สวัสดีค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้ในห้องนี้เลยค่ะ
เนื่องจากมีโอกาสได้เป็นอาสาสมัครเดินทางไปยัง อ.อมก๋อย
เพื่อนำทุนการศึกษาไปมอบให้เด็กๆ และเก็บภาพมาออกอากาศในรายการ
ทำให้มีเรื่องเล่าระหว่างทางมากมาย เลยอยากนำมาแบ่งปัน
เดินทางตั้งแต่วันที่ 8-12 กรกฎาคมค่ะ
เริ่มจากวันแรก ไม่ได้นอนทั้งคืน กลัวไม่ตื่น รีบไปขึ้นเครื่องแต่เช้า
แต่อาสาสมัครอีกคนตกเครื่องค่ะ เราสายจนต้องวิ่งจากเคาน์เตอร์เช็คอินไปเกท 75
บอกได้เลยว่าเครื่องถึงเชียงใหม่แล้วยังไม่หายเหนื่อยจากการวิ่งเลยค่ะ
เราก็เลยต้องเดินรอฮีมาไฟลท์บ่าย อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่
เดินกินหมูปิ้งคนเดียว พร้อมกระเป๋าหนัก 13 กิโล
เชียงใหม่ สวยงาม อ่อนหวาน และน่ารักมากๆ ค่ะ
หลายคนเข้าใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว บอกว่าฟังแล้วเราพูดไทยไม่ชัด
ก็พยายามพูดภาษาอังกฤษด้วย คนเชียงใหม่น่าฮักแต้ๆ เจ้า
ไปพบเกสท์เฮ้าส์ใจดี Pat Klang Viang ให้นั่งเล่นรอเพื่อน
แถมช่วยบริจาคหนังสือสำหรับเด็กๆ บนดอยมาอีกกว่าสิบเล่ม
แล้วยังไม่คิดค่าอาหารและเครื่องดื่มด้วย
ด้วยความที่ผิดแผนการเดินทาง ก็เลยตกรถไปอมก๋อย ซึ่งมีแค่สองรอบต่อวัน
เลยนั่งรถไป อ.ฮอด ซึ่งคนพื้นที่บอกว่าน่าจะทันรถเที่ยวสุดท้ายจาก อ.ฮอด ไปอ.อมก๋อย
แต่พอไปถึงก็ไม่ทัน รถวิ่งผ่านหน้าไปแบบงงๆ ชาวบ้านแนะให้กลับไปนอนเชียงใหม่ หรือไม่ก็นอนเสียที่ อ.ฮอด
เรามองหน้ากัน แล้วตัดสินใจ โบกรถ! ทางที่ผ่านไปนั้นด้วยทักษะการขับรถขึ้นเขาก็ทำเอาเรากรี๊ดตลอดทาง
แต่ก็แอบเก็บภาพสวยงามมาได้บ้าง
รถที่โบกมาได้อีกครึ่งทาง ถึงบ้านกิ่วลม เพราะพี่เขาจะไปแม่สะเรียง จริงๆ เขาอาสาไปส่งแต่เราเกรงใจ
ที่บ้านกิ่วลมนี่ วัยรุ่นเขาน่ารักมาก ต้อนรับอย่างดี มีขี่รถกลับบ้านไปจดอีเมลมาให้ แถมเอากล้องมาถ่ายรูปด้วย
ตกลงกับรีสอร์ทที่อมก๋อยว่าจะโบกรถต่อ แต่ถ้ามืดแล้วก็คงขอให้รีสอร์ทมารับ
สุดท้าย มืดค่ำ หารถไปไม่ได้ ทางอมก๋อยรีสอร์ทใจดีออกมารับ ถึงที่หมายสองทุ่มกว่า
จากนี้จะเป็นภาพบรรยากาศรวมๆ ของการเที่ยวไป ทำงานอาสาไป
จะไปไหนในอมก๋อย โบกรถได้เลยค่ะ จอดง่ายหายห่วง ผู้คนเป็นห่วงเป็นใย ถามไถ่เอาใจใส่
บางท่านรู้จักกันสิบนาที เสนอมอเตอร์ไซค์ให้เอาไปขี่ได้
เพื่อนใหม่หลายๆ คนก็คอยรับส่งยามค่ำคืน
เดินทางไปครั้งนี้ฉุกละหุก ไม่รู้เลยว่าที่ไหนดัง ที่ไหนน่าไป เราทำได้แค่เดินเล่นออกไปตามหมู่บ้าน
เดินกันไปเรื่อยๆ โบกรถไปบ้าง จนได้พบที่สวยๆ หลายที่ด้วยตัวเอง
ได้ไปนั่งคุยกับชาวกะเหรี่ยงตามหมู่บ้าน สนุกไปอีกแบบค่ะ

แม้กระทั่งขากลับ น้ำใจจากคนอมก๋อยก็ยังไม่หมด
เพราะมีเพื่อนใหม่ที่รู้จักกันจากร้านเล็กๆ น่ารัก ชื่อร้านสมอลล์ทาวน์(ใครไปอมก๋อย ขอแนะนำให้แวะ)
เพื่อนใหม่เลี้ยงข้าวคืนสุดท้าย แถมวันรุ่งขึ้นก็อาสาขับรถมาส่งถึงสนามบิน
ทำให้เรามีเวลาชิลล์ที่ป่าสน(สวยมากๆ) พาแวะเที่ยว แวะตลาด ซื้ออาหารเผื่อเราด้วย เดินทางแบบไม่ต้องรีบร้อน

ความประทับใจที่อมก๋อย นอกจากการผจญภัย บรรยากาศงดงาม ก็คงเป็นเรื่องน้ำใจของผู้คน
เราและอาสาสมัครอีกท่านได้เรียนรู้อะไรมากมายก่อนจะกลับสู่ชีวิตคนเมือง
วินาทีที่เพื่อนมาส่งที่สนามบิน เราร้องไห้ เพราะตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
ตอนที่นั่งรอขึ้นเครื่อง เราสองคนไม่มีคำพูดใดๆ แต่ใจหายที่ต้องโบกมือลาอมก๋อย
พอเครื่องขึ้นเท่านั้นแหละ ทำนบน้ำตาแตก ร้องไห้ไม่หยุด
กลับมาถึงกทม. คำเดียวที่เราสองคนบอกกับคนอื่นๆ ก็คือ Amazing...
ขอบคุณ SocialGiver 4DekDoi รายการคนหัวรั้น
คุณเอเร่น พี่หน่อย สมอลทาวน์ นนท์ และพี่ก้อง อมก๋อยรีสอร์ท
รวมถึงทุกคนที่ช่วยทำให้ทริปนี้มีความหมายอย่างยิ่ง
รูปและคำบรรยายเพิ่มเติม ดูได้จาก
http://tinyurl.com/l939hd8
http://tinyurl.com/mn28shc
ระหว่างทางขากลับลงจากอมก๋อยนี่เอง ท่ามกลางบรรยากาศงดงามสองข้างทางที่ชี้ชวนกันดู
...เรามองเห็นสายรุ้งโค้งเหนือเนินเขา...
แล้วเพลง Somewhere over the rainbow ก็ดังขึ้นในหัวใจ
[CR] Backpack ไปชิลล์สุดปลายสายรุ้ง ณ อมก๋อย
เนื่องจากมีโอกาสได้เป็นอาสาสมัครเดินทางไปยัง อ.อมก๋อย
เพื่อนำทุนการศึกษาไปมอบให้เด็กๆ และเก็บภาพมาออกอากาศในรายการ
ทำให้มีเรื่องเล่าระหว่างทางมากมาย เลยอยากนำมาแบ่งปัน
เดินทางตั้งแต่วันที่ 8-12 กรกฎาคมค่ะ
เริ่มจากวันแรก ไม่ได้นอนทั้งคืน กลัวไม่ตื่น รีบไปขึ้นเครื่องแต่เช้า
แต่อาสาสมัครอีกคนตกเครื่องค่ะ เราสายจนต้องวิ่งจากเคาน์เตอร์เช็คอินไปเกท 75
บอกได้เลยว่าเครื่องถึงเชียงใหม่แล้วยังไม่หายเหนื่อยจากการวิ่งเลยค่ะ
เราก็เลยต้องเดินรอฮีมาไฟลท์บ่าย อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่
เดินกินหมูปิ้งคนเดียว พร้อมกระเป๋าหนัก 13 กิโล
เชียงใหม่ สวยงาม อ่อนหวาน และน่ารักมากๆ ค่ะ
หลายคนเข้าใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว บอกว่าฟังแล้วเราพูดไทยไม่ชัด
ก็พยายามพูดภาษาอังกฤษด้วย คนเชียงใหม่น่าฮักแต้ๆ เจ้า
ไปพบเกสท์เฮ้าส์ใจดี Pat Klang Viang ให้นั่งเล่นรอเพื่อน
แถมช่วยบริจาคหนังสือสำหรับเด็กๆ บนดอยมาอีกกว่าสิบเล่ม
แล้วยังไม่คิดค่าอาหารและเครื่องดื่มด้วย
ด้วยความที่ผิดแผนการเดินทาง ก็เลยตกรถไปอมก๋อย ซึ่งมีแค่สองรอบต่อวัน
เลยนั่งรถไป อ.ฮอด ซึ่งคนพื้นที่บอกว่าน่าจะทันรถเที่ยวสุดท้ายจาก อ.ฮอด ไปอ.อมก๋อย
แต่พอไปถึงก็ไม่ทัน รถวิ่งผ่านหน้าไปแบบงงๆ ชาวบ้านแนะให้กลับไปนอนเชียงใหม่ หรือไม่ก็นอนเสียที่ อ.ฮอด
เรามองหน้ากัน แล้วตัดสินใจ โบกรถ! ทางที่ผ่านไปนั้นด้วยทักษะการขับรถขึ้นเขาก็ทำเอาเรากรี๊ดตลอดทาง
แต่ก็แอบเก็บภาพสวยงามมาได้บ้าง
รถที่โบกมาได้อีกครึ่งทาง ถึงบ้านกิ่วลม เพราะพี่เขาจะไปแม่สะเรียง จริงๆ เขาอาสาไปส่งแต่เราเกรงใจ
ที่บ้านกิ่วลมนี่ วัยรุ่นเขาน่ารักมาก ต้อนรับอย่างดี มีขี่รถกลับบ้านไปจดอีเมลมาให้ แถมเอากล้องมาถ่ายรูปด้วย
ตกลงกับรีสอร์ทที่อมก๋อยว่าจะโบกรถต่อ แต่ถ้ามืดแล้วก็คงขอให้รีสอร์ทมารับ
สุดท้าย มืดค่ำ หารถไปไม่ได้ ทางอมก๋อยรีสอร์ทใจดีออกมารับ ถึงที่หมายสองทุ่มกว่า
จากนี้จะเป็นภาพบรรยากาศรวมๆ ของการเที่ยวไป ทำงานอาสาไป
จะไปไหนในอมก๋อย โบกรถได้เลยค่ะ จอดง่ายหายห่วง ผู้คนเป็นห่วงเป็นใย ถามไถ่เอาใจใส่
บางท่านรู้จักกันสิบนาที เสนอมอเตอร์ไซค์ให้เอาไปขี่ได้
เพื่อนใหม่หลายๆ คนก็คอยรับส่งยามค่ำคืน
เดินทางไปครั้งนี้ฉุกละหุก ไม่รู้เลยว่าที่ไหนดัง ที่ไหนน่าไป เราทำได้แค่เดินเล่นออกไปตามหมู่บ้าน
เดินกันไปเรื่อยๆ โบกรถไปบ้าง จนได้พบที่สวยๆ หลายที่ด้วยตัวเอง
ได้ไปนั่งคุยกับชาวกะเหรี่ยงตามหมู่บ้าน สนุกไปอีกแบบค่ะ
แม้กระทั่งขากลับ น้ำใจจากคนอมก๋อยก็ยังไม่หมด
เพราะมีเพื่อนใหม่ที่รู้จักกันจากร้านเล็กๆ น่ารัก ชื่อร้านสมอลล์ทาวน์(ใครไปอมก๋อย ขอแนะนำให้แวะ)
เพื่อนใหม่เลี้ยงข้าวคืนสุดท้าย แถมวันรุ่งขึ้นก็อาสาขับรถมาส่งถึงสนามบิน
ทำให้เรามีเวลาชิลล์ที่ป่าสน(สวยมากๆ) พาแวะเที่ยว แวะตลาด ซื้ออาหารเผื่อเราด้วย เดินทางแบบไม่ต้องรีบร้อน
ความประทับใจที่อมก๋อย นอกจากการผจญภัย บรรยากาศงดงาม ก็คงเป็นเรื่องน้ำใจของผู้คน
เราและอาสาสมัครอีกท่านได้เรียนรู้อะไรมากมายก่อนจะกลับสู่ชีวิตคนเมือง
วินาทีที่เพื่อนมาส่งที่สนามบิน เราร้องไห้ เพราะตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
ตอนที่นั่งรอขึ้นเครื่อง เราสองคนไม่มีคำพูดใดๆ แต่ใจหายที่ต้องโบกมือลาอมก๋อย
พอเครื่องขึ้นเท่านั้นแหละ ทำนบน้ำตาแตก ร้องไห้ไม่หยุด
กลับมาถึงกทม. คำเดียวที่เราสองคนบอกกับคนอื่นๆ ก็คือ Amazing...
ขอบคุณ SocialGiver 4DekDoi รายการคนหัวรั้น
คุณเอเร่น พี่หน่อย สมอลทาวน์ นนท์ และพี่ก้อง อมก๋อยรีสอร์ท
รวมถึงทุกคนที่ช่วยทำให้ทริปนี้มีความหมายอย่างยิ่ง
รูปและคำบรรยายเพิ่มเติม ดูได้จาก
http://tinyurl.com/l939hd8
http://tinyurl.com/mn28shc
ระหว่างทางขากลับลงจากอมก๋อยนี่เอง ท่ามกลางบรรยากาศงดงามสองข้างทางที่ชี้ชวนกันดู
...เรามองเห็นสายรุ้งโค้งเหนือเนินเขา...
แล้วเพลง Somewhere over the rainbow ก็ดังขึ้นในหัวใจ