคารหลัก แล้วก็ต่อคิวตรงด่านตรวจฯ ระหว่างรอคิว (ซึ่งยาวมากกก) ก็เห็นคนที่โดนพาเข้าห้องทางด้านซ้ายมือเป็นระยะ ๆ 90% เป็นผู้หญิง กรุ๊ปเราก็เริ่มหวั่นใจละ เลยคุยกันว่าถ้าใครโดนเข้าห้องนั้นจริง ๆ ให้นิ่งไว้ เดี๋ยวคนที่เหลือค่อยหาทางช่วย
ทีนี้เลยเรียงลำดับการยืนตามนี้ค่ะ
คนที่ 1 มาเกาหลี 2 ครั้ง
คนที่ 2 มาเกาหลีครั้งแรกและเคยไปแค่สิงคโปร์ที่เดียว
คนสุดท้าย มาเกาหลีครั้งแรกเช่นกันแต่ไปอิตาลี ญี่ปุ่น จีน มาแล้ว
ในใจตอนนั้นคิดว่ามาด้วยกันเข้าพร้อมกันได้แต่ปรากฎว่าระหว่างรอคิว คนหน้าสุดโดนแยกให้ไปยืนรอทางฝั่งขวา ทีนี้ก็แบบ ชิปหอละ เอายังไงดีเลยคุยกับคนที่ 2 ว่า ก็ตอบคำถามไปตามตรงไม่ต้องกลัว ยิ้มไว้ สักพักตัวเราเองโดนแยกไปทางซ้าย อีกคนไปทางขวา ระหว่างนั้นก็มีคนโดนพาเข้าห้องเย็นเรื่อย ๆ และมือเราก็เย็นขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
พอถึงคิวเราปุ๊บ นี่ก็เดินอย่างมาดมั่นเข้าไปเลยค่ะ วางพาสปอร์ตพร้อมใบ immigration บนเคาน์เตอร์ ยิ้มและมองหน้าเจ้าหน้าที่พร้อมทักทาย ปรากฎว่า......
เจ้าหน้าที่ (ผู้ชาย) เหลือบมองหน้าเราแว้บเดียว แบบ แว้บบบบบเดียวจริง ๆ แล้วเครื่องทางซ้ายมือก็ดังว่า ให้เราวางนิ้วชี้เพื่อสแกน จากนั้นมองกล้องระหว่างนั้นคือเจ้าหน้าที่คุยกับเพื่อนร่วมงานเคาน์เตอร์ติดกัน คือไม่ได้หันมามองเราอีกเลย พอปั๊มเสร็จอะไรเสร็จก็วางเล่มพาสปอร์ตคืนให้
คือ..ไหนคำถาม ไหนการขอดูหลักฐาน คือนี่เกร็งจนเยี่ยวเหนียว แล้วนี่อาร้ายยยยยย ไม่ถงไม่ถาม (สุขภาพ) ซ้ากคำ สรุปคือให้ผ่านแบบผ่านไปเหอะ อารมณ์ตอนนั้นทั้งดีใจ ทั้งงง ทั้งขำ ทั้งฉิว แบบ ตรูเตรียมหลักฐานมาแบบว่าจัดเต็ม มีการซ้อมตอบคำถามหน้ากระจกที่บ้านอีก ขำตัวเอง
ก็เนี่ยแหละค่ะ ประสบการณ์กับ #ตมเกาหลี ที่ผ่านมาได้แบบตัวเองยังงงจนทุกวันนี้
เห็นใคร ๆ ก็โดนถาม แล้วฉันล่ะ?
ช่วงนี้กระทู้เกี่ยวกับด่านตรวจคนเข้าเมือง (เต็มยศไปมั้ย) ของเกาหลีมีมาอย่างต่อเนื่องเลยจริง ๆ และด้วยความที่ตัวเรากับเพื่อนอีก 2 รวมเป็น 3 ชีวิตได้มีโอกาสพบปะกับคุณเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี ก็เลยจะขอเล่าบ้าง
ทริปนี้เราไปกันเองค่ะ ก่อนขึ้นเครื่องก็คุยกันว่าใบ immigration ต้องกรอกให้เหมือนกันนะ ใส่เบอร์โทรศัพท์ของที่พักด้วย อยู่กี่วันอะไรยังไงกรอกให้ครบ (29 กันยายน - 9 ตุลาคม)
พอเครื่องลงจอดก็เดินตาม ๆ กันไป ไม่พูดกับคนอื่นนอกเหนือจากกรุ๊ปเรา แวะเข้าห้องน้ำ ขึ้นรถไฟเพื่อไปอาคารหลัก แล้วก็ต่อคิวตรงด่านตรวจฯ ระหว่างรอคิว (ซึ่งยาวมากกก) ก็เห็นคนที่โดนพาเข้าห้องทางด้านซ้ายมือเป็นระยะ ๆ 90% เป็นผู้หญิง กรุ๊ปเราก็เริ่มหวั่นใจละ เลยคุยกันว่าถ้าใครโดนเข้าห้องนั้นจริง ๆ ให้นิ่งไว้ เดี๋ยวคนที่เหลือค่อยหาทางช่วย
ทีนี้เลยเรียงลำดับการยืนตามนี้ค่ะ
คนที่ 1 มาเกาหลี 2 ครั้ง
คนที่ 2 มาเกาหลีครั้งแรกและเคยไปแค่สิงคโปร์ที่เดียว
คนสุดท้าย มาเกาหลีครั้งแรกเช่นกันแต่ไปอิตาลี ญี่ปุ่น จีน มาแล้ว
ในใจตอนนั้นคิดว่ามาด้วยกันเข้าพร้อมกันได้แต่ปรากฎว่าระหว่างรอคิว คนหน้าสุดโดนแยกให้ไปยืนรอทางฝั่งขวา ทีนี้ก็แบบ ชิปหอละ เอายังไงดีเลยคุยกับคนที่ 2 ว่า ก็ตอบคำถามไปตามตรงไม่ต้องกลัว ยิ้มไว้ สักพักตัวเราเองโดนแยกไปทางซ้าย อีกคนไปทางขวา ระหว่างนั้นก็มีคนโดนพาเข้าห้องเย็นเรื่อย ๆ และมือเราก็เย็นขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
พอถึงคิวเราปุ๊บ นี่ก็เดินอย่างมาดมั่นเข้าไปเลยค่ะ วางพาสปอร์ตพร้อมใบ immigration บนเคาน์เตอร์ ยิ้มและมองหน้าเจ้าหน้าที่พร้อมทักทาย ปรากฎว่า......
เจ้าหน้าที่ (ผู้ชาย) เหลือบมองหน้าเราแว้บเดียว แบบ แว้บบบบบเดียวจริง ๆ แล้วเครื่องทางซ้ายมือก็ดังว่า ให้เราวางนิ้วชี้เพื่อสแกน จากนั้นมองกล้องระหว่างนั้นคือเจ้าหน้าที่คุยกับเพื่อนร่วมงานเคาน์เตอร์ติดกัน คือไม่ได้หันมามองเราอีกเลย พอปั๊มเสร็จอะไรเสร็จก็วางเล่มพาสปอร์ตคืนให้
คือ..ไหนคำถาม ไหนการขอดูหลักฐาน คือนี่เกร็งจนเยี่ยวเหนียว แล้วนี่อาร้ายยยยยย ไม่ถงไม่ถาม (สุขภาพ) ซ้ากคำ สรุปคือให้ผ่านแบบผ่านไปเหอะ อารมณ์ตอนนั้นทั้งดีใจ ทั้งงง ทั้งขำ ทั้งฉิว แบบ ตรูเตรียมหลักฐานมาแบบว่าจัดเต็ม มีการซ้อมตอบคำถามหน้ากระจกที่บ้านอีก ขำตัวเอง
ก็เนี่ยแหละค่ะ ประสบการณ์กับ #ตมเกาหลี ที่ผ่านมาได้แบบตัวเองยังงงจนทุกวันนี้