คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ตลาด AFET นี่มันดีมากนะ ถ้าใช้เป็น ดีกว่าฟิวเจอร์อีก แต่มันดันไม่ค่อยเวิร์คกับเมืองไทย
ประเด็นแรก ชาวนาส่วนใหญ่ใช้ไม่ค่อยเป็น เพราะพวกนี้มันไม่ใช่การส่งมอบข้าว แต่มันคือการเอาสัญญามาปิดความเสี่ยง เหมือนถ้าราคาตลาดขึ้นลง คุณก็ไปขายตลาดน่ะแหละ แต่มาเอาส่วนต่างจาก AFET แทน ซึ่งต้องคนที่ศึกษาพอสมควรถึงใช้เป็น
ข้อสอง ตลาดมันไม่มี liquidity และมันชอบเฮโลไปฝั่งเดียว ประมาณว่าตอนเก็บเกี่ยวก็มีแต่ฝั่งขาย หรือบางช่วงก็มีแต่ฝั่งซื้อ ซึ่งปกติเราต้องหา market maker และ speculator ให้ตลาด แต่มันไม่มี liquidity แต่แรกเค้าก็ไม่มา
ข้อสาม ตลาดเกษตรบ้านเราถูกแทรงแซงด้วยนโยบายการเมืองบ่อยเกินไป ซึ่งเป็นความเสี่ยงมาก คือถ้ามันเป็นความเสี่ยงด้านดินฟ้าอากาศมันยังโอเค เพราะไม่มีใครรู้ และพอคาดการณ์ worst case ได้ แต่ถ้าเป็นความเสี่ยงด้านนโยบาย คุณเสียเปรียบด้านข้อมูลชัดเจน และคนที่มีข้อมูลก็จะเอาเปรียบจากตลาดได้สบาย และคุณไม่สามารถคาดการณ์ worst case อะไรได้เลย
ประเด็นแรก ชาวนาส่วนใหญ่ใช้ไม่ค่อยเป็น เพราะพวกนี้มันไม่ใช่การส่งมอบข้าว แต่มันคือการเอาสัญญามาปิดความเสี่ยง เหมือนถ้าราคาตลาดขึ้นลง คุณก็ไปขายตลาดน่ะแหละ แต่มาเอาส่วนต่างจาก AFET แทน ซึ่งต้องคนที่ศึกษาพอสมควรถึงใช้เป็น
ข้อสอง ตลาดมันไม่มี liquidity และมันชอบเฮโลไปฝั่งเดียว ประมาณว่าตอนเก็บเกี่ยวก็มีแต่ฝั่งขาย หรือบางช่วงก็มีแต่ฝั่งซื้อ ซึ่งปกติเราต้องหา market maker และ speculator ให้ตลาด แต่มันไม่มี liquidity แต่แรกเค้าก็ไม่มา
ข้อสาม ตลาดเกษตรบ้านเราถูกแทรงแซงด้วยนโยบายการเมืองบ่อยเกินไป ซึ่งเป็นความเสี่ยงมาก คือถ้ามันเป็นความเสี่ยงด้านดินฟ้าอากาศมันยังโอเค เพราะไม่มีใครรู้ และพอคาดการณ์ worst case ได้ แต่ถ้าเป็นความเสี่ยงด้านนโยบาย คุณเสียเปรียบด้านข้อมูลชัดเจน และคนที่มีข้อมูลก็จะเอาเปรียบจากตลาดได้สบาย และคุณไม่สามารถคาดการณ์ worst case อะไรได้เลย
แสดงความคิดเห็น
สงสัยเรื่องราคาข้าว กับตลาดฟิวเจอร์
เคยอ่านหนังสือมา
เห็นประเทศทางตะวันตก รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่น
เขามีตลาดฟิวเจอร์ และใช้ประโยชน์จากมัน
ทำให้ฝั่งเกษตรกร (ผู้ขาย) และผู้ผลิต (ผู้ซื้อ) สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ จากการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
(ฝั่งผู้ขายเอง ก็กลัวความเสี่ยงที่จะเจอราคาร่วงตอนผลผลิตออกมาพร้อม ๆ กัน
ฝั่งผู้ผลิตเอง ก็กลัวความเสี่ยงที่จะเจอราคาสูงตอนที่กำลังจะทำการผลิต
ถ้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากัน มันจะปิดความเสี่ยงของทั้งสองฝ่ายได้ และได้ราคาที่เสถียร)
เห็นในเมืองไทยก็มีตลาด AFET (ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า) เช่นกัน
มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับในกรณีข้าวได้ไหม?
แล้วในทางปฎิบัติในกรณีของประเทศไทย มันทำได้/ไม่ได้ เพราะอะไร?