ณ สุดปลายรัก (บทที่ 5)

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ PuPaKae, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณโอ เขมปัณณ์, คุณ ออมอำพัน, คุณ nasa nasa
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ

บทที่ 1 - บทที่ 2  http://pantip.com/topic/35694173
บทที่ 3  http://pantip.com/topic/35729733
บทที่ 4  http://pantip.com/topic/35740933


บทที่ 5



    บริเวณหน้าศาลดูคึกคักกว่าปกติ แม้มองจากระยะไกลก็บอกได้แล้วว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่มาศาลโดยทั่วไป แต่เป็นนักข่าวเพราะมีทั้งกล้องถ่ายภาพ ไมโครโฟน เทปอัดเสียง หรือแม้แต่รถตู้สำหรับตระเวนทำข่าว  รถตู้มีตราของสถานีโทรทัศน์จอดอยู่ตรงบริเวณที่จอดรถซึ่งปกติก็มีช่องให้จอดได้เพียงไม่กี่คันอยู่แล้ว เวลานี้ไม่เหลือที่ไว้ให้ใครอื่นอีกเลย

รัญญาเข้าใจแล้วว่าทำไมทนายแบสจึงแนะนำให้ทิ้งรถไว้บริเวณลานจอดข้างอาคารสำนักงานทนายความของแก แล้วเดินมาศาลกันแทน ระยะทางเพียงสามบล็อกนี้ไม่ไกลเลย แถมเดินกันมาเรื่อยๆ ยังช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดีเสียด้วยซ้ำ

เธอเครียดมาตั้งแต่เมื่อคืน เครียดเพราะไม่รู้จะต้องมาเจออะไรบ้าง ทั้งๆ ที่ทนายสูงวัยพยายามอธิบายว่าครั้งแรกนี่เป็นเพียงเปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้ยื่นคำร้องชี้แจงข้อร้องเรียนและอีกฝ่ายเสนอข้อโต้แย้งเท่านั้นเอง ผู้พิพากษาจะเป็นคนพิจารณาว่าคำร้องนั้นมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ ถ้ามีน้ำหนักพอ ก็จะนัดวันสอบปากคำอีกที ระหว่างนั้นทางเขตจะส่งเจ้าหน้าที่รวมทั้งนักจิตวิทยาไปตรวจสอบสภาพจิตใจของเด็กและสภาพความเป็นอยู่ของทั้งสองฝ่าย

เมื่อคืนเธอเครียดจนโรคเรื้อรังที่เป็นเริ่มแสดงอาการ นับแต่ปวดศีรษะ ตามมาด้วยเจ็บแปลบๆ ที่มือและเท้า ยาช่วยทุเลาอาการลงได้บ้าง จากที่วิตกว่าอาจมาศาลไม่ได้ เหตุก็เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นสภาพน่าสมเพชของตัวเองในเวลาที่อาการของโรคกำเริบ นั่นจะกลายเป็นตัวบ่อนทำลายโอกาสได้เป็นผู้ปกครองหลานชายต่อไป แต่ตอนนี้เธอสบายขึ้นมาก แม้อาการที่เป็นจะไม่หมดสิ้นไปเสียเลยทีเดียว

ทนายแบสวางแผนการตอบโต้ไว้แล้วเป็นอย่างดี นับตั้งแต่กำหนดรูปแบบการแต่งตัวของเธอและแม่

    ‘เราจะแสดงให้เห็นว่าเราเป็นผู้คนปกติธรรมดา ไม่ใช่คนสำคัญ’ ฟังดูก็รู้ว่าแกตั้งใจจะให้หมายถึงใคร ‘ไม่ได้ร่ำรวยจนไม่มีเวลาให้ลูกหลานของตัวเอง คนพวกนั้นชอบจ้างคนเลี้ยงเด็กด้วยค่าจ้างแพงๆ แทนที่จะเลี้ยงเอง เราต้องแสดงข้อได้เปรียบตรงนั้น’ แกว่า

เหตุเพราะยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์น้องสาว เธอจึงสวมกระโปรงดำปลายสอบ ยาวลงไปเพียงเข่า เสื้อเป็นสเวตเตอร์ คอตั้ง แขนยาว สีเดียวกัน แม่ยิ่งเรียบร้อยกว่าเธอเสียอีก ปกติแม่ใส่กางเกงเพราะต้องทำงานตลอดเวลา ทำโน่นทำนี่ตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอนก็ว่าได้ แม่ว่าเวลาทำงาน กางเกงคล่องตัวกว่ากระโปรงชนิดเทียบกันไม่ได้ นานปีทีหนหรอกที่ท่านจะถือเอาเป็นวันพิเศษ และต้องรื้อเอากระโปรงซึ่งซุกไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ออกมาใช้

วันนี้ถือเป็นวันพิเศษวันหนึ่ง และแม่ก็สวมกระโปรงทรงตรงสีดำ ยาวครึ่งแข้ง กับเสื้อคอกลม แขนยาว ชุดนี้เก่าเก็บจนเวลาเข้าใกล้จะได้กลิ่นอับ ท่านต้องสวมเสื้อหนาวผ้าร่มตัวเก่าจนสีเริ่มจางแล้วทับอีกชั้น

พอทนายแบสเห็นแม่ก็ชอบอกชอบใจ

‘ต้องแบบนี้แหละ เรียกคะแนนสงสารกับคะแนนเห็นใจไว้ก่อน ให้ใครๆ เห็นว่าเรากำลังต่อสู้กับโกไลแอธ*เพื่อหลานชาย’

สงครามจิตวิทยาฉบับทนาย บ๊อบ แบส เริ่มตั้งแต่การแต่งตัวนั่นเลย และยิ่งนับเวลาที่ผ่านไป รัญญาก็ยิ่งวางใจในตัวแกมากขึ้น

แต่อาการเจ็บป่วยของเธอนี่สิ กลับไม่ค่อยเป็นใจเอาเสียเลย ไม่เข้าใจว่าหลังจากที่ไม่เป็นอะไรเลยมานานร่วมสองเดือน ทำไมอยู่ดีๆ จึงเกิดจะมาจู่โจมเอาตอนนี้ หมอประจำตัวเธอเคยเตือนให้ระวังเรื่องความเครียด ถ้าเครียด เธอจะมีอาการปวดหัวแบบไมเกรนก่อน แล้วต่อจากนั้นอาการของโรคที่เป็นก็จะติดตามมา

แต่ถึงอย่างไร งานนี้เธอรู้ว่าจะสู้ไม่ถอย เพื่อหลาน และเพื่อแม่

ไม่เพียงเรื่องการแต่งตัวเท่านั้น ทนายแบสยังสั่งด้วยว่าทุกวันที่ต้องมาศาล ประกาศิตหรือไม่ก็แม่ คนใดคนหนึ่งต้องอยู่บ้านกับหลาน จะได้แสดงให้ศาลเห็นว่าหลานชายเธอนั้นมีคนเลี้ยงตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องสำคัญเพียงไร ก็จะมีคนอยู่กับแกเสมอ

รัญญาเห็นนักข่าวคนหนึ่งมองมาทางนี้แล้วพูดอะไรบางอย่างกับตากล้อง พอเริ่มจากคนหนึ่ง คนอื่นก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นด้วยเช่นกัน หนึ่งในกลุ่มนักข่าวกระชับกระเป๋าที่สะพายอยู่กับบ่าแล้วเดินเร็วรี่มาหา เธอหันมองทนายแบสเพื่อถามว่าควรทำอย่างไร เห็นเพียงสีหน้าเรียบเฉยก็รู้ว่าแกเตรียมรับมืออยู่แล้ว
หากนักข่าวคนนั้นก็มาได้ไม่ไกล เธอเห็นเขาชะงักเพียงครึ่งทางเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง ผู้คนหน้าตัวอาคารศาลแตกฮือ บรรดาผู้สื่อข่าวต่างกระชับอุปกรณ์สารพัดชนิดที่ติดตัวมาด้วย ทุกสายตาจ้องเขม็งผ่านเธอไป

คาดิลแลก เอสคาเลด สีดำสนิทชะลอผ่านมาทางด้านข้าง ตามหลังด้วยเมอร์เซเดส เบนซ์ สีเดียวกันอีกสองคัน เจ้าหน้าที่สองคนออกมาโบกมือไล่ให้ผู้คนซึ่งออกันอยู่บนถนนแคบๆ สายนั้นถอยกลับขึ้นมาบนฟุตบาทเพื่อเปิดทางให้ทั้งสามคันได้เข้าจอดในที่จอดรถซึ่งเตรียมไว้ให้ก่อนหน้า

“ข่มขวัญกันเข้าไป” เสียงห้าวๆ ของทนายความสูงวัยพาให้เธอละสายตามามอง ฟังดูก็รู้ว่าแกเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียมากกว่าจะเกรงจริงๆ

หากรัญญาก็แทบไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว ไม่ได้ยินและไม่เห็นอะไรอีกนอกจากร่างสูงล่ำสันในชุดสูทสีกรมท่าที่เปิดประตูด้านคนขับแล้วก้าวลงจากรถเอสยูวีคันใหญ่นั้น และแทนที่จะอ้อมไปเปิดประตูด้านผู้โดยสารให้คนซึ่งนั่งมาด้วย เขากลับก้าวยาวๆ มาเปิดประตูตอนหลังรถเบนซ์คันที่ตามหลังมาและเพิ่งเข้าจอด หญิงสูงวัยในชุดเครื่องแต่งกายประณีตสมวัยก้าวลงราวนางพญา มีผู้ชายในชุดสูทอีกคนตามลงมาด้วยจากอีกด้านของรถ

สายตาเธอย้อนกลับไปที่เอสคาเลดทันควันเมื่อร่างสูงโปร่งพ้นออกมาจากอีกด้าน ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดกระโปรงสูทสีนวล ชายกระโปรงสั้นเหนือเข่าเพียงไม่มาก ดูสง่างามและสุภาพมากทีเดียว ผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเป็นสีทองเกล้าไว้เป็นมวยต่ำๆ เส้นผมสีสวยนั้นสะท้อนแสงแดดยามเช้าดูเลื่อมระยับ ทั้งสีเสื้อผ้าและสีผมช่วยขับใบหน้าขาวนวลและผิวพรรณผุดผาดให้กระจ่างตา

หล่อนสวยสมคำร่ำลือจริงๆ แม้มองจากระยะไกลขนาดนี้ก็ยังเห็นว่าสวย สวยกว่าที่เคยเห็นจากรูปตามหนังสือพิมพ์ หรือดูจากข่าวทางโทรทัศน์เวลาที่หล่อนออกงานที่โน่นที่นี่ตามแบบฉบับภรรยาผู้แทนราษฎรที่ดีเสียด้วยซ้ำ

หล่อนส่งยิ้มอ่อนหวานให้บรรดาผู้สื่อข่าวสารพัดสำนักที่กรูกันเข้าไปขอสัมภาษณ์ แต่เมื่อสามีและแม่สามีเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไม่หยุดพูดคุยกับใครเลย หล่อนจึงจำต้องตามติดไปแต่โดยดี

รัญญาได้ยินบางคำถามที่นักข่าวตะโกนถามเขา พอจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง มีทั้งคำถามเกี่ยวกับหลานชายของเธอ และคำถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายซึ่งเพิ่งผ่านสภาทั้งสองสภาไปเมื่อเร็วๆ นี้ เห็นเขาตอบสั้นๆ เพียงประโยคสองประโยค หากเสียงที่ตอบนั้นเบาเสียจนเธอได้ยินไม่ชัดเจน

นักข่าวสามสี่คนยังไม่ยอมลดละ ยังคงวิ่งตามไปถามโน่นถามนี่ไม่ได้หยุดปาก

“ไปเข้าประตูด้านข้างเถอะ ปล่อยให้ทางนี้เขาแสดงให้สมบทบาทไปก่อน” ทนายแบสแตะแผ่นหลังเธอแล้วนำไปอีกทาง

รัญญาหันมองความชุลมุนวุ่นวายที่บันไดด้านหน้าตัวอาคารอีกครั้ง สบสายตาที่กำลังมองตรงมาเข้าพอดี เธอเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป จากเมื่อครู่ที่เรียบเฉย คราวนี้เหมือนจะมีรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก หากเธอก็ไม่แน่ใจเพราะระยะที่ห่างกันมาก

ลับมุมตัวอาคารพอดีเมื่อเห็นนักข่าวคนหนึ่งพยายามจ่อเทปบันทึกเสียงไปตรงหน้าเขาแล้วถามอะไรบางอย่างซึ่งเธอไม่ได้ยิน หากเขาก็ไม่ตอบ ทั้งยังไม่หยุดเดิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่