ขออนุญาติ สอบถามความคิดเห็นนะค้ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะเมื่อก่อนสามีเรากับแม่เรารักกันมากๆค่ะ เวลาไปเที่ยวไหนเขาจะเดินด้วยกัน หยอกล้อกันเหมือนเป็นแม่ลูกกันเลยทีเดียว เราเดินตามหลังต้อยๆ เราตัดสินใจจะจัดงานแต่งงานกัน แต่ก่อนจัดงานสองเดือน พ่อเราป่วยหนักด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนั้นเราทำงานอยู่ค่ะ ทั้งแม่และแฟนเราไม่มีใครกล้าโทรบอกเรากลัวว่าเราจะห่วงพ่อ มาทราบทีหลังว่า แม่เราโทรหาแฟนเรา แฟนเราก็รีบออกจากที่ทำงานมารับแม่เราไปอยู่ด้วยที่ทำงาน แม่ก็นั่งร้องไห้ตลอด(พ่อป่วยอยู่ที่สุโขทัยค่ะเลยยังไม่ไปที่ รพ.) รอจนเราเลิกงาน แฟนเรามารับขึ้นรถมาเจอแม่ด้วยเราก็งง แฟนเราถึงได้บอกเรา หลังจากทราบเราก็ไปสุโขทัยทันที มีแฟนเราไปเป็นเพื่อนด้วย เราขึ้นลง กรุงเทพ-สุโขทัย 2-3 ครั้งใน 2 อาทิตย์ เพื่อไปดูพ่อจนพ่อสามารถย้ายมารักษาที่กรุงเทพได้ค่ะ
งานแต่งงานก็ดำเนินกำหนดการเดิม เพราะพ่อไม่อยากให้เลื่อนการแต่งงาน หลังจากแต่งงาน เราเป็นคนทำข้อตกลงกับแฟนเราเองว่า เราเป็นลูกคนเดียว เราขอให้เขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังที่เราซื้อใหม่ มีพ่อแม่เราอยู่ด้วยได้ไหม เราไม่อยากทิ้งพ่อป่วยไว้กับแม่ตามลำพัง แฟนเราก็ตกลงค่ะ จากนั้น พ่อเราก็รักษาตัวจนเดินได้ ขับรถได้
อยู่กันมาได้ 1 ปีแม่เราก็เริ่มบ่นเรื่อง แฟนเราวางแก้วน้ำทิ้งไว้บนโต๊ะไม่เก็บ หยิบของไปแล้วไม่กลับมาวางที่ ไม่ช่วยทำงานในบ้านทำแต่งานของตัวเอง นอนตื่นสายทำงานดึกๆทำไมไม่ตื่นเช้ามาทำงาน ไม่ออกไปหาข้าวปลาให้พ่อแม่กิน เราก็ไปบอกแฟนเราว่า แม่บ่นอันนี้นะ พยายามระวังหน่อย จนบางทีกลายเป็นเรากะแฟนทะเลาะกันเอง
จนเราท้อง พ่อแม่ก็บอกว่า จะมาทำตัวแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ ต้องช่วยกันเลี้ยงหลาน ไม่ใช่จะมานอนตื่นสายปล่อยหลานไม่มีข้าวกินนะ เราก็ ok รับทราบ
พอเราคลอด มันก็มาพีคตอนนี้เลยค่ะ
พ่อแม่เราบ่นเรื่องสามีทุกวัน
-ทำไมไม่ช่วยทำอะไรเลยในบ้าน ไม่พาหมาไปฉี่ (เราก็เห็นเขาทำอยู่นะค่ะ เวลาเขากลับมาเขาก็จะพามันออกไปทุกครั้ง)งานซ่อมแซมบ้านไม่เคยสนใจเลยอะไรเสียอะไรพัง (เคยบอกพ่อแม่ว่าก็บอกสิจะได้รู้ว่าตรงไหน เขาตอบมาว่า อยู่บ้านไม่เห็นเหรอทำไมต้องให้บอก)
-ทำไมเราต้องตื่นตี 4 มาทำกับข้าวให้ลูกก่อนออกไปทำงาน สามีเราตื่นตี 5 อาบน้ำไปทำงานได้เลย ทำไมเราไม่ปลุกสามีลงมาช่วยกันทำ ปล่อยให้นอนกกลูกแบบนั้น
-เวลาสามีเราหยุดอยู่บ้าน แม่เราเลี้ยงหลานสามีนั่งทำงานในห้องทำงานของเขาเป็นห้องกระจกหน้าบ้าน แม่บ่นว่าสามีเราไม่เคยมาถามแม่เลยว่ากินข้าวหรือยัง เดี๋ยวดูลูกให้ก่อนไหม แม่กินข้าวไหม เราเคยบอกแม่ว่าให้เรียกเขาสิบอกแม่จะกินข้าว แม่ตอบว่าทำไมต้องเรียกโตแล้วคิดไม่ได้หรอ
ยังมีเรื่องจุกจิกเล็กน้อยอีกมากมายค่ะ เช่น หยิบของไปใช้แล้วไม่เก็บเข้าที่ เข้านอนดึกพอเช้าปลุกตื่นไม่ไหว(นอนดึกเพราะเขาทำงานดึกนะค่ะ) ง่วงอย่างเดียว
-ของในบ้านเสีย สามีเราไม่สนใจ อะไรๆก็เรียกช่างอย่างเดียว รวยนักหรือไง อะไรๆก็จะเรียกช่าง ทำไม่เป็นก็หัดมาดูเวลาพ่อทำ ทีหลังจะได้ทำเป็น
(เราเคยบอกพ่อว่าให้ทำวันที่สามีเราหยุด ถามเขาว่าว่างช่วงไหนเขาจะได้ว่างมาดู พ่อเราบอกว่า พ่อไม่ได้ว่างทั้งวันขนาดนั้น อยากมาดูก็ต้องหาวันเวลามาดูเอง)
สามีเราก็อดทนค่ะ อดทนมาตลอด จนความอดทนมันหมดลง ตอนนี้เขาได้ยินแม่พูดว่า ลูกเราไม่น่าเกิดมาเลย เกิดมาให้คนอื่นลำบาก(โชคดีที่ลูกเรายังไม่รู้เรื่องตอนนั้น) กับพ่อเราว่าเราว่าส่งเราเรียนมาสูง แต่โง่มาลำบากเพราะผู้ชาย (อันนี้แฟนเราแอบอ่าน line เราค่ะ) ตั้งแต่วันนั้นแฟนเราไม่ไหว้พ่อแม่เรา ไม่คุยด้วย บอกเราว่าจะย้ายออกจากบ้านวันนี้ เราจะไปกับเขาไหม ถ้าไม่ไปเขาจะไปก่อน เรากับลูกพร้อมเมื่อไหร่จะย้ายตามไปเขาจะมารับทันทีค่ะ เราก็พยายามคุยให้เขาใจเย็นๆ เราขอเวลาเขา 1 ปี รอให้ลูกโตกว่านี้ก่อนได้ไหม เราไม่ไว้ใจให้ใครเลี้ยงลูกนอกจากแม่เราจริงๆ เขาก็ยอมนะค่ะ 1 ปี เขาบอกว่าเขาจะอดทนคอยเพื่อเรากับลูก
ตอนนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์นี้มา 1 เดือนแล้วค่ะ ไม่รู้จะแก้ไขปัญหายังไงดี
เราตัดสินใจบอกพ่อว่าเรากำลังหาบ้าน จะย้ายออกไปนะ แต่คงอยู่ใกล้ๆ จะได้สะดวกในการรับส่งลูก พ่อเราบอกว่า ถ้าย้ายออกเราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านหลังนี้เหมือนเดิม คือ ค่าผ่อนบ้าน 8,000 ค่าผ่อนรถพ่อ 8,600 ค่าน้ำ-ไฟบ้าน ค่าใช้จ่ายที่ให้แม่ 6,000 แล้วพ่อก็ขอไปคุยกับแม่แฟนด้วย ว่าเลี้ยงลูกมายังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แล้วขอให้เราติดกล้องวงจรปิดบ้านหลังใหม่ เพราะเขาจะดูว่าใครทำอะไรในบ้านบ้าง เขาบอกว่าถ้าจะเอาลูกเขาไปลำบากไม่ต้องเอาไปค่ะ
ในมุมมองของแฟนเรา เขาก็บอกเราว่าเขาก็พยายามปรับตัวแล้ว เขาเคยเข้าไปจัดระเบียบห้องครัวให้แม่ แม่ก็บ่นว่าหาของไม่เจอ เขาก็เลยไม่ยุ่งอีก เรื่องตื่นสาย เขาก็แก้ไขเมื่อก่อนมีลูกตื่น 11.00 เดี๋ยวนี้มีลูก ลูกตื่นก็คือตื่นค่ะ ประมาณ 6.00-7.30 เรื่องพาหมาไปฉี่เขาก็บอกว่าเขาทำทุกวันทำไมถึงพูดว่าเขาไม่ทำ เรื่องของในบ้านเสียเขาบอกว่าเขาไม่ได้จบช่างแบบพ่อ ให้เปลี่ยนหลอดไฟอะไรนี่เขาทำได้ แต่ยากๆเขาทำไม่เป็น เมื่อก่อนเขาเป็นคนไม่เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เขาก็พยายามเก็บของให้เรียบร้อยแล้ว เขารู้สึกว่าทำดีเท่าไหร่เขาก็ดีไม่พอกับที่พ่อแม่ต้องการสักทีค่ะ
ทุกวันนี้ เราก็ถูกพ่อแม่เราพูดกระทบกระเทียบเสมอ
เช่นเวลาเราซักผ้าลูก พ่อเราจะมาพูดว่า สีทำได้ทุกอย่าง(หมายถึง สีทนได้ ในโฆษณาสียี่ห้อนึงค่ะ) บางทีก็พูดว่าถ้ามีลูกชายจะมาขอเป็นสะใภ้เลยขยันมาก บางทีก็มาว่าเราว่า งกค่ะ ทั้งที่เราให้ที่บ้านขนาดนี้เราไม่เข้าใจว่าเรายังงกตรงไหนอีก
เราพยายามหาทางแก้ไข แต่เราหาทางออกไม่ได้จริงๆค่ะ ฝั่งนึงก็พ่อแม่ ไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญู ฝั่งนึงก็สามีค่ะไม่อยากให้ครอบครัวต้องแตกแยกค่ะ
ตัวเรามองว่า บทบาทความเป็นแม่กับพ่อมันต่างกันนะค่ะ การที่เราต้องลงมาทำกับจ้างให้ลูกมันก็คือความสุขของเราค่ะ เราเองไม่อยากให้ลูกทานของค้างคืนเราเลยตื่นมาทำก่อนไปทำงานให้ เรื่องซักผ้าเมื่อก่อนตอนลูกเรา1 เดือนแม่เราช่วยซักให้บางครั้งค่ะ แต่เลิกทำเพราะให้เหตุผลว่าสามีเรายังไม่เห็นทำเลยทำไมเขาต้องทำ ปกติแฟนเราเขาจะล้างห้องน้ำกับรีดเสื้อผ้าให้เราค่ะ เคยตกลงกันเพราะเราไม่ชอบรีดผ้า บอกแม่ไปแล้วเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ปัญหาพ่อแม่เรากับสามีค่ะ ไม่รู้จะแก้ยังไงดี
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะเมื่อก่อนสามีเรากับแม่เรารักกันมากๆค่ะ เวลาไปเที่ยวไหนเขาจะเดินด้วยกัน หยอกล้อกันเหมือนเป็นแม่ลูกกันเลยทีเดียว เราเดินตามหลังต้อยๆ เราตัดสินใจจะจัดงานแต่งงานกัน แต่ก่อนจัดงานสองเดือน พ่อเราป่วยหนักด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนั้นเราทำงานอยู่ค่ะ ทั้งแม่และแฟนเราไม่มีใครกล้าโทรบอกเรากลัวว่าเราจะห่วงพ่อ มาทราบทีหลังว่า แม่เราโทรหาแฟนเรา แฟนเราก็รีบออกจากที่ทำงานมารับแม่เราไปอยู่ด้วยที่ทำงาน แม่ก็นั่งร้องไห้ตลอด(พ่อป่วยอยู่ที่สุโขทัยค่ะเลยยังไม่ไปที่ รพ.) รอจนเราเลิกงาน แฟนเรามารับขึ้นรถมาเจอแม่ด้วยเราก็งง แฟนเราถึงได้บอกเรา หลังจากทราบเราก็ไปสุโขทัยทันที มีแฟนเราไปเป็นเพื่อนด้วย เราขึ้นลง กรุงเทพ-สุโขทัย 2-3 ครั้งใน 2 อาทิตย์ เพื่อไปดูพ่อจนพ่อสามารถย้ายมารักษาที่กรุงเทพได้ค่ะ
งานแต่งงานก็ดำเนินกำหนดการเดิม เพราะพ่อไม่อยากให้เลื่อนการแต่งงาน หลังจากแต่งงาน เราเป็นคนทำข้อตกลงกับแฟนเราเองว่า เราเป็นลูกคนเดียว เราขอให้เขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังที่เราซื้อใหม่ มีพ่อแม่เราอยู่ด้วยได้ไหม เราไม่อยากทิ้งพ่อป่วยไว้กับแม่ตามลำพัง แฟนเราก็ตกลงค่ะ จากนั้น พ่อเราก็รักษาตัวจนเดินได้ ขับรถได้
อยู่กันมาได้ 1 ปีแม่เราก็เริ่มบ่นเรื่อง แฟนเราวางแก้วน้ำทิ้งไว้บนโต๊ะไม่เก็บ หยิบของไปแล้วไม่กลับมาวางที่ ไม่ช่วยทำงานในบ้านทำแต่งานของตัวเอง นอนตื่นสายทำงานดึกๆทำไมไม่ตื่นเช้ามาทำงาน ไม่ออกไปหาข้าวปลาให้พ่อแม่กิน เราก็ไปบอกแฟนเราว่า แม่บ่นอันนี้นะ พยายามระวังหน่อย จนบางทีกลายเป็นเรากะแฟนทะเลาะกันเอง
จนเราท้อง พ่อแม่ก็บอกว่า จะมาทำตัวแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ ต้องช่วยกันเลี้ยงหลาน ไม่ใช่จะมานอนตื่นสายปล่อยหลานไม่มีข้าวกินนะ เราก็ ok รับทราบ
พอเราคลอด มันก็มาพีคตอนนี้เลยค่ะ
พ่อแม่เราบ่นเรื่องสามีทุกวัน
-ทำไมไม่ช่วยทำอะไรเลยในบ้าน ไม่พาหมาไปฉี่ (เราก็เห็นเขาทำอยู่นะค่ะ เวลาเขากลับมาเขาก็จะพามันออกไปทุกครั้ง)งานซ่อมแซมบ้านไม่เคยสนใจเลยอะไรเสียอะไรพัง (เคยบอกพ่อแม่ว่าก็บอกสิจะได้รู้ว่าตรงไหน เขาตอบมาว่า อยู่บ้านไม่เห็นเหรอทำไมต้องให้บอก)
-ทำไมเราต้องตื่นตี 4 มาทำกับข้าวให้ลูกก่อนออกไปทำงาน สามีเราตื่นตี 5 อาบน้ำไปทำงานได้เลย ทำไมเราไม่ปลุกสามีลงมาช่วยกันทำ ปล่อยให้นอนกกลูกแบบนั้น
-เวลาสามีเราหยุดอยู่บ้าน แม่เราเลี้ยงหลานสามีนั่งทำงานในห้องทำงานของเขาเป็นห้องกระจกหน้าบ้าน แม่บ่นว่าสามีเราไม่เคยมาถามแม่เลยว่ากินข้าวหรือยัง เดี๋ยวดูลูกให้ก่อนไหม แม่กินข้าวไหม เราเคยบอกแม่ว่าให้เรียกเขาสิบอกแม่จะกินข้าว แม่ตอบว่าทำไมต้องเรียกโตแล้วคิดไม่ได้หรอ
ยังมีเรื่องจุกจิกเล็กน้อยอีกมากมายค่ะ เช่น หยิบของไปใช้แล้วไม่เก็บเข้าที่ เข้านอนดึกพอเช้าปลุกตื่นไม่ไหว(นอนดึกเพราะเขาทำงานดึกนะค่ะ) ง่วงอย่างเดียว
-ของในบ้านเสีย สามีเราไม่สนใจ อะไรๆก็เรียกช่างอย่างเดียว รวยนักหรือไง อะไรๆก็จะเรียกช่าง ทำไม่เป็นก็หัดมาดูเวลาพ่อทำ ทีหลังจะได้ทำเป็น
(เราเคยบอกพ่อว่าให้ทำวันที่สามีเราหยุด ถามเขาว่าว่างช่วงไหนเขาจะได้ว่างมาดู พ่อเราบอกว่า พ่อไม่ได้ว่างทั้งวันขนาดนั้น อยากมาดูก็ต้องหาวันเวลามาดูเอง)
สามีเราก็อดทนค่ะ อดทนมาตลอด จนความอดทนมันหมดลง ตอนนี้เขาได้ยินแม่พูดว่า ลูกเราไม่น่าเกิดมาเลย เกิดมาให้คนอื่นลำบาก(โชคดีที่ลูกเรายังไม่รู้เรื่องตอนนั้น) กับพ่อเราว่าเราว่าส่งเราเรียนมาสูง แต่โง่มาลำบากเพราะผู้ชาย (อันนี้แฟนเราแอบอ่าน line เราค่ะ) ตั้งแต่วันนั้นแฟนเราไม่ไหว้พ่อแม่เรา ไม่คุยด้วย บอกเราว่าจะย้ายออกจากบ้านวันนี้ เราจะไปกับเขาไหม ถ้าไม่ไปเขาจะไปก่อน เรากับลูกพร้อมเมื่อไหร่จะย้ายตามไปเขาจะมารับทันทีค่ะ เราก็พยายามคุยให้เขาใจเย็นๆ เราขอเวลาเขา 1 ปี รอให้ลูกโตกว่านี้ก่อนได้ไหม เราไม่ไว้ใจให้ใครเลี้ยงลูกนอกจากแม่เราจริงๆ เขาก็ยอมนะค่ะ 1 ปี เขาบอกว่าเขาจะอดทนคอยเพื่อเรากับลูก
ตอนนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์นี้มา 1 เดือนแล้วค่ะ ไม่รู้จะแก้ไขปัญหายังไงดี
เราตัดสินใจบอกพ่อว่าเรากำลังหาบ้าน จะย้ายออกไปนะ แต่คงอยู่ใกล้ๆ จะได้สะดวกในการรับส่งลูก พ่อเราบอกว่า ถ้าย้ายออกเราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านหลังนี้เหมือนเดิม คือ ค่าผ่อนบ้าน 8,000 ค่าผ่อนรถพ่อ 8,600 ค่าน้ำ-ไฟบ้าน ค่าใช้จ่ายที่ให้แม่ 6,000 แล้วพ่อก็ขอไปคุยกับแม่แฟนด้วย ว่าเลี้ยงลูกมายังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แล้วขอให้เราติดกล้องวงจรปิดบ้านหลังใหม่ เพราะเขาจะดูว่าใครทำอะไรในบ้านบ้าง เขาบอกว่าถ้าจะเอาลูกเขาไปลำบากไม่ต้องเอาไปค่ะ
ในมุมมองของแฟนเรา เขาก็บอกเราว่าเขาก็พยายามปรับตัวแล้ว เขาเคยเข้าไปจัดระเบียบห้องครัวให้แม่ แม่ก็บ่นว่าหาของไม่เจอ เขาก็เลยไม่ยุ่งอีก เรื่องตื่นสาย เขาก็แก้ไขเมื่อก่อนมีลูกตื่น 11.00 เดี๋ยวนี้มีลูก ลูกตื่นก็คือตื่นค่ะ ประมาณ 6.00-7.30 เรื่องพาหมาไปฉี่เขาก็บอกว่าเขาทำทุกวันทำไมถึงพูดว่าเขาไม่ทำ เรื่องของในบ้านเสียเขาบอกว่าเขาไม่ได้จบช่างแบบพ่อ ให้เปลี่ยนหลอดไฟอะไรนี่เขาทำได้ แต่ยากๆเขาทำไม่เป็น เมื่อก่อนเขาเป็นคนไม่เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เขาก็พยายามเก็บของให้เรียบร้อยแล้ว เขารู้สึกว่าทำดีเท่าไหร่เขาก็ดีไม่พอกับที่พ่อแม่ต้องการสักทีค่ะ
ทุกวันนี้ เราก็ถูกพ่อแม่เราพูดกระทบกระเทียบเสมอ
เช่นเวลาเราซักผ้าลูก พ่อเราจะมาพูดว่า สีทำได้ทุกอย่าง(หมายถึง สีทนได้ ในโฆษณาสียี่ห้อนึงค่ะ) บางทีก็พูดว่าถ้ามีลูกชายจะมาขอเป็นสะใภ้เลยขยันมาก บางทีก็มาว่าเราว่า งกค่ะ ทั้งที่เราให้ที่บ้านขนาดนี้เราไม่เข้าใจว่าเรายังงกตรงไหนอีก
เราพยายามหาทางแก้ไข แต่เราหาทางออกไม่ได้จริงๆค่ะ ฝั่งนึงก็พ่อแม่ ไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญู ฝั่งนึงก็สามีค่ะไม่อยากให้ครอบครัวต้องแตกแยกค่ะ
ตัวเรามองว่า บทบาทความเป็นแม่กับพ่อมันต่างกันนะค่ะ การที่เราต้องลงมาทำกับจ้างให้ลูกมันก็คือความสุขของเราค่ะ เราเองไม่อยากให้ลูกทานของค้างคืนเราเลยตื่นมาทำก่อนไปทำงานให้ เรื่องซักผ้าเมื่อก่อนตอนลูกเรา1 เดือนแม่เราช่วยซักให้บางครั้งค่ะ แต่เลิกทำเพราะให้เหตุผลว่าสามีเรายังไม่เห็นทำเลยทำไมเขาต้องทำ ปกติแฟนเราเขาจะล้างห้องน้ำกับรีดเสื้อผ้าให้เราค่ะ เคยตกลงกันเพราะเราไม่ชอบรีดผ้า บอกแม่ไปแล้วเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี