ภิกษุ ทั้งหลาย. ! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใด ๆ
ได้ตรัสรู้ตามเป็นจริงไปแล้ว ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอดีต,
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริง
อันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใด ๆ
จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ต่อกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต,
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริง
อันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผู้ตรัสรู้
ตามเป็นจริงอยู่ ในกาลเป็นปัจจุบันนี้ ก็ได้ตรัสรู้อยู่ซึ่ง
ความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.
ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างนั้น เหล่าไหนเล่า ?
สี่อย่างคือ :
ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้
พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า
“นี้ เป็นทุกข์,
นี้ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
นี้ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
นี้ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์”
ดังนี้เถิด.
พระพุทธเจ้า ทั้งในอดีต, อนาคต และในปัจจุบัน ล้วนแต่ตรัสรู้อริยสัจสี่
ได้ตรัสรู้ตามเป็นจริงไปแล้ว ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอดีต,
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริง
อันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใด ๆ
จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ต่อกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต,
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริง
อันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผู้ตรัสรู้
ตามเป็นจริงอยู่ ในกาลเป็นปัจจุบันนี้ ก็ได้ตรัสรู้อยู่ซึ่ง
ความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.
ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างนั้น เหล่าไหนเล่า ?
สี่อย่างคือ :
ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้
พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า
“นี้ เป็นทุกข์,
นี้ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
นี้ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
นี้ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์”
ดังนี้เถิด.