ช่วงเวลาที่ผ่านมา มันเรียกว่าอะไร

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เราชื่อแป๋มนะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราและพึ่งผ่านมาประมาณปีนึงได้
ประมาณเดือน พ.ค.ปี 57 เราได้เข้าทำงานพีซี ที่ร้านขายอิเล็กทรอนิกส์ แห่งหนึ่ง แถวรังสิต ทำได้อยู่ประมาณ5เดือนก็ออกไปทำร้านข้าวต้มกับน้า ชีวิตก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนวันนึง ประมาณช่วงเดือน เม.ย.ปี 58 มีแชทจากคนๆนึงในเฟสทักมา ซึ่งเรารู้จักเค้าเพราะ เคยทำงานที่ร้านขายอิเล็กทรอนิกส์ด้วยกัน แต่อยู่คนละแผนกกัน ที่สำคัญคือไม่เคยคุยกันเลย เค้าเชิงทักมาจีบ แล้วคือเค้าจำทุกรายละเอียดของเรา คือเราไปเบรกตอนไหน ชอบไปนั่งที่ไหน ไปกินข้าวร้านไหน เราก็รู้สึกดีนะ ก็ได้ทำความรู้จักกันมาเรื่อยๆ เริ่มสนิทและเริ่มคิดว่าเค้าคือส่วนหนึ่งในชีวิตเรา จนตกลงคบกัน  ช่วงที่คบกันแรกๆเค้ายังไม่ได้ทำงาน เพราะเราย้ายที่ทำงานไล่เลี่ยกัน และเค้าขับรถส่งของช่วยพ่ออยู่ จึงยังไม่สมัครงานแบบเป็นทางการ เราก็คบกันมาได้ประมาณ3เดือน เค้าเป็นคนค่อนข้างติดเกม จะเล่นเกือบทั้งคืน ตอนกลางวันก็จะนอนบ้าง แต่จะแชทกันซะส่วนใหญ่ และมีแบบที่หลายๆคู่เป็นคือโทรค้างไว้ เค้านอนเราทำงาน เป็นแบบนี้มาตลอด ช่วงที่คบกันคือส่วนมากเค้าจะเป็นฝ่ายมาหาเรา เพราะเราทำงานออฟฟิศหยุดเสาร์-อาทิตย์ เค้าไม่มีเงินใช้เราก็โอนให้บ้าง เวลาเราไม่มีเค้าก็จะโอนมาให้ มีช่วงนึงต่างคนต่างไม่มี เค้าแคะกระปุกนับเหรียญแล้วขับมอเตอร์ไซต์จากรังสิต เพื่อจะเอาเงินมาให้เราถึงพระราม 2 ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวเราอด จนประมาณเดือน มิ.ย. ปี 58 เค้าก็ได้งานเป็นบริษัท ขนส่งน้ำมันแห่งหนึ่ง  ต้องซื้อชุดใส่ไปสัมภาษณ์หลายๆสิ่งที่ต้องซื้อเค้าก็เอากับเราก่อน แต่อาทิตย์ต่อมาเค้าก็คืนนะเพราะพ่อเค้าโอนมาให้ ก่อนเริ่มงานมันต้องได้อบรมงานอยู่อาทิตย์นึง เค้าได้มาลงอบรมอยู่สมุทรสาครใกล้ๆกับที่เราพักอยู่ เค้าจึงมาพักกับเราป็นเวลา 7 วัน ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์มากขึ้นไปอีก เค้าจะชอบชวนเราไปนั่งอยู่ริมถนนคุยกัน นั่งมองรถวิ่งผ่านไปผ่านมาแล้วเล่าเรื่องนั่นนี่ในชีวิตให้เราฟัง  จนครบกำหนดอบรมเสร็จเค้าได้กลับไปเริ่มงาน ช่วงต่อจากนี้ไปเราเริ่มมีเวลาคุยกันน้อยลง แต่เราไม่งี่เง่านะ พยายามเข้าใจว่าเค้าทำงาน บางทีเค้าเข้ากะกลางคืนก็จะไม่ค่อยได้คุยกัน คุยแค่ช่วงเค้าเลิกงานกลับมา บางทีตีสามโทรมาบอกว่าเลิกงานแล้วนะ แค่นั้นแหละค่ะชีวิตแต่ละวัน เรายอมรับว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่งี่เง่าไม่ขี้หึงเลยนะ ไม่ได้คุยเราก็ไม่คุยกับคนอื่นนะ พยายามไม่เอาคนอื่นเข้ามาทำให้เราห่างกันมากกว่าเดิม เพราะเค้าเป็นผู้ชายที่ขี้หึงมากและค่อนข้างไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเอง และรั้นมาก เพื่อความสบายใจของเค้าเราจึงตัดปัญหาทุกอย่างเอง ความสัมพันธ์ก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีเวลาแต่เราก็ยังรักยังห่วงกันดี
จนเมื่อประมาณ เดือนกันยา ปี58 บริษัทเค้าจะยุบต้องย้ายไปประจำที่ชลบุรี ซึ่งแน่นอนค่ะว่าเค้าก็ต้องไป ยิ่งไม่ค่อยมีเวลา แล้วนี่ต้องระยะทางอีกหรอ ยอมรับนะคะว่ากังวลมาก กลัวทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่เราก็ยังมีความเชื่อว่าพลังแห่งความรักที่เรามีให้เค้ามันมากพอที่จะทำลายอุปสรรคต่างๆที่เข้ามา ก่อนจะไปเค้าบอกให้เราลาออกจากงาน แล้วไปหางานทำแถวๆชล จะได้อยู่ใกล้ๆกัน เราก็ยื่นเรื่องลาออกค่ะ เวลาแค่เดือนเดียวระหว่างรอออกจากงานคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เราก็วางแผนต่างๆมองหางานตามเว็บต่างๆ  แต่ช่วงนั้นเราได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนที่เราคบอยู่ คนที่เคยคุยกันได้ทุกเรื่อง คนที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ทำไมเค้าเงียบไป โทรไปก็ขึ้นรอสาย และไม่ค่อยรับ บางครั้งรับก็คุยไม่ถึงนาที บอกเหนื่อยบ้าง จะไปหาไรกินบ้าง แต่เราก็พยายามคิดบวกว่าเค้าคงเหนื่อย งานคงหนักจริง แต่เราจะทนรับกับความเปลี่ยนแปลงได้ซักแค่ไหนกัน
จนวันนึงไม่รู้อะไรดลใจให้เราโทรไปอีก วันนี้เค้าเสียงเศร้าๆ เราถามว่าเป็นไรรึเปล่า เค้าถามเรากลับมาว่า ปกติเห็นชอบอ่านนิยาย วันนี้เราไปอ่านเจอเรื่องนึงมา เป็นเรื่องของคนที่เคยรักกัน และสัญญากันว่าถ้าวันไหนกลับมาเจอกันจะแต่งงานและอยู่ด้วยกัน จนเวลาผ่านไป13ปีที่ไม่ได้เจอไม่ได้ติดต่อกันเลย แล้วได้บังเอิญมาพบกันอีก ทุกความรู้สึกมันกลับมาแล้วสุดท้ายเค้าก็ได้อยู่ด้วยกันเหมือนที่เคยสัญญากันไว้ พอเล่าจบเค้าก็ถามเราว่าเชื่อเรื่องแบบนี้มั้ย เคยมีรักแรกมั้ย
เราตอบว่าเรื่องราวของความรักมันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก เราเคยมีรักแรก เราไม่เคยลืมแต่เราก็ไม่เคยเอามันมาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของปัจจุบัน พอพูดจบต่างคนต่างเงียบ และเค้าก็ขอวางสายไปด้วยเหตุผลเดิมๆ
หลังจากวันนั้นที่เราโทรไปเค้าก็เงียบไปประมาณ3วัน เราทำใจรับการเปลี่ยนแปลงไว้บ้างแล้ว วันนี้เราตัดสินใจส่งไลน์ไปหาเค้า
เรา : ทำไรอยู่หรอ งานยุ่งหรอ
เรา : มีไรจะบอกรึเปล่า คุยกันเหอะเราอึดอัด มีไรก็บอกมาตรงๆ โตๆกันแล้ว เราไม่กัดหรอก
เรา : ถ้าว่างแล้วโทรหาหน่อยนะ มีไรอยากคุยด้วยอยากถามหลายเรื่อง
เค้า : ส่งสติ๊กเกอร์เศร้าๆมา แล้วสักพักก็โทรมา

ในสาย
เรา : ทำไมเงียบไปล่ะ มีไรปิดบังรึเปล่า พูดมาเหอะ เรารับความรู้สึกแบบนี้ไม่ไหวแล้ว
เค้า : .......(เงียบไปพักใหญ่) เธอจำเรื่องที่เราเล่าให้ฟังวันนั้นได้มั้ย เรื่องนิยายรัก 13 ปีอ่ะ จริงๆแล้วมันคือชีวิตจริงของเรา เค้าเป็นรักแรกของเราตั้งแต่สมัยเรียน เคยสัญญาว่าจะกลับมารักกัน เพราะเราต้องย้ายเข้ามาเรียนที่ปทุมฯ  ส่วนเค้าก็ยังอยู่ที่ต่างจังหวัด ตั้งแต่ที่แยกกันมาก็ไม่เคยได้ติดต่อกัน ในสมัยนั้นก็ไม่มีเฟสไม่มีไลน์ เราพยายามหาทางติดต่อเค้าแต่ก็ไม่เคยได้คุยกับเค้าเลย
เรา : .............................
เค้า : จนเราได้ย้ายมาทำงานที่ชลบุรี เราก็ได้เจอกับเค้า ตอนนี้ก็กลับมาทำตามสัญญาที่ให้กันไว้แล้ว เค้าก็ยังไม่มีใคร
เรา : ทั้งๆที่เธอคบอยู่กับเราเนี่ยนะ
เค้า : จะคุยกับ...มั้ย
เรา : นี่อยู่ด้วยกันหรอ (ถามออกไปในใจนี่ล้มทั้งยืนแล้ว) หรือแค่จะประชุมสาย
เค้า : อืม อยู่ด้วยกัน
เรา : คุยดิ
ผู้หญิงคนนั้น : ….. (เงียบพักใหญ่) พี่ขอโทษนะ พี่เข้าใจความรู้สึกผู้หญิงด้วยกันนะ
เรา : ไม่เป็นไรค่ะ หนูฝากพี่ดูแลเค้าด้วยนะ ช่วงที่พี่ไม่ได้เจอกัน นิสัยเค้าอาจจะเปลี่ยนไปมาก เค้าเอาแต่ใจตัวเองนะคะ ชอบกินเหล้าเมาแล้วงี่เง่า ขี้หึงด้วย พี่ต้องทนเค้ามากๆนะคะ
ผู้หญิงคนนั้น : ฝากพี่ตบมันมั้ย เผื่อน้องจะสบายใจขึ้น
เรา : อย่าเลยค่ะ หนูขอแค่เรื่องเดียว รักกันให้มากๆนะคะ
ผู้หญิงคนนั้น : พี่ขอโทษจริงๆนะ คุยกับมันต่อนะ
เค้า : เป็นไงบ้าง เธอโอเคใช่มั้ย
เรา : เราโอเค อยู่ได้สบายมาก (กลั้นน้ำตา พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด).....โชคดีนะ (แล้วก็กดวางสายไป)
พอหลังจากวินาทีนั้นน้ำตามาจากไหนไม่รู้เลย ร่างกายเหมือนไร้วิญญาณ มันชาไปทุกส่วน คำถามอยู่ในหัวมากมาย ที่ผ่านมามันคืออะไร แล้วเราจะอยู่ยังไง จะใช้ชีวิตลำพังได้นานแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาพังทลาย ทั้งงานที่แจ้งไปว่าจะออกสิ้นเดือน เพราะจะจย้ายไปทำใกล้ๆกัน  เพียงเพราะคำว่าเชื่อใจและไว้ใจเกินไปเนี่ยหรอ
เราบอกกับตัวเองว่าขอเวลาอ่อนแอไม่นาน แล้วจะกลับมาเป็นคนเดิมที่เข้มแข็งกว่าเดิม ช่วงนั้นไม่สบายด้วย ลุกแทบไม่ไหว เหมือนหัวใจมันอ่อนแรงแล้วร่างกายมันทรุดตาม เราตัดสินใจลางาน 3 วัน เพื่อรักษากายรักษาใจ ช่วงเวลา 3 วันนี้เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่มีข้าวตกถึงท้องเลย กินแต่น้ำ แต่แปลกนะกลับไม่รู้สึกหิว หรือความรู้สึกมันด้านชาไปหมดแล้ว 3วันเต็มๆที่นอนคิดอะไรมากมาย ทำไมเค้าถึงใจร้ายกันขนาดนี้ เราทำอะไรผิด ได้แต่คิดวกไปวนมาอยู่แบบนั้น
จนครบกำหนดที่เราขอตัวเองไว้ว่าจะอ่อนแอถึงแค่นี้ วันต่อมาเราก็ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้าไปทำงานเหมือนเดิม เราไม่ร้องแล้ว เรายิ้มได้กับเพื่อนๆถึงแม้ในใจจะยังสับสนวุ่นวาย เราไม่ได้มีความสุขแต่ที่เรายิ้มเพราะมีเหตุผลอะไรที่จะให้คนรอบข้างมากังวลกับเรา ถึงรอยยิ้มในครั้งนี้มันจะไม่ได้เกิดจากความสุข แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่าเรายังเข้มแข็งพอที่จะเปล่งมันออกมา
จนสิ้นเดือนเราก็ได้ย้ายงานใหม่ แต่ยังพักอยู่ที่เดิม
เค้าไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ตลอดระยะเวลา 3 เดือน เรายังเป็นเพื่อนในเฟสกัน แต่เรากดเลิกติดตาม เพราะไม่อยากรับรู้ความเป็นไปในชีวิตเค้า ถึงตอนนี้เราโอเคมากแล้ว เราเปิดใจคุยกับคนใหม่ๆ เราไม่เคยลืมเค้านะ แต่เราไม่ปิดกั้นตัวเอง ไม่ทำร้ายจิตใจตัวเองไปมากกว่านี้
จนวันนึงเวลาประมา 3 ทุ่ม มีสายเข้า ใจนี่สั่นวูบไปชั่วขณะ เค้าโทรมา เราตัดสินใจรับ
เค้า : เราขอโทษสำหรับทุกๆเรื่องนะ ทั้งที่เธอดีกับเรามากแต่เราก็ยังทำร้ายเธอได้ลง โกรธเรามั้ย?
เรา : ตอนแรกโกรธนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ทำใจได้แล้ว มีความสุขกับทุกวัน การงานก็มั่นคงขึ้น เรียนก็ใกล้จบแล้ว ถือว่าชีวิตดีขึ้นมากจากแต่ก่อน
เค้า : ที่โทรมาวันนี้แค่ยังรู้สึกผิด แค่อยากขอโทษ ไม่ได้คิดจะหน้าด้านมาขอคืนดีนะ
เรา : ไม่ได้ว่าอะไรหนิ อาบน้ำนอนก่อนนะ ง่วงแล้ว
เค้า : แค่กดรับก็ดีใจแล้วนะ ขอโทษกับทุกๆเรื่องนะ
เรา : อืม..... (แล้วกดวางสายไป)
ความรู้สึกต่างๆกลับมา แต่ไม่ถึงขั้นกลับไปฟูมฟายร้องไห้คร่ำครวญนะ แค่รู้สึกดีที่อย่างน้อยเค้าก็ยังกล้าโทรมาขอโทษ
แล้วหลังจากวันนั้น เค้าโทรมาทุกวัน แน่นอนค่ะ เป็นแบบที่เราคิด เค้าพยายามจะขอคืนดี แต่ทิ้งทางนั้นไม่ได้ เราก็คุยด้วยนะ คนมันเคยรักมากอ่ะ ให้ตัดความสัมพันธ์ไปแบบที่เค้าทำกับเรามันยาก แต่การคุยครั้งนี้จะไม่เหมือนตอนที่เราเป็นแฟนกัน เพราะเรารู้ว่าเค้ามีคนนั้นอยู่แล้ว เราเอาแต่ใจตัวเอง อยากพูดอะไรก็พูด ไม่พอใจอะไรก็จะบอกไปตามตรง ซึ่งเมื่อก่อนมันตรงกันข้าม เมื่อก่อนเราตามใจเค้าทุกอย่าง คอยแคร์ความรู้สึกเค้าตลอด
แต่คุณเชื่อมั้ยจากเมื่อก่อนที่เค้าไม่ค่อยแคร์เรา ไม่มีเวลาให้ ไม่เคยวีด๊โอคอลหา ทุกวันนี้มันตรงกันข้าม โทรมาหาทุกคืน วีดีโอคอล มาหาจนหลับไปพร้อมๆกัน ไลน์หาทุกครั้งที่ว่าง
เค้าบอกกับเราว่าคนปัจจุบันไม่เหมือนเราเลย เค้าคุยกับเราแล้วเหมือนสมองมันโปร่ง ไม่มีเรื่องให้เครียด เราไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเค้า มีแต่ให้ความสบายใจ เค้าเลยเลือกที่จะโทรมาหาเรา แทนที่จะโทรไปหาคนที่เค้าเลือก คนที่ทำให้เราเจ็บ
แต่ความรู้สึกเรามันไม่ได้เต็มร้อยเพราะเราก็มีคนคุยอยู่ตอนนี้ เราบอกกับเค้าว่าให้กลับไปเป็นแบบเดิมคงไม่ได้ แค่พี่กับน้องตอนนี้ที่ให้ได้
จนมาพักหลังๆเหมือนเค้าจะเริ่มมีปัญหากัน ฝ่ายหญิงก็กลับไปดูแลยายที่ต่างจังหวัด เค้าก็แยกกันอยู่ มีปัญหาถึงขั้นนจะเลิกกันเลยมั้ง ยิ่งทำให้เค้าคุยกับเรามากขึ้นทุกวัน แต่เราไม่เคยโทรไปนะ มีแต่เค้าที่โทรมา ทั้งโทรไลน์ โทรเบอร์ คุยทุกครั้ง 2ชม.ขึ้น
จนแฟนเค้าจับได้ ก็เอาไปโพสต์ในเฟส ประมาณว่า ดีเนาะกูกลับไปอยู่บ้าน แต่มันมาแอบคุยกัน พยายามตัดทุกหนทางติดต่อเพื่อนในเฟสก็ลบ อยากได้มากมั้ย มาเอาคืนมั้ย สงสัยเวรกรรมจะตามทันที่ไปแย่งเค้ามา พูดในทำนองนี้
ตอนนั้นคือโมโหมาก อยากจะแคปหน้าจอ เวลาที่คุยกัน ไลน์หากันจัง ว่าทุกครั้งคนของคุณทักเรามาก่อน โทรหาเรา ก็คิดว่าตัวเองสำคัญอยู่นะ เท่าที่สัมผัสได้
แต่เราตัดสินใจเงียบดีกว่า ไม่อยากให้เค้ามีปัญหากันเพราะเรา
จนหลังๆเค้าโทรมาบอกว่าแฟนท้อง ถ้าจับได้ว่าคุยกับเราอีกจะเอาเด็กออก ในความคิดเราคือคุณจะเอาลูกทั้งคนมาป็นตัวประกันเพื่อแลกกับความรักหรอ สมองคุณคิดได้แค่นี้หรอ เราเลยฝากบอกไปว่า อย่ากังวลเลย เราไม่เอาแล้วคนของคุณ แค่เป็นห่วงทักทายกันตามประสาคนเคยรักแค่นั้นจริงๆ เพราะคนที่เลิกรากันไปไม่จำเป็นต้องเกลียดกันหนิ
หลังจากวันนั้นเราเลยเลิกติดต่อกับเค้าเลย เวลาเค้าโทรมา เราก็จะบอกว่าคุยกับแฟนอยู่ ซึ่งเราคุยกับแฟนจริงๆ บางทีบอกปัดไปว่าอยู่กับแฟน ทั้งที่อยู่ตัวคนเดียวนั่นแหละ แต่เค้าก็ยังทักมาขอโทษ มารู้สึกผิดอยู่ตลอด เราตัดแล้ว เราไม่อยากทำลายครอบครัวใคร
ปัจจุบันเราก็มีแฟนนะ แต่ก็กังวลอยู่เหมือนกัน กลัวเรื่องราวในอดีตมาเกิดซ้ำรอย

ในเมื่อคุณได้เลือกทางนั้นแล้วก็อย่าเดินกลับมาทางนี้อีกเลย เดินไปให้ถึงฝั่งฝัน
แค่อยากรู้ว่าที่ผ่านมามันเรียกว่าความรักได้มั้ย?? คงไม่มีคำไหนที่จะบอกออกไป นอกจากคำว่า....โชคดี
ทุกวันนี้เราโอเคกับชีวิตมาก เวลามองกลับไปก็จะเก็บไว้แต่ความทรงจำดีๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่