** ย้อนหลังไปสัก 60 ปี คนไทยทำนากันทั้งนั้น และทำอย่างอื่นเสริม คือปลูกสารพัดที่มันจำเป็นสำหรับครอบครัว แบบครบวงจร
มีทั้ง ไร่ นา สวน ประมง ประศุสัตว์ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ปลูกฝ้าย ทอผ้า ปลูกนุ่นทำที่นอน ฯลฯ เป็นแบบนี้กันทุกครัวเรือน
ข้าวก็เก็บไว้กินอย่างดียว จะแบ่งขายก็ส่วนที่คิดว่ามันเหลือกิน ( ข้าวธรรมชาติได้ผลผลิตน้อย)
ชาวบ้านเหล่านี้จะไม่ค่อยมีเงิน แต่มีความมั่นคงมากๆ ( พออยู่ พอกิน หนี้สินไม่มี ) หลังเก็บเกี่ยวก็จะหารายได้พิเศษกัน
เช่น รับจ้างเลื่อยไม้ เผาถ่าน ทำน้ำมันยาง หาของป่า เช่น ชัน ลูกเร่ว มะเหน่ง ฯลฯ มาขาย พอได้เงินมาซื้อของจำเป็น
เช่น น้ำมันก๊าด ตะเกียง ไม้ขีด ไฟฉาย วิทยุ เสื้อผ้า ด้าย เข็มเย็บผ้า รองเท้า ตะปู ดินปะสิว มาต(กำมะถัน) เลาปืน จอบ เสียม ฯลฯ
หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน ก็ขายหมู หรือเป็ดไก่ ที่เลี้ยงไว้ หากต้องการก้อนใหญ่ เช่นลูกจะบวชหรือแต่งงาน
ก็จะขายวัวควาย ที่เลี้ยงไว้ใช้งาน ( ลากเกวียนและไถนา) มีเป็นสิบตัวทุกบ้าน
จะเห็นว่า ครอบครัวมั่นคงมากๆ พออยู่พอกิน
แต่ปัจจุบัน ทำไมชาวนาจึงมีฐานะแย่ลงกว่าเดิม และมีหนี้สินมาก โดยภาพรวม ?
ทำไมชาวนาปัจุจุบันจึงมีหนีกันจนแทบจะทุกครัวเรือน?
มีทั้ง ไร่ นา สวน ประมง ประศุสัตว์ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ปลูกฝ้าย ทอผ้า ปลูกนุ่นทำที่นอน ฯลฯ เป็นแบบนี้กันทุกครัวเรือน
ข้าวก็เก็บไว้กินอย่างดียว จะแบ่งขายก็ส่วนที่คิดว่ามันเหลือกิน ( ข้าวธรรมชาติได้ผลผลิตน้อย)
ชาวบ้านเหล่านี้จะไม่ค่อยมีเงิน แต่มีความมั่นคงมากๆ ( พออยู่ พอกิน หนี้สินไม่มี ) หลังเก็บเกี่ยวก็จะหารายได้พิเศษกัน
เช่น รับจ้างเลื่อยไม้ เผาถ่าน ทำน้ำมันยาง หาของป่า เช่น ชัน ลูกเร่ว มะเหน่ง ฯลฯ มาขาย พอได้เงินมาซื้อของจำเป็น
เช่น น้ำมันก๊าด ตะเกียง ไม้ขีด ไฟฉาย วิทยุ เสื้อผ้า ด้าย เข็มเย็บผ้า รองเท้า ตะปู ดินปะสิว มาต(กำมะถัน) เลาปืน จอบ เสียม ฯลฯ
หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน ก็ขายหมู หรือเป็ดไก่ ที่เลี้ยงไว้ หากต้องการก้อนใหญ่ เช่นลูกจะบวชหรือแต่งงาน
ก็จะขายวัวควาย ที่เลี้ยงไว้ใช้งาน ( ลากเกวียนและไถนา) มีเป็นสิบตัวทุกบ้าน
จะเห็นว่า ครอบครัวมั่นคงมากๆ พออยู่พอกิน
แต่ปัจจุบัน ทำไมชาวนาจึงมีฐานะแย่ลงกว่าเดิม และมีหนี้สินมาก โดยภาพรวม ?