ก่อนอื่นขอเล่ารายละเอียดก่อนนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวของผม กับ ครอบครัวของหลานสาวมีบ้านอยู่ติดกัน หลานสาวเรียนอยู่ ม.6 และหลานสาวอาศัยอยู่กับย่า เพราะพ่อกับแม่เด็กแยกทางกัน ทีนี้หลานสาวได้โทรไปหาพ่อของเขาบอกว่าอยากได้รถมอไซต์สักคันขับไปโรงเรียน พ่อเขาก็ตกลงยินดีจะจ่ายค่างวดให้ แต่ปัญหาตอนนี้คือไม่มีคนไปเซ็นเอกสารให้เพราะตัวหลานเองอายุยังไม่ถึง 20 ปี ทางร้านจึงไม่สามารถให้เซ็นเอกสารได้ หลานจึงเคี่ยวเข็ญย่าให้มาคุยกับแม่ของผม ย่าเขาก็มาพูดต่างๆนาๆ บอกว่าจะไม่ให้เดือดร้อนเพราะพ่อหลานรับปากไปแล้ว ในส่วนตัวแม่ผมวันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด จึงทนการเคี่ยวเข็ญของย่าไม่ไหวที่มาเช้ามาเย็น เลยยอมไปออกรถเป็นชื่อของตนเองให้และมีคนค้ำประกันอีก 1 คนที่เป็นญาติห่างๆกัน หลังจากทางร้านได้รับเอกสารแล้ว แม่ผมก็เดินทางไปต่างจังหวัดเลย เหลือแต่ย่า หลานสาวอยู่ที่ร้านแค่สองคน ก็ใช้เงินดาวรถในราคา 999 บาทแล้วก็เอารถไปใช้ได้เลย ร้านเขาเลยแจ้งว่าต้องการทำประกันรถหายไหม 1500 บาทต่อปี ด้วยความที่คนแก่อายุ75 ปี กับเด็กที่อายุพึ่ง 18 ไม่มีภาวะในเรื่องของความคิดในอนาคตกาล จึงตอบไปว่า ไม่ทำหรอกหนู ยายไม่มีเงินและอีกอย่างขับอยู่แค่ในตัวชนบทเท่านั้น ทางร้านเขาก็ปล่อยเลยตามเลย ในช่วง 10 เดือนแรก พ่อของหลานก็ส่งเงินค่างวดมาจ่ายตรงตามเป้าตลอดจนทางร้านแจ้งว่าเป็นลูกค้าเกรด A
และแล้วก็มาถึงวันเกิดเหตุ หลานขับรถไปเยี่ยมญาติต่างหมู่บ้านในช่วงเย็นแล้วจอดรถไว้ที่ข้างรั้ววัดซึ่งติดกับบ้านของญาติ เวลาผ่านไป 1 - 2 ชั่วโมง หลายจะกลับบ้านปรากฏว่า
รถหาย จึงได้รีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้จุดเกิดเหตุ แล้วโทรบอกทางบ้าน จากนั้นทางบ้านก็ได้รีบประสานญาติๆช่วยกันไปตามหาอยู่ 2-3 วัน ก็ไม่พบร่องลอย แล้วหลานกับย่าเลยโทรไปบอกพ่อของหลานว่ารถหาย ปรากฏว่าคำตอบที่พ่อหลานบอกกับลูกสาวตัวเองคือ
ไม่ต้องไปจ่ายหรอกไม่ใช่ชื่อของเรา จากนั้นตัวพ่อหลานก็ปิดเบอร์แล้วหายเงียบไป ในส่วนของแม่ซึ่งเป็นเจ้าของรถ อายุปาไป 53 ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ได้รับเบอร์โทรว่าให้ไปจ่ายค่างวดรถเพราะค้างมา 3 เดือนแล้ว แม่ก็ตกใจโทรมาหาผม ผมเลยแนะนำไปสอบถามจากทางบ้านสิว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผ่านมา 8 เดือนแล้วไม่ส่งค่างวดเขา ทางบริษัทเขามาตามอยู่เดือนละ 2-3 ครั้ง ตามถึงบ้านบ้าง โทรบ้าง สารพัด แล้วหลานก็ย้ายหนีไปทำงานต่างจังหวัดแล้วไม่กลับมาบ้านเลย ภาระเลยมาตกที่แม่ของผมเต็มๆ แม่ก็ได้แต่บ่นว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเพราะตัวเองก็ทำงานก่อสร้างรายได้วันละ250บาท เพราะความเชื่อใจที่ย่ากับหลานสาวบอกว่า จะไม่ให้เดือดร้อนแน่นอน กลับเชื่อไม่ได้และช่วยอะไรไม่ได้เลย ล่าสุดวันนี้ 11 พ.ย. 2559 ทนายมาตามถึงบ้านแต่ไม่พบแม่ เขาบอกว่าครั้งนี้เตือนครั้งสุดท้ายให้นำเงินจำนวน 18000 บาทที่ค้างค่างวดไปส่ง ย่าซึงรับหน้าแทนเลยบอกว่าคุณทนายตอนนี้ยังไม่มีเงินไปส่งขอทยอยส่งได้ไหม ทนายสวนกลับว่า ถ้าจะจ่าย 400-500 ให้ไปจ่ายในชั้นศาล ผมจะไม่พูดอะไรมากรอไปคุยที่ชั้นศาลเลยแล้วกัน *** วันนี้เลยมาขอคำแนะนำจากผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายด้วยครับ***
*** ทนายบอกว่าจะให้ศาลฟ้องล้มละลาย
*** แม่ผมอายุ 53 พูดไม่เป็น งกๆเงินตามประสาคนมีอายุและไม่รู้เรื่องเพราะเซ็นเอกสารตามที่ร้านเขาให้เซนต์
*** แม่ทำงานก่อสร้างวันละ 250 บาทเป็นลูกชาวนาตามดำๆที่ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
*** ผมอ่านตามกระทู้หลายๆกระทู้เกี่ยวกับเคสแบบนี้ บางเคสบอกว่ายังไงคุณก็ต้องจ่ายเต็ม บางเคสบอกว่ารอให้ขึ้นศาลดีกว่าเพราะศาลจะไกล่เกลี่ยให้ไม่แน่ถ้าคุณชนะศาลอาจจะบอกว่าให้จ่ายแค่ครึ่งเดียว (ถ้าแพ้ละ?)
*** บางเคสบอกว่าไม่ต้องจ่ายเพราะรถสูญหายถือว่าเราเป็นผู้เช่าจากผู้ให้เช่าถือว่าหมดพันธะต่อกัน
----------------------------------------- ขอความกรุณาทุกท่านที่รู้หรือมีคนพอจะให้คำปรึกษา แนะนำผมทีครับ ----------------------------------------
วอนผู้รู้ตอบเรื่อง รถเครื่องหาย จะโดนฟ้อง ทีครับ มืดแปดด้านไปหมด
เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวของผม กับ ครอบครัวของหลานสาวมีบ้านอยู่ติดกัน หลานสาวเรียนอยู่ ม.6 และหลานสาวอาศัยอยู่กับย่า เพราะพ่อกับแม่เด็กแยกทางกัน ทีนี้หลานสาวได้โทรไปหาพ่อของเขาบอกว่าอยากได้รถมอไซต์สักคันขับไปโรงเรียน พ่อเขาก็ตกลงยินดีจะจ่ายค่างวดให้ แต่ปัญหาตอนนี้คือไม่มีคนไปเซ็นเอกสารให้เพราะตัวหลานเองอายุยังไม่ถึง 20 ปี ทางร้านจึงไม่สามารถให้เซ็นเอกสารได้ หลานจึงเคี่ยวเข็ญย่าให้มาคุยกับแม่ของผม ย่าเขาก็มาพูดต่างๆนาๆ บอกว่าจะไม่ให้เดือดร้อนเพราะพ่อหลานรับปากไปแล้ว ในส่วนตัวแม่ผมวันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด จึงทนการเคี่ยวเข็ญของย่าไม่ไหวที่มาเช้ามาเย็น เลยยอมไปออกรถเป็นชื่อของตนเองให้และมีคนค้ำประกันอีก 1 คนที่เป็นญาติห่างๆกัน หลังจากทางร้านได้รับเอกสารแล้ว แม่ผมก็เดินทางไปต่างจังหวัดเลย เหลือแต่ย่า หลานสาวอยู่ที่ร้านแค่สองคน ก็ใช้เงินดาวรถในราคา 999 บาทแล้วก็เอารถไปใช้ได้เลย ร้านเขาเลยแจ้งว่าต้องการทำประกันรถหายไหม 1500 บาทต่อปี ด้วยความที่คนแก่อายุ75 ปี กับเด็กที่อายุพึ่ง 18 ไม่มีภาวะในเรื่องของความคิดในอนาคตกาล จึงตอบไปว่า ไม่ทำหรอกหนู ยายไม่มีเงินและอีกอย่างขับอยู่แค่ในตัวชนบทเท่านั้น ทางร้านเขาก็ปล่อยเลยตามเลย ในช่วง 10 เดือนแรก พ่อของหลานก็ส่งเงินค่างวดมาจ่ายตรงตามเป้าตลอดจนทางร้านแจ้งว่าเป็นลูกค้าเกรด A และแล้วก็มาถึงวันเกิดเหตุ หลานขับรถไปเยี่ยมญาติต่างหมู่บ้านในช่วงเย็นแล้วจอดรถไว้ที่ข้างรั้ววัดซึ่งติดกับบ้านของญาติ เวลาผ่านไป 1 - 2 ชั่วโมง หลายจะกลับบ้านปรากฏว่า รถหาย จึงได้รีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้จุดเกิดเหตุ แล้วโทรบอกทางบ้าน จากนั้นทางบ้านก็ได้รีบประสานญาติๆช่วยกันไปตามหาอยู่ 2-3 วัน ก็ไม่พบร่องลอย แล้วหลานกับย่าเลยโทรไปบอกพ่อของหลานว่ารถหาย ปรากฏว่าคำตอบที่พ่อหลานบอกกับลูกสาวตัวเองคือ ไม่ต้องไปจ่ายหรอกไม่ใช่ชื่อของเรา จากนั้นตัวพ่อหลานก็ปิดเบอร์แล้วหายเงียบไป ในส่วนของแม่ซึ่งเป็นเจ้าของรถ อายุปาไป 53 ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ได้รับเบอร์โทรว่าให้ไปจ่ายค่างวดรถเพราะค้างมา 3 เดือนแล้ว แม่ก็ตกใจโทรมาหาผม ผมเลยแนะนำไปสอบถามจากทางบ้านสิว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผ่านมา 8 เดือนแล้วไม่ส่งค่างวดเขา ทางบริษัทเขามาตามอยู่เดือนละ 2-3 ครั้ง ตามถึงบ้านบ้าง โทรบ้าง สารพัด แล้วหลานก็ย้ายหนีไปทำงานต่างจังหวัดแล้วไม่กลับมาบ้านเลย ภาระเลยมาตกที่แม่ของผมเต็มๆ แม่ก็ได้แต่บ่นว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเพราะตัวเองก็ทำงานก่อสร้างรายได้วันละ250บาท เพราะความเชื่อใจที่ย่ากับหลานสาวบอกว่า จะไม่ให้เดือดร้อนแน่นอน กลับเชื่อไม่ได้และช่วยอะไรไม่ได้เลย ล่าสุดวันนี้ 11 พ.ย. 2559 ทนายมาตามถึงบ้านแต่ไม่พบแม่ เขาบอกว่าครั้งนี้เตือนครั้งสุดท้ายให้นำเงินจำนวน 18000 บาทที่ค้างค่างวดไปส่ง ย่าซึงรับหน้าแทนเลยบอกว่าคุณทนายตอนนี้ยังไม่มีเงินไปส่งขอทยอยส่งได้ไหม ทนายสวนกลับว่า ถ้าจะจ่าย 400-500 ให้ไปจ่ายในชั้นศาล ผมจะไม่พูดอะไรมากรอไปคุยที่ชั้นศาลเลยแล้วกัน *** วันนี้เลยมาขอคำแนะนำจากผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายด้วยครับ***
*** ทนายบอกว่าจะให้ศาลฟ้องล้มละลาย
*** แม่ผมอายุ 53 พูดไม่เป็น งกๆเงินตามประสาคนมีอายุและไม่รู้เรื่องเพราะเซ็นเอกสารตามที่ร้านเขาให้เซนต์
*** แม่ทำงานก่อสร้างวันละ 250 บาทเป็นลูกชาวนาตามดำๆที่ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
*** ผมอ่านตามกระทู้หลายๆกระทู้เกี่ยวกับเคสแบบนี้ บางเคสบอกว่ายังไงคุณก็ต้องจ่ายเต็ม บางเคสบอกว่ารอให้ขึ้นศาลดีกว่าเพราะศาลจะไกล่เกลี่ยให้ไม่แน่ถ้าคุณชนะศาลอาจจะบอกว่าให้จ่ายแค่ครึ่งเดียว (ถ้าแพ้ละ?)
*** บางเคสบอกว่าไม่ต้องจ่ายเพราะรถสูญหายถือว่าเราเป็นผู้เช่าจากผู้ให้เช่าถือว่าหมดพันธะต่อกัน
----------------------------------------- ขอความกรุณาทุกท่านที่รู้หรือมีคนพอจะให้คำปรึกษา แนะนำผมทีครับ ----------------------------------------