"ประสบการณ์ไม่มีขายถ้าอยากได้ต้องออกเดินทาง"
เราก็แค่เด็กผู้หญิงขี้กลัวคนนึงที่มีความฝันอยากจะแบ็กแพคออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ให้กับชีวิต แต่ที่ผ่านมา19ปีก็ได้แต่ฝัน ฝัน ฝัน แล้วก็ฝัน ได้แต่นั่งอ่านรีวิวอยู่หน้าจอแต่ไม่เคยออกเดินทางเลยสักครั้ง...
ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากไป แต่พอคิดจะไปก็กลัวนู้นกลัวนี่ แต่ไม่ไหวแล้วถ้ามัวแต่กลัวเมื่อไหร่จะได้ไป
"สักครั้งหนึ่งในขีวิตฉันจะไปเป็นครูอาสา"
เป็นความฝันตั้งแต่เด็กที่อยากจะไปเป็นครูดอย เลยดั้นด้นมาเรียนไกลถึงเชียงใหม่

เอาวะ!!! "อย่ากลัวที่จะเดิน ถ้าเดินแล้วก็จงอย่ากลัว" (จำมาจากหนังเรื่องหมอกสีจางกับน้ำค้างสีชมพู เป็นวลีเด็ดที่พระเอกชอบพูดบ่อยๆการดูหนังมันทำให้เรามีแรงบันดาลใจขึ้นจริงๆนะ)
พอคิดได้อย่างนั้นแล้วก็ตัดสินใจบอกตัวเองอย่างแน่วแน่ว่าวันเกิดปีนี้เราจะต้องออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆให้ชีวิตและทำสิ่งดีๆเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง
เราเฝ้าหากิจกรรมต่างๆที่จะจัดในช่วงนี้อยู่หลายที่ แล้ววันนั้นก็เห็นทางเพจ4Dekdoiประกาศว่าจะมีกิจกรรม "ลาพักร้อนมาสอนเด็กดอย ปลายฝนต้นหนาว" ที่หมู่บ้านแม่ฮอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ มันจะโชคดีอะไรขนาดนี้

ตอนนั้นรีบวิ่งไปดูปฏิทินเลย ปรากฎว่ามันดันตรงกับวันที่จะมีกิจกรรมของคณะ แต่.... ก็คนมันอยากไปจะรั้งยังไงก็เอาไม่อยู่55 ลงทะเบียนเสร็จสรรพภายในวันนั้นเลยจ้า ครั้งนี้เราจะไม่ยอมพลาดอีก
แต่ก็แอบหวั่นใจนะ เพราะนี่คือการไปคนเดียวครั้งแรก กลัวนู้นกลัวนี่ไปหมด แถมยังไม่ได้บอกแม่ด้วย ถ้าแม่รู้อดไปแน่

"อย่ากลัวที่จะเดิน ถ้าเดินแล้วก็จงอย่ากลัว" เอาวะ ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่มีครั้งแรกก็ไม่มีครั้งสอง และครั้งต่อๆไป เอาไงเอากัน!!!
วันแรก ครั้งแรก....
เราให้เพื่อนมาส่งที่สถานีขนส่งช้างเผือกตอนตี 5.30 โคตรเช้าเลยซึ้งน้ำใจเพื่อนจริงๆ พอมาถึงรีบเข้าไปถามว่ารถคันไหนไปอมก๋อย ถามไปถามมา สรุปว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องนั่งรถเมย์ฟ้าเชียงใหม่-ฮอด แล้วไปต่อรถเล็กจากฮอดเข้าอมก๋อยอีกที (ซึ่งตอนแรกเราคิดว่านั่งรถเมย์ฟ้าแล้วยาวถึงอมก๋อยเลย 55 ไม่รอบคอบอีกแล้ว ตั้งแต่เริ่มเลย

)
เรากลับมาเอากระเป๋าข้างล่าง เห็นลุงออกรถตอนแรกนึกว่าจะมาจอดเทียบตรงที่ขึ้นรถ หันกลับไปอีกทีลุงขับออกไปนู้นแล้ว

วิ่งตามสิคะ รออะไร การวิ่งแบกกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม2ใบนี่มันไม่ง่ายเลยนะ


แต่โชคก็ยังเข้าข้างที่มีลุงคนอื่นๆที่ขนส่งช่วยกันบีบแตรเรียกลุงไว้ให้ เฮ้อ...อย่างน้อยก็ทันรถรอบแรก รอดไปๆ

ค่าโดยสารจากเชียงใหม่-ฮอด 49 บาท ใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงครึ่งถึงที่ฮอด รถนั่งสบาย คนขับไม่ซิ่ง ผู้โดยสารไม่เยอะเพราะเป็นรถรอบเช้าด้วยมั้ง เรานั่งหน้าใกล้คนขับเลย แถมจองคนเดียวสองเบาะเพราะของเยอะ
**การนั่งรถเมย์คนเดียวสิ่งที่ต้องย้ำกับตัวเองคือห้ามหลับ เพราะมีพี่คนนึงนั่งหลับตั้งแต่ขึ้นมา พอสะดุ้งตื่นรีบถามลุงว่าเลยตรงนู้นมาหรือยัง ลุงบอกเลยมาไกลแล้ว พี่คนนั้นรีบลงจากรถหน้าตาตื่นเชียว เราเลยไม่กล้าหลับนั่งตาแป๋วมาตลอดทาง

พอรถถึงฮอด คุณลงบอกว่า"หนูรถไปอมก๋อยอยู่ฝั่งนู้นนนน" คือไม่ทันได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียวรถอมก๋อยก็กำลังจะออก55 เกือบได้วิ่งตามรถอีกรอบแล้วไหมล่ะ
อันนี้เป็นรถเมย์ฟ้า เชียงใหม่-ฮอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.reviewchiangmai.com/wp-content/uploads/public-transportation-11.jpg
ส่วนคันนี้รถเข้าไปอ.อมก่อย รีบเลยไม่ทันถ่าย ขออนุญาตยืมภาพจากเว็บมาหน่อยแล้วกันน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://f.ptcdn.info/264/037/000/nxlhbea6c4B8pZR0672-o.jpg
พอขึ้นมาบนรถฮอด-อมก๋อย ก็ได้เจอพี่ๆครูอาสาที่มีจุดหมายเดียวกัน ตอนนั้นแอบใจชื้นขึ้นมาหน่อยยังไงก็มีเพื่อนแล้วโว้ยยย
นี่คือดอย เด็กน้อยที่นั่งรถมากับเรา (แววตาดูเศร้าๆเนอะว่ามั้ย พยายามยิ้มให้แล้วแต่น้องไม่ยิ้มตอบอ่าาา 55)

นั่งรถมาประมาณ4ชั่วโมงก็ถึงที่นัดหมาย ที่ศาลาข้างศูนย์ICTที่ตัวอำเภออมก๋อย

ที่นี่ดูเจริญกว่าที่คิดนะ ตลอดทางที่นั่งรถมาไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีตู้ATM และเซเว่น เรามาถึงก่อนเวลานัด เรา(ฉันและพี่ๆที่รู้จักกันบนรถ)ก็เลยพากันไปหาอะไรกินที่เซเว่นพร้อมกับซื้อเสบียงพวกขนมปังต่างๆเพราะไม่รู้ว่าที่ที่เราจะไปมันจะเป็นยังไง ต่างคนก็ต่างมาครั้งแรก เรื่องอื่นพลาดได้แต่เรื่องกินนี่ต้องรอบคอบ 55


อันนี้กองสัมภาระของพวกเรา
ก่อนออกเดินทางครูต้อมมาชี้แจงเรื่องการเดินทาง การปฏิบัติตัวและการใช้ชีวิตในหมู่บ้าน
เราเลือกนั่งรถขนผัก โดยมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 6 คน วันนี้แดดดีฝนคงไม่ตกถนนหนทางที่ขึ้นไปหมู่บ้านก็น่าจะโอเคอยู่นะ
แต่....

แต่...

มันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ ก่อนหน้านี้คงจะมีฝนตกเลยทำให้ถนนเป็นดินโคลน แถมลื่นอีกต่างหาก รถเลยติดหล่ม ต้องให้คนที่ตามมาช่วยกันใช้จอบขุดเคลียร์ทางรถถึงไปต่อได้
เป็นการนั่งรถที่ตื่นเต้นและน่ากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว มือนี่เกาะไว้แน่นเลย ความรู้สึกเหมือนตัวเองโดนเขย่าแรงๆอยู่ในกล่อง


หนทางยังอีกยาวไกล คนที่มาต้องมาด้วยใจจริงๆ


เพราะความฝันทำให้ฉันออกเดินทาง ตอน แบกเป้มาเป็นครูดอย
"ประสบการณ์ไม่มีขายถ้าอยากได้ต้องออกเดินทาง"
เราก็แค่เด็กผู้หญิงขี้กลัวคนนึงที่มีความฝันอยากจะแบ็กแพคออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ให้กับชีวิต แต่ที่ผ่านมา19ปีก็ได้แต่ฝัน ฝัน ฝัน แล้วก็ฝัน ได้แต่นั่งอ่านรีวิวอยู่หน้าจอแต่ไม่เคยออกเดินทางเลยสักครั้ง...
ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากไป แต่พอคิดจะไปก็กลัวนู้นกลัวนี่ แต่ไม่ไหวแล้วถ้ามัวแต่กลัวเมื่อไหร่จะได้ไป
"สักครั้งหนึ่งในขีวิตฉันจะไปเป็นครูอาสา"
เป็นความฝันตั้งแต่เด็กที่อยากจะไปเป็นครูดอย เลยดั้นด้นมาเรียนไกลถึงเชียงใหม่
เอาวะ!!! "อย่ากลัวที่จะเดิน ถ้าเดินแล้วก็จงอย่ากลัว" (จำมาจากหนังเรื่องหมอกสีจางกับน้ำค้างสีชมพู เป็นวลีเด็ดที่พระเอกชอบพูดบ่อยๆการดูหนังมันทำให้เรามีแรงบันดาลใจขึ้นจริงๆนะ)
พอคิดได้อย่างนั้นแล้วก็ตัดสินใจบอกตัวเองอย่างแน่วแน่ว่าวันเกิดปีนี้เราจะต้องออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆให้ชีวิตและทำสิ่งดีๆเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง
เราเฝ้าหากิจกรรมต่างๆที่จะจัดในช่วงนี้อยู่หลายที่ แล้ววันนั้นก็เห็นทางเพจ4Dekdoiประกาศว่าจะมีกิจกรรม "ลาพักร้อนมาสอนเด็กดอย ปลายฝนต้นหนาว" ที่หมู่บ้านแม่ฮอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ มันจะโชคดีอะไรขนาดนี้
แต่ก็แอบหวั่นใจนะ เพราะนี่คือการไปคนเดียวครั้งแรก กลัวนู้นกลัวนี่ไปหมด แถมยังไม่ได้บอกแม่ด้วย ถ้าแม่รู้อดไปแน่
"อย่ากลัวที่จะเดิน ถ้าเดินแล้วก็จงอย่ากลัว" เอาวะ ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่มีครั้งแรกก็ไม่มีครั้งสอง และครั้งต่อๆไป เอาไงเอากัน!!!
วันแรก ครั้งแรก....
เราให้เพื่อนมาส่งที่สถานีขนส่งช้างเผือกตอนตี 5.30 โคตรเช้าเลยซึ้งน้ำใจเพื่อนจริงๆ พอมาถึงรีบเข้าไปถามว่ารถคันไหนไปอมก๋อย ถามไปถามมา สรุปว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องนั่งรถเมย์ฟ้าเชียงใหม่-ฮอด แล้วไปต่อรถเล็กจากฮอดเข้าอมก๋อยอีกที (ซึ่งตอนแรกเราคิดว่านั่งรถเมย์ฟ้าแล้วยาวถึงอมก๋อยเลย 55 ไม่รอบคอบอีกแล้ว ตั้งแต่เริ่มเลย
เรากลับมาเอากระเป๋าข้างล่าง เห็นลุงออกรถตอนแรกนึกว่าจะมาจอดเทียบตรงที่ขึ้นรถ หันกลับไปอีกทีลุงขับออกไปนู้นแล้ว
ค่าโดยสารจากเชียงใหม่-ฮอด 49 บาท ใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงครึ่งถึงที่ฮอด รถนั่งสบาย คนขับไม่ซิ่ง ผู้โดยสารไม่เยอะเพราะเป็นรถรอบเช้าด้วยมั้ง เรานั่งหน้าใกล้คนขับเลย แถมจองคนเดียวสองเบาะเพราะของเยอะ
**การนั่งรถเมย์คนเดียวสิ่งที่ต้องย้ำกับตัวเองคือห้ามหลับ เพราะมีพี่คนนึงนั่งหลับตั้งแต่ขึ้นมา พอสะดุ้งตื่นรีบถามลุงว่าเลยตรงนู้นมาหรือยัง ลุงบอกเลยมาไกลแล้ว พี่คนนั้นรีบลงจากรถหน้าตาตื่นเชียว เราเลยไม่กล้าหลับนั่งตาแป๋วมาตลอดทาง
พอรถถึงฮอด คุณลงบอกว่า"หนูรถไปอมก๋อยอยู่ฝั่งนู้นนนน" คือไม่ทันได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียวรถอมก๋อยก็กำลังจะออก55 เกือบได้วิ่งตามรถอีกรอบแล้วไหมล่ะ
อันนี้เป็นรถเมย์ฟ้า เชียงใหม่-ฮอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนคันนี้รถเข้าไปอ.อมก่อย รีบเลยไม่ทันถ่าย ขออนุญาตยืมภาพจากเว็บมาหน่อยแล้วกันน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอขึ้นมาบนรถฮอด-อมก๋อย ก็ได้เจอพี่ๆครูอาสาที่มีจุดหมายเดียวกัน ตอนนั้นแอบใจชื้นขึ้นมาหน่อยยังไงก็มีเพื่อนแล้วโว้ยยย
นี่คือดอย เด็กน้อยที่นั่งรถมากับเรา (แววตาดูเศร้าๆเนอะว่ามั้ย พยายามยิ้มให้แล้วแต่น้องไม่ยิ้มตอบอ่าาา 55)
นั่งรถมาประมาณ4ชั่วโมงก็ถึงที่นัดหมาย ที่ศาลาข้างศูนย์ICTที่ตัวอำเภออมก๋อย
ที่นี่ดูเจริญกว่าที่คิดนะ ตลอดทางที่นั่งรถมาไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีตู้ATM และเซเว่น เรามาถึงก่อนเวลานัด เรา(ฉันและพี่ๆที่รู้จักกันบนรถ)ก็เลยพากันไปหาอะไรกินที่เซเว่นพร้อมกับซื้อเสบียงพวกขนมปังต่างๆเพราะไม่รู้ว่าที่ที่เราจะไปมันจะเป็นยังไง ต่างคนก็ต่างมาครั้งแรก เรื่องอื่นพลาดได้แต่เรื่องกินนี่ต้องรอบคอบ 55
อันนี้กองสัมภาระของพวกเรา
ก่อนออกเดินทางครูต้อมมาชี้แจงเรื่องการเดินทาง การปฏิบัติตัวและการใช้ชีวิตในหมู่บ้าน
เราเลือกนั่งรถขนผัก โดยมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 6 คน วันนี้แดดดีฝนคงไม่ตกถนนหนทางที่ขึ้นไปหมู่บ้านก็น่าจะโอเคอยู่นะ
แต่....
แต่...
มันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ ก่อนหน้านี้คงจะมีฝนตกเลยทำให้ถนนเป็นดินโคลน แถมลื่นอีกต่างหาก รถเลยติดหล่ม ต้องให้คนที่ตามมาช่วยกันใช้จอบขุดเคลียร์ทางรถถึงไปต่อได้
เป็นการนั่งรถที่ตื่นเต้นและน่ากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว มือนี่เกาะไว้แน่นเลย ความรู้สึกเหมือนตัวเองโดนเขย่าแรงๆอยู่ในกล่อง
หนทางยังอีกยาวไกล คนที่มาต้องมาด้วยใจจริงๆ