ธรรม ๘ อย่างเหล่านี้เป็นไปในส่วนข้างวิเศษ ฯ
[๔๕๐] ธรรม ๘ อย่างที่แทงตลอดได้ยากเป็นไฉน ได้แก่กาลที่มิใช่
ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ คือ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระตถาคต
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และพระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไป
เพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึงความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระ
สุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึงนรกเสีย นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย
เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๑ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้
และพระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์
ให้ถึงความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึง
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเสีย นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหม-
*จรรย์ข้อที่ ๒ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึงปิตติวิสัย
เสีย นี้เป็นการมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๓ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึงเทพนิกาย
ซึ่งมีอายุยืนอย่างใดอย่างหนึ่งเสีย นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติ
พรหมจรรย์ข้อที่ ๔ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เกิดในปัจจันต-
*ชนบท อันเป็นถิ่นของชนมิลักขะผู้ไม่รู้ความ ซึ่งมิใช่คติของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
อุบาสิกา นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๕ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว ส่วนบุคคลนี้เป็นผู้เกิดในมัชฌิม-
*ชนบท แต่เขาเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิดไปว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล การ
บูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี
โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี สมณพราหมณ์
ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติโดยชอบ ซึ่งกระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วย
ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้รู้ ไม่มีในโลกนี้ นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย
เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๖ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว ส่วนบุคคลนี้เป็นผู้เกิดในมัชฌิม-
*ชนบท แต่เขาเป็นคนมีปัญญาทราม โง่เขลา เป็นใบ้ ไม่สามารถจะรู้เนื้อความ
ของถ้อยคำที่เป็นสุภาษิตและทุพภาษิตได้ นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่
ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๗ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติในโลก
และพระองค์ยังไม่ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์
ให้ถึงความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว ส่วนบุคคลนี้เป็นผู้เกิดใน
มัชฌิมชนบท และเขาเป็นคนมีปัญญา ไม่โง่เขลา ไม่เป็นใบ้ สามารถจะรู้เนื้อ
ความของถ้อยคำที่เป็นสุภาษิตและทุพภาษิตได้ นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่อ
อยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๘ ฯ
งง ๆ กับธรรมหมวดนี้
[๔๕๐] ธรรม ๘ อย่างที่แทงตลอดได้ยากเป็นไฉน ได้แก่กาลที่มิใช่
ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ คือ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระตถาคต
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และพระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไป
เพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึงความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระ
สุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึงนรกเสีย นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย
เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๑ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้
และพระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์
ให้ถึงความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึง
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเสีย นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหม-
*จรรย์ข้อที่ ๒ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึงปิตติวิสัย
เสีย นี้เป็นการมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๓ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เข้าถึงเทพนิกาย
ซึ่งมีอายุยืนอย่างใดอย่างหนึ่งเสีย นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติ
พรหมจรรย์ข้อที่ ๔ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว แต่บุคคลนี้เป็นผู้เกิดในปัจจันต-
*ชนบท อันเป็นถิ่นของชนมิลักขะผู้ไม่รู้ความ ซึ่งมิใช่คติของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
อุบาสิกา นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๕ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว ส่วนบุคคลนี้เป็นผู้เกิดในมัชฌิม-
*ชนบท แต่เขาเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิดไปว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล การ
บูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี
โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี สมณพราหมณ์
ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติโดยชอบ ซึ่งกระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วย
ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้รู้ ไม่มีในโลกนี้ นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย
เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๖ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลกนี้ และ
พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์ให้ถึง
ความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว ส่วนบุคคลนี้เป็นผู้เกิดในมัชฌิม-
*ชนบท แต่เขาเป็นคนมีปัญญาทราม โง่เขลา เป็นใบ้ ไม่สามารถจะรู้เนื้อความ
ของถ้อยคำที่เป็นสุภาษิตและทุพภาษิตได้ นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่
ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๗ ฯ
อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติในโลก
และพระองค์ยังไม่ทรงแสดงธรรมเป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความดับ ยังสัตว์
ให้ถึงความตรัสรู้ เป็นธรรมอันพระสุคตประกาศแล้ว ส่วนบุคคลนี้เป็นผู้เกิดใน
มัชฌิมชนบท และเขาเป็นคนมีปัญญา ไม่โง่เขลา ไม่เป็นใบ้ สามารถจะรู้เนื้อ
ความของถ้อยคำที่เป็นสุภาษิตและทุพภาษิตได้ นี้เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่อ
อยู่ประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๘ ฯ