บวชเพื่ออะไร?

เมื่อถามว่า บวชเพื่ออะไร? ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การบวชสมัยนี้ไม่เหมือนกับการบวชสมัยพุทธกาล คือการบวชสมัยพุทธกาลนั้นผู้บวชมีจุดประสงค์อยู่ที่ ปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ (นิพพาน) เท่านั้น

ส่วนการบวชสมัยนี้หายากที่จะบวชเพื่อปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ ส่วนใหญ่บวชตามประเพณี หรือบวชรักษาศาสนา หรือบวชเลี้ยงชีวิต หรือบวชรองาน หรือบวชเพราะหนีปัญหา เป็นต้น ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่ได้บวช ถ้าบวชมามาเพื่อแสวงหาทรัพย์หรือชื่อเสียงก็อาจดีน้อยกว่าคนไม่ได้บวชที่เป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ถึงแม้จะบวชมาตามประเพณีหรือเพราะอะไรก็ตาม แต่ถ้าหันมาศึกษาและปฏิบัติเพื่อดับทุกข์อย่างจริงจัง ก็จัดว่าได้กลับไปหาการบวชดั้งเดิมตามที่พระพุทธเจ้าสอนแล้ว

ทีนี้การบวชตามประเพณีนั้นเมื่อบวชอยู่ในวัดใด ก็จะมีกิจวัตรไปตามที่วัดนั้นตั้งไว้ เช่น ตื่นตี 4, ทำวัตรเช้า (สวดมนต์) ตี 4 .30น หรือ 5.00 น (บางแห่งอาจมีการนั่งสมาธิต่อเมื่อทำวัตรเช้าเสร็จ), พอเช้าก็ออกบิณฑบาต, พอสายหน่อยก็ฉันเช้า, ต่อจากนั้นก็ทำกิจอื่น เช่น กวาดลานวัตร หรือมีกิจภายในวัดก็ช่วยกัน ถ้าไม่มีก็ไปพักผ่อนหรือทำกิจส่วนตัว, พอเพล (11 น.) ก็มารวมกันฉันเพล (บางแห่งฉันมิ้อเดียวก็ไม่มี), ช่วงบ่ายบางแห่งก็ให้พระมาเรียนนักธรรม (ส่วนมากจะไม่มี) หรือทำงานต่างๆภายในวัดถ้ามี ถ้าไม่มีก็ว่าง, พอตกเย็นสัก 5 หรือ 6 โมงเย็นก็มาร่วมกันทำวัตรเย็น (บางแห่งก็มีการนั่งสมาธิหรืออาจารย์ก็จะสอนธรรมะด้วย), เสร็จแล้วก็กลับมาปฏิบัติส่วนตัวหรือพักผ่อน เป็นต้น  ซึ่งกิจวัตรเช่นนี้แต่ละวัดจะไม่เหมือนกัน ตามแต่วัดใดจะตั้งขึ้น ไม่มีข้อบังคับใดๆ ถ้าอยากรู้ว่าวัดใดหรือสำนักใดปฏิบัติอย่างไรก็ต้องเข้าไปสัมผัสดูก็จะรู้

ส่วนสำนักหรือวัดที่เขามีการปฏิบัตินั้น ก็คล้ายๆกับวัดทั่วไป ต่างกันตรงที่เขาจะจัดเวลาในการนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมหรือฟังธรรมให้มากขึ้น และมีข้อวัตรปลีกย่อยอื่นๆเพื่มขึ้น เช่น ฉันเจ หรือห้ามพูดคุย เป็นต้น

แต่เมื่อจะพิจารณาดูจากการบวชเพื่อดับทุกข์จริงๆตามหลักการบวชที่พระพุทธเจ้าสอนแล้ว จะไม่มีการปฏิบัติเหมือนกับสมัยนี้ คือไม่มีการทำวัตรสวดมนต์ทั้งส่วนตัวหรือร่วมกัน (จะมีก็เพียงการท่องบทธรรมะส่วนตัวที่ได้เล่าเรียนมาเพื่อทบทวนและกันลืม) ซึ่งกิจวัตรนั้นก็สรุปอยู่ที่ ตื่นเช้าก็ออกบิณฑบาตแล้วฉันเช้า ต่อจากนั้นก็ทำกิจเล็กๆน้อยๆ เช่น กวาดสถานที่ ซ่อมแซมวิหาร-กุฏิ เป็นต้น ต่อจากนั้นก็เป็นเวลาว่างตลอดทั้งวัน (สมัยนั้นไม่มีการฉันเพล) ซึ่งเวลาว่างนี้พระท่านก็จะฝึกสมาธิหรือเจริญวิปัสสนาไปตลอดทั้งวัน ด้วยการนั่งบ้าง เดินบ้าง หรือท่องบทธรรมะ หรือไปฟังธรรมะจากครูอาจารย์ หรือสนทนาธรรม หรือสอน (เผยแพร่) ธรรมะแก่ผู้อื่นถ้ามีความรู้มากแล้ว หรือถ้ามีงานส่วนรวมที่เกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรมะก็จะมาช่วยกัน

สรุปง่ายก็คือ การบวชจริงๆนั้นเขาบวชเพื่อปฏิบัติเพื่อดับทุกข์และเผยแพร่ธรรมะเพื่อช่วยคนให้พ้นทุกข์และช่วยโลกให้มีสันติภาพ ดังนั้นกิจวัตรก็ไม่มีอะไรมาก เพียงตั้งสติอยู่เสมอแล้วอบรมจิตให้มีสมาธิและปัญญาอยู่ตลอดทั้งวัน และมีการฟังธรรมะหรือสอนธรรมะเท่านั้น เรื่องอื่นจะไม่มีและพระท่านก็ไมได้อยู่ติดที่เหมือนสมัยนี้ ส่วนการบวชสมัยนี้ผิดเพี้ยนไปกันหมด จนหาแก่นไม่เจอ มีแต่กิจวัตรตามประเพณีหรือตามแต่เจ้าอาวาสจะตั้งขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่