เกิ่นเรื่อง... หลังจากผมเรียนจบมาได้ 6 เดือน.
ผมก็อยู่แต่บ้านเพราะคิดไว้ว่าจะขอพักการใช้ชีวิตสัก 2 เดือน แล้วจะบินไปทำงานที่ต่างประเทศต่อ และ คอยส่งเงินซื้อของส่งมาให้ทางครอบครัวใช้ ส่วนตัวผมก็จะใช้ชีวิตอยู่ที่นู้น. แต่ว่าพอผมได้มีเวลาอยู่กับตัวเองเลยทำให้ผม มองดูตัวเอง มองคนรอบข้าง มองไปที่ครอบครัว และก็เกิดคำถามเกี่ยวกับความทุกข์ความสุข ขึ้นมากมายในหัว.. จนสุดท้ายผมก็กลายเป็นคนเงียบได้แต่นั่งคิดนอนคิดหาคำตอบของคำถามมากมายในหัว และมีวันนึงผมนั่งคิดไรเพลินๆอยู่แล้วได้ยินเสียงจาก วิทยุ หรือจากอะไรสักอย่าง จากข้างบ้าน. เป็นเสียงเทศน์พระธรรม ผมได้ฟังอยู่แปปนึงแล้วเหมือนกับว่ามันจะตอบคำถามของผมได้ ผมเลยหันมา "ศึกษาพระธรรม คำสอนต่างๆ ฟังเทศน์ ศึกษาพุทธประวัติ และลองปฏิบัติตามไปด้วย..ผมใช้เวลาอยู่กับทางธรรม ถือศีล 5 มาจะ 5 เดือนแล้ว"
ปกติว่างๆ ผมจะเล่นกีต้าร์ เล่นเกมส์ ดูหนัง ขับรถเล่น แต่ผมกลับทิ้งทุกอย่างเหล่านั้นไป มานั่งสมาธิแทน หลังๆมานี่ผมนั่งสมาธิตั้งแต่เที่ยงถึงหัวค่ำ เพราะแม่มาเรียกทานข้าว ผมเลยออกจากสมาธิ. ผมได้รู้สึกว่าผม สบายใจ หัวโล่ง ตัวเบา และรู้สึกดีไปอีกแบบ ผมเลยศึกษาและปฏิบัติธรรมมาโดยตลอด.
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้ตัดสินใจจะบวชเพราะรู้สึกว่าเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนามากหลังจากที่ได้ศึกษาปฏิบัติมาสักพักใหญ่ๆ ผมเลยไปขอพ่อแม่ เพื่อจะขอลาบวช. ท่านก็ร้องไห้แต่ผมก็รับรู้ว่ามันไม่ใช่น้ำตาของความทุกข์เลยหนิ... (ในใจผมคิดไว้ว่าผมจะบวชยาว จนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมแจ่มแจ้ง เข้าใจชีวิต เข้าใจความทุกข์ เข้าใจความสุข เพื่อที่จะหลุดพ้นจากกิเลสความทุกข์ในระดับที่ผมจะพอใจ หรือไม่ก็บวชไปตลอดชีวิต) แต่ผมไม่กล้าที่จะบอกท่าน ผมได้แค่พูดรอยๆ ไปว่า ถ้าขอบวชยาวหละ? พ่อแม่ผมตอบว่า ก็ดีหนิ และก็ขำ.
ตอนนี้รอออกพรรษาวันที่ 16 นี้ แล้วจะไปติดต่อที่วัด ดูฤกษ์ด้วย ผมเลือกวัดเทพธงชัย สมุทรสาคร เพราะว่า ตาของผมก็ละทิ้งทางโลกมาอยู่วัดนี้ แต่ท่านเสียไปนานแล้ว พี่ชายผมก็มาอุปสมบทที่วัดนี้ 2 สัปดาห์ และผมก็ชอบวัดนี้ เพราะไม่มีงาน อยู่นอกเมือง เงียบสงบพอควรเลย จะมีก็แต่จิตนิมนต์ต่างๆ
ปัญหามีอยู่ว่า
**ตอนผมไปขอพ่อแม่บวชนั้น ผมได้บอกท่านว่าขอบวชไม่ต้องจัดงานอะไรไม่ต้องมีดนตรี เพราะ พี่ชายผมจัดงานอลังการมากหมดไปหลายแสน ซึ่งตัวผมเองไม่ชอบมันเปลือง ทางบ้านผมก็ไม่ได้รวย แค่พอมีกินพอมีใช้ ผมเลยขอท่านแบบนั้นใช้เงินไม่ต้องเยอะแค่ 2-3หมื่นก็หรูแล้วไรงี้**
แต่เมื่อวานผมก็ได้รู้มาว่าที่บ้านเป็นหนี้อยู่แม่เลยไปเล่นอะไรแชร์ๆๆเนี่ยแหละผมไม่รู้จักมา ได้เงินสิ้นเดือนนี้ และเงินนั้นก็มีส่วนที่จะใช้ในการจัดงานบวชผม
ผมเลยถามแม่ว่า แม่จะเอาเงินเยอะขนาดนั้นไปทำอะไร? แค่บวชทำไมถึงใช้เงินขนาดนั้น (1 แสน)
แม่ตอบผมว่า "ลูก แม่ก็จะทำตามที่ลูกขอนั่นแหละนะ แต่แขกที่มางานก็มี 100-150 คน แม่เลยจะจ้างโต๊ะจีนมา จัดตอนเที่ยง(หลังจากที่ผมบวชเสร็จ)"
ผมก็เลยบอกแม่ว่า "ทำไมต้องโต๊ะจีนหละแม่? ไปจ้างร้านทำข้าวแกง ไปเหมาให้เขาไปทำให้กินที่วัดไม่ดีกว่าหรอ (งานจัดในวัด)"
แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยอมแม่ "แม่บอกไม่ต้องคิดมากนะลูก" แต่ผมก็หลุดคิดอยู่บ่อยๆว่าแม่เอาเงินส่วนนี้มาใช้กับเราแล้วหลังจากนั้นแม่จะเอาเงินที่ไหนไปใช้เขา หรืออะไร ยังไง?"
ตอนนี้ผมคิดที่จะขายอะไรต่างๆที่ผมไม่ได้ใช้มาตั้งแต่ผมเริ่มเข้าทางธรรมมา 6 เดือน (คอม มือถือ กีต้าร์ ทีวี เครื่องเกมส์ บลาๆ เพื่อเอาเงินไปให้แม่) ดีไหมครับ?
**ท่านใดมีคำแนะนำติเตือน หรืออะไรก็ได้ ช่วยเสนอผมหน่อยเพิ่มผมมีความคิดอะไรมากกว่าตอนนี้**
ปล.ขออภัยนะครับ ยาวไปหน่อยแต่อยากให้เข้าใจอารมณ์ในใจผมอ่าครับ... ขอบพระคุณมากครับ
ขอคำแนะนำ เรื่องลาอุปสมบทกับปัญหาทางครอบครัว
ผมก็อยู่แต่บ้านเพราะคิดไว้ว่าจะขอพักการใช้ชีวิตสัก 2 เดือน แล้วจะบินไปทำงานที่ต่างประเทศต่อ และ คอยส่งเงินซื้อของส่งมาให้ทางครอบครัวใช้ ส่วนตัวผมก็จะใช้ชีวิตอยู่ที่นู้น. แต่ว่าพอผมได้มีเวลาอยู่กับตัวเองเลยทำให้ผม มองดูตัวเอง มองคนรอบข้าง มองไปที่ครอบครัว และก็เกิดคำถามเกี่ยวกับความทุกข์ความสุข ขึ้นมากมายในหัว.. จนสุดท้ายผมก็กลายเป็นคนเงียบได้แต่นั่งคิดนอนคิดหาคำตอบของคำถามมากมายในหัว และมีวันนึงผมนั่งคิดไรเพลินๆอยู่แล้วได้ยินเสียงจาก วิทยุ หรือจากอะไรสักอย่าง จากข้างบ้าน. เป็นเสียงเทศน์พระธรรม ผมได้ฟังอยู่แปปนึงแล้วเหมือนกับว่ามันจะตอบคำถามของผมได้ ผมเลยหันมา "ศึกษาพระธรรม คำสอนต่างๆ ฟังเทศน์ ศึกษาพุทธประวัติ และลองปฏิบัติตามไปด้วย..ผมใช้เวลาอยู่กับทางธรรม ถือศีล 5 มาจะ 5 เดือนแล้ว"
ปกติว่างๆ ผมจะเล่นกีต้าร์ เล่นเกมส์ ดูหนัง ขับรถเล่น แต่ผมกลับทิ้งทุกอย่างเหล่านั้นไป มานั่งสมาธิแทน หลังๆมานี่ผมนั่งสมาธิตั้งแต่เที่ยงถึงหัวค่ำ เพราะแม่มาเรียกทานข้าว ผมเลยออกจากสมาธิ. ผมได้รู้สึกว่าผม สบายใจ หัวโล่ง ตัวเบา และรู้สึกดีไปอีกแบบ ผมเลยศึกษาและปฏิบัติธรรมมาโดยตลอด.
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้ตัดสินใจจะบวชเพราะรู้สึกว่าเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนามากหลังจากที่ได้ศึกษาปฏิบัติมาสักพักใหญ่ๆ ผมเลยไปขอพ่อแม่ เพื่อจะขอลาบวช. ท่านก็ร้องไห้แต่ผมก็รับรู้ว่ามันไม่ใช่น้ำตาของความทุกข์เลยหนิ... (ในใจผมคิดไว้ว่าผมจะบวชยาว จนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมแจ่มแจ้ง เข้าใจชีวิต เข้าใจความทุกข์ เข้าใจความสุข เพื่อที่จะหลุดพ้นจากกิเลสความทุกข์ในระดับที่ผมจะพอใจ หรือไม่ก็บวชไปตลอดชีวิต) แต่ผมไม่กล้าที่จะบอกท่าน ผมได้แค่พูดรอยๆ ไปว่า ถ้าขอบวชยาวหละ? พ่อแม่ผมตอบว่า ก็ดีหนิ และก็ขำ.
ตอนนี้รอออกพรรษาวันที่ 16 นี้ แล้วจะไปติดต่อที่วัด ดูฤกษ์ด้วย ผมเลือกวัดเทพธงชัย สมุทรสาคร เพราะว่า ตาของผมก็ละทิ้งทางโลกมาอยู่วัดนี้ แต่ท่านเสียไปนานแล้ว พี่ชายผมก็มาอุปสมบทที่วัดนี้ 2 สัปดาห์ และผมก็ชอบวัดนี้ เพราะไม่มีงาน อยู่นอกเมือง เงียบสงบพอควรเลย จะมีก็แต่จิตนิมนต์ต่างๆ
ปัญหามีอยู่ว่า
**ตอนผมไปขอพ่อแม่บวชนั้น ผมได้บอกท่านว่าขอบวชไม่ต้องจัดงานอะไรไม่ต้องมีดนตรี เพราะ พี่ชายผมจัดงานอลังการมากหมดไปหลายแสน ซึ่งตัวผมเองไม่ชอบมันเปลือง ทางบ้านผมก็ไม่ได้รวย แค่พอมีกินพอมีใช้ ผมเลยขอท่านแบบนั้นใช้เงินไม่ต้องเยอะแค่ 2-3หมื่นก็หรูแล้วไรงี้**
แต่เมื่อวานผมก็ได้รู้มาว่าที่บ้านเป็นหนี้อยู่แม่เลยไปเล่นอะไรแชร์ๆๆเนี่ยแหละผมไม่รู้จักมา ได้เงินสิ้นเดือนนี้ และเงินนั้นก็มีส่วนที่จะใช้ในการจัดงานบวชผม
ผมเลยถามแม่ว่า แม่จะเอาเงินเยอะขนาดนั้นไปทำอะไร? แค่บวชทำไมถึงใช้เงินขนาดนั้น (1 แสน)
แม่ตอบผมว่า "ลูก แม่ก็จะทำตามที่ลูกขอนั่นแหละนะ แต่แขกที่มางานก็มี 100-150 คน แม่เลยจะจ้างโต๊ะจีนมา จัดตอนเที่ยง(หลังจากที่ผมบวชเสร็จ)"
ผมก็เลยบอกแม่ว่า "ทำไมต้องโต๊ะจีนหละแม่? ไปจ้างร้านทำข้าวแกง ไปเหมาให้เขาไปทำให้กินที่วัดไม่ดีกว่าหรอ (งานจัดในวัด)"
แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยอมแม่ "แม่บอกไม่ต้องคิดมากนะลูก" แต่ผมก็หลุดคิดอยู่บ่อยๆว่าแม่เอาเงินส่วนนี้มาใช้กับเราแล้วหลังจากนั้นแม่จะเอาเงินที่ไหนไปใช้เขา หรืออะไร ยังไง?"
ตอนนี้ผมคิดที่จะขายอะไรต่างๆที่ผมไม่ได้ใช้มาตั้งแต่ผมเริ่มเข้าทางธรรมมา 6 เดือน (คอม มือถือ กีต้าร์ ทีวี เครื่องเกมส์ บลาๆ เพื่อเอาเงินไปให้แม่) ดีไหมครับ?
**ท่านใดมีคำแนะนำติเตือน หรืออะไรก็ได้ ช่วยเสนอผมหน่อยเพิ่มผมมีความคิดอะไรมากกว่าตอนนี้**
ปล.ขออภัยนะครับ ยาวไปหน่อยแต่อยากให้เข้าใจอารมณ์ในใจผมอ่าครับ... ขอบพระคุณมากครับ