2 แบงก์สกัดหนี้เสีย กรุงศรีฯแจงไตรมาส 3/59 ลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง SM สูงเกือบ 6 หมื่นล้าน เหตุแบงก์แม่สั่งจับตาลูกหนี้ดีที่มีความเสี่ยงเข้าข่าย "สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ" สั่งดูแลใกล้ชิดป้องกันตกชั้นเป็นเอ็นพีแอล ฟากไทยพาณิชย์เฝ้าระวังลูกค้ากลุ่มเสี่ยง ในธุรกิจ"เช่าซื้อ-อุปโภคบริโภค-ท่องเที่ยว"
นางสาวนุชา ศิริรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษตามเกณฑ์คุณภาพ (Qualitative SM) ของธนาคาร ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาเป็น 58,935 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2559 หรือเพิ่มขึ้น 11.05% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มี SM จำนวน 53,066 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 27.7% ที่มี SM จำนวน 46,137 ล้านบาท
ส่วนหนึ่งมีปัจจัยจากบริษัทแม่ คือ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ หรือ BTMU มีนโยบายควบคุมและบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อมากขึ้น และให้นำเอาลูกหนี้ดีบางกลุ่มที่แม้จะยังไม่มีการผิดนัดชำระหนี้หรือเป็นลูกหนี้ตกชั้นมาเป็นกลุ่มที่ต้องจับตาพิเศษเข้ามาอยู่ในกลุ่มSMด้วยหากพบว่าลูกหนี้รายนั้นอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงหรือมีปัจจัยแวดล้อมที่มีความเสี่ยงตามสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจนอาจเป็นความเสี่ยงให้ธุรกิจนั้นๆผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตได้เป็นต้น
"สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษของธนาคารปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ เนื่องจากบริษัทแม่เพิ่งกำหนดนโยบายนี้ แล้วเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ต้นปี 2559 และเป็นเหตุผลว่าทำไม SM เราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" นางสาวนุชากล่าว
อย่างไรก็ดี การนำลูกหนี้ดีมาอยู่ในกลุ่ม SM ในอีกด้านหนึ่งจะทำให้ธนาคารได้ติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที เพื่อไม่ให้สินเชื่อเหล่านี้ไปเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า นโยบายนี้ทำให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการเอ็นพีแอลเกิดใหม่ได้ดีขึ้น โดยเอ็นพีแอลล่าสุดของธนาคารปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารมาอยู่ที่ 2.10% ของสินเชื่อรวม จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 2.20%
ขณะที่สัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ของธนาคารในไตรมาส 3/2559 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 152% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 146.4% แม้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมลดลง เนื่องจากธนาคารมีความระมัดระวังในการบริหารสินเชื่อผ่านการตั้งสำรองของแบงก์เพิ่มขึ้น
นายสารัชต์รัตนาภรณ์รองผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า การที่ SM ของธนาคารเพิ่มขึ้นก็ทำให้ต้องติดตามดูแลลูกค้าใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อไม่ให้ลูกค้าดังกล่าวเกิดเป็นลูกหนี้ตกชั้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2559 ธนาคารมี SM จำนวน 35,985 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มี SM 33,718 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี SM จำนวน 33,911 ล้านบาท ขณะที่เอ็นพีแอลสุทธิไตรมาสนี้มีจำนวน 23,384 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.34% ของสินเชื่อรวม
"ส่วนเรื่องเอ็นพีแอลของธนาคาร ที่ผ่านมาเอ็นพีแอลส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากสินเชื่อรายใหญ่ และเท่าที่ติดตามดูพฤติกรรมการชำระหนี้ก็ยังไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารต้องจับตามองใกล้ชิด อยู่ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจเช่าซื้อที่ปล่อยกู้ให้ดีลเลอร์ เต็นท์รถต่าง ๆ รวมถึงสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่มีสัญญาณผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ภายใต้สถานการณ์ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จนกระทบต่อผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้" นายสารัชต์กล่าว
JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี....2 แบงก์ประชิดลูกหนี้กลุ่มเสี่ยงเข้าข่ายตกชั้นสกัดเอ็นพีแอลพุ่ง
นางสาวนุชา ศิริรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษตามเกณฑ์คุณภาพ (Qualitative SM) ของธนาคาร ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาเป็น 58,935 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2559 หรือเพิ่มขึ้น 11.05% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มี SM จำนวน 53,066 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 27.7% ที่มี SM จำนวน 46,137 ล้านบาท
ส่วนหนึ่งมีปัจจัยจากบริษัทแม่ คือ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ หรือ BTMU มีนโยบายควบคุมและบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อมากขึ้น และให้นำเอาลูกหนี้ดีบางกลุ่มที่แม้จะยังไม่มีการผิดนัดชำระหนี้หรือเป็นลูกหนี้ตกชั้นมาเป็นกลุ่มที่ต้องจับตาพิเศษเข้ามาอยู่ในกลุ่มSMด้วยหากพบว่าลูกหนี้รายนั้นอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงหรือมีปัจจัยแวดล้อมที่มีความเสี่ยงตามสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจนอาจเป็นความเสี่ยงให้ธุรกิจนั้นๆผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตได้เป็นต้น
"สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษของธนาคารปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ เนื่องจากบริษัทแม่เพิ่งกำหนดนโยบายนี้ แล้วเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ต้นปี 2559 และเป็นเหตุผลว่าทำไม SM เราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" นางสาวนุชากล่าว
อย่างไรก็ดี การนำลูกหนี้ดีมาอยู่ในกลุ่ม SM ในอีกด้านหนึ่งจะทำให้ธนาคารได้ติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที เพื่อไม่ให้สินเชื่อเหล่านี้ไปเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า นโยบายนี้ทำให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการเอ็นพีแอลเกิดใหม่ได้ดีขึ้น โดยเอ็นพีแอลล่าสุดของธนาคารปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารมาอยู่ที่ 2.10% ของสินเชื่อรวม จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 2.20%
ขณะที่สัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ของธนาคารในไตรมาส 3/2559 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 152% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 146.4% แม้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมลดลง เนื่องจากธนาคารมีความระมัดระวังในการบริหารสินเชื่อผ่านการตั้งสำรองของแบงก์เพิ่มขึ้น
นายสารัชต์รัตนาภรณ์รองผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า การที่ SM ของธนาคารเพิ่มขึ้นก็ทำให้ต้องติดตามดูแลลูกค้าใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อไม่ให้ลูกค้าดังกล่าวเกิดเป็นลูกหนี้ตกชั้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2559 ธนาคารมี SM จำนวน 35,985 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มี SM 33,718 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี SM จำนวน 33,911 ล้านบาท ขณะที่เอ็นพีแอลสุทธิไตรมาสนี้มีจำนวน 23,384 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.34% ของสินเชื่อรวม
"ส่วนเรื่องเอ็นพีแอลของธนาคาร ที่ผ่านมาเอ็นพีแอลส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากสินเชื่อรายใหญ่ และเท่าที่ติดตามดูพฤติกรรมการชำระหนี้ก็ยังไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารต้องจับตามองใกล้ชิด อยู่ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจเช่าซื้อที่ปล่อยกู้ให้ดีลเลอร์ เต็นท์รถต่าง ๆ รวมถึงสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่มีสัญญาณผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ภายใต้สถานการณ์ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จนกระทบต่อผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้" นายสารัชต์กล่าว