X Japan ไลน์อัพปัจจุบัน จากซ้าย โยชิกิ, โทชิ, สุงิโซ, พาตะ, ฮีธ
กว่า 30 ปีแล้วที่ X Japan วงวิชวลร็อคชั้นนำของ ญี่ปุ่น สร้างชื่อเป็นที่รู้จักในวงการเพลงระดับเอเชีย และในวันนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะยกระดับตัวเองสู่วงการดนตรีโลก ดังนั้นเราจึงถือโอกาสพูดคุยกับชายผู้เป็นแกนหลักของวง โยชิกิ ฮายาชิ ถึงเป้าหมายการบุกสู่โลก,ภาพยนตร์สารคดีระดับรางวัล, อัลบั้มใหม่ที่ทุกคนรอคอย และความฝันของเพื่อนผู้ล่วงลับ ที่เขาต้องการทำให้สำเร็จสักที
สำหรับแฟนเพลงชาวเอเชีย ชื่อของ X Japan ไม่ต้องแนะนำหรือบรรยายสรรพคุณกันให้มากความ พวกเขาเจิดจรัสขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 80 ด้วยเสื้อผ้าหน้าผม การแต่งกาย ใบหน้า และสีผมอันแสนฉูดฉาด รวมถึงบทเพลงร็อคที่เกาะกุมหัวใจผู้คนมากมาย ทว่าในวงการเพลงต่างประเทศ ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร ดังนั้น โยชิกิ จึงได้จับมือกับ สตีเฟน คีชัค ผู้กำกับชาวอังกฤษ ร่วมกันสร้างภาพยนตร์สารคดีของวงในชื่อ "We are X" อันเปรียบเสมือนนามบัตรแนะนำตัวให้วงการดนตรีโลกได้รู้จักอย่างเต็มตัวเสียที
โยชิกิ กับ คีชัค (ขวา) ผู้กำกับ ตอนบินไปร่วมงานเทศกาลซันแดนซ์
We are X (หรือที่บางคนแซวกันว่า Yoshiki: The Movie) ได้เริ่มตระเวณฉายยังประเทศต่างๆตั้งแต่ต้นปี 2016 เริ่มที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ที่ สหรัฐอเมริกา ก่อนต่อไปที่ ฮ่องกง และประเทศอื่น ส่วนประเทศไทยจะฉายในเดือนมีนาคม ปี 2017 พร้อมกับที่ญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องลุ้นว่ามือกลองหัวหน้าวง จะบินมาร่วมโปรโมทหนังเช่นเดียวกับที่ไปประเทศอื่นไหม
เกือบ 10 ปีที่ยุบวงไปครั้งแรก และกลับมาอีกครั้งในปี 2007 โยชิกิ บอกว่าเขาและสมาชิกทุกคนยังคงทำเพลงกันอยู่ ขณะเดียวกันเขาเองก็ต้องคอยดูโปรเจกต์ We are X ร่วมกับผู้กำกับ คีชัค ไปด้วย ซึ่งเขาบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะนำเรื่องราวทั้งสุขปนเศร้า (น่าจะหนักไปทางหลัง) มาตีแผ่บนจอเงิน เพราะทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจอ ล้วนแต่ผ่านสายตาเขามาแล้วทั้งสิ้น และบอกว่ามันคือ "จิตวิญญาณทั้งหมด" ของ X Japan แถมไม่ได้ทำกันแบบเล่นๆ เพราะมันดีถึงขนาดคว้ารางวัลตัดต่อยอดเยี่ยมในเทศกาล ซันแดนซ์ มาแล้ว

โยชิกิ ชายผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ X
"มันยากเหลิอเกินที่ต้องเปิดประตูเรียกความทรงจำที่เจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง" โยชิกิ เปิดใจ ความเจ็บปวดที่เขาพูดถึงนั้นประกอบด้วยเรื่องของคุณพ่อที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ, การใช้ชีวิตดิ้นรนในเมืองเล็กๆที่ ทาเทยาม่า บ้านเกิด ก่อนนำไปสู่การเรียนดนตรีคลาสสิค เล่นเปียโน และฝึกตีกลอง "ตอนที่เล่นเปียโน ผมก็เริ่มกระทืบกลองไปด้วย"
การที่สารคดีเรื่องนี้คว้ารางวัลตัดต่อยอดเยี่ยมในซันแดนซ์ ทำให้หลายคนที่เป็นแฟน X และไม่ใช่แฟนเพลงของวงเริ่มถามหาและอยากดู ซึ่งนั่นก็ถือว่ามันได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสำเร็จตามเป้าหมาย เพราะ โยชิกิ ไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้แค่ให้แฟนเพลงดู แต่ต้องการแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักวงร็อคญี่ปุ่นวงนี้ มันคือสิ่งที่เขามองข้ามช็อตเอาไว้ตั้งแต่แรก

บินไปร่วมโปรโมตภาพยนตร์ที่เซี่ยงไฮ้
ข้ามมาที่เรื่องเพลง X Japan ปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้ายคือ Dahlia ปี 1996 และแม้จะกลับมารวมตัวกันใหม่ตั้งแต่ปี 2007 ทว่าก็ไม่มีวี่แววว่าแฟนเพลงจะได้ฟังอัลบั้มใหม่เสียที โดยมือกลองมากสเน่ห์ บอกว่าอัลบั้มใหม่ของพวกเขาผ่านขั้นตอนการทำงานแบบพิถีพิถัน ละเอียด มาหลายปี เพราะต้องการให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุดอย่างที่เขาตั้งใจ
"วงดนตรีบางวงปล่อยอัลบั้มใหม่ทุกปี แต่กับ X Japan มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้" หัวหน้าวงวัย 50 ปี แก้ต่างโดยอ้างความเป็น เพอร์เฟคชั่นนิสต์(Perfectionist) เป็นคำตอบ "ผมใช้เวลาบันทึกเสียงกับมันนานมาก คนอื่นก็เช่นกัน บางวงอัดกันแค่ 5-10 เทคก็เสร็จแล้ว แต่พวกเราต้อง 500 เทคขึ้นไป"

สมาชิกของ X กับภาพออกทัวร์ที่ สหรัฐอเมริกา ปี 2014
ว่าด้วยเรื่องสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 โยชิกิ พร้อมกับเพื่อนร่วมวง โทชิ (ร้องนำ), พาตะ (กีต้าร์), สุงิโซ (กีต้าร์) และ ฮีธ (เบส) จะถ่ายทอดมันออกมาด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อรุกเข้าสู่ตลาดโลกแบบเต็มตัว และออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ดังที่ โยชิกิ และ ฮิเดะ มือกีต้าร์จอมสีสันผู้ล่วงลับ แต่อยู่ในใจของแฟนๆตลอดกาล ใฝ่ฝันอยากทำมาตลอด
"มันเป็นเหมือนดั่งภารกิจของผมเลยนะ เพราะตอนที่ ฮิเดะ มีชีวิตอยู่ พวกเราไม่เคยได้ออกไปเล่นคอนเสิร์ตนอกประเทศญี่ปุ่นเลย แต่พอ ฮิเดะ จากไปแล้ว เราก็เริ่มออกทัวร์ต่างประเทศ มันเป็นความฝันที่เขาอยากทำมาตลอด"

ฮิเดะ (ขวา) มือกีต้าร์จอมสีสันที่อยู่ในใจของแฟนๆตลอดกาล
ทั้งนี้ การทำอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษ ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ X ต้องเผชิญ โดย โยชิกิ ตั้งความหวังว่าอัลบั้มที่ยังไม่ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ จะทำลาย "กำแพงภาษา" ระหว่างชาวญี่ปุ่นกับชาวยุโรป และนำไปสู่การประสบความสำเร็จในวงกว้าง แม้ยังไม่รู้ว่าชาวตะวันตกจะยอมรับศิลปินจากญี่ปุ่นหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าจะไม่ถอยหลังกลับเด็ดขาด และอยากเป็นตัวอย่างให้ศิลปินรุ่นน้องจากเอเชียรุ่นหลัง เดินตามรอยเท้า
สุดท้าย เมื่อถามถึงเรื่องสุขภาพ เพราะอย่างที่รู้กันว่า โยชิกิ มักทุ่มเทการเล่นดนตรีแบบตัวตายถวายชีวิตจนสลบคากลองชุด ไม่ก็ล้มพับคาเวทีอยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวที่ต้องสวมเฝือกที่ข้อมือและคอ บอกยินดีที่จะเล่นดนตรีแบบนี้ต่อไป ตราบใดที่ยังมีกำลังจะลุยต่อได้ แม้ตายก็ไม่เสียใจ
"สำหรับผม เจ็บกายมันไม่เท่ากับเจ็บใจ ผมทำงานหนักมาตลอด ทำงานหลายชั่วโมงโดยไม่หลับไม่นอน แต่ก็ดูแลตัวเองเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้มีแรงทำงานต่อ และท่องไว้ว่าผมจะต้องมีชีวิตต่อไป" โยชิกิ ทิ้งท้าย
ที่มา -
http://www.scmp.com/culture/music/article/2022634/heavy-metal-survivors-x-japan-hope-first-album-english-passport-wider?utm_source&utm_medium&utm_campaign=SCMPSocialNewsfeed
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เรียบเรียงโดย - ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย https://www.facebook.com/hearandwatch/
[X-Japan] คุยกับ โยชิกิ เรื่อง We are X, อัลบั้มใหม่ และฝันของ "ฮิเดะ"
X Japan ไลน์อัพปัจจุบัน จากซ้าย โยชิกิ, โทชิ, สุงิโซ, พาตะ, ฮีธ
กว่า 30 ปีแล้วที่ X Japan วงวิชวลร็อคชั้นนำของ ญี่ปุ่น สร้างชื่อเป็นที่รู้จักในวงการเพลงระดับเอเชีย และในวันนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะยกระดับตัวเองสู่วงการดนตรีโลก ดังนั้นเราจึงถือโอกาสพูดคุยกับชายผู้เป็นแกนหลักของวง โยชิกิ ฮายาชิ ถึงเป้าหมายการบุกสู่โลก,ภาพยนตร์สารคดีระดับรางวัล, อัลบั้มใหม่ที่ทุกคนรอคอย และความฝันของเพื่อนผู้ล่วงลับ ที่เขาต้องการทำให้สำเร็จสักที
สำหรับแฟนเพลงชาวเอเชีย ชื่อของ X Japan ไม่ต้องแนะนำหรือบรรยายสรรพคุณกันให้มากความ พวกเขาเจิดจรัสขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 80 ด้วยเสื้อผ้าหน้าผม การแต่งกาย ใบหน้า และสีผมอันแสนฉูดฉาด รวมถึงบทเพลงร็อคที่เกาะกุมหัวใจผู้คนมากมาย ทว่าในวงการเพลงต่างประเทศ ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร ดังนั้น โยชิกิ จึงได้จับมือกับ สตีเฟน คีชัค ผู้กำกับชาวอังกฤษ ร่วมกันสร้างภาพยนตร์สารคดีของวงในชื่อ "We are X" อันเปรียบเสมือนนามบัตรแนะนำตัวให้วงการดนตรีโลกได้รู้จักอย่างเต็มตัวเสียที
โยชิกิ กับ คีชัค (ขวา) ผู้กำกับ ตอนบินไปร่วมงานเทศกาลซันแดนซ์
We are X (หรือที่บางคนแซวกันว่า Yoshiki: The Movie) ได้เริ่มตระเวณฉายยังประเทศต่างๆตั้งแต่ต้นปี 2016 เริ่มที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ที่ สหรัฐอเมริกา ก่อนต่อไปที่ ฮ่องกง และประเทศอื่น ส่วนประเทศไทยจะฉายในเดือนมีนาคม ปี 2017 พร้อมกับที่ญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องลุ้นว่ามือกลองหัวหน้าวง จะบินมาร่วมโปรโมทหนังเช่นเดียวกับที่ไปประเทศอื่นไหม
เกือบ 10 ปีที่ยุบวงไปครั้งแรก และกลับมาอีกครั้งในปี 2007 โยชิกิ บอกว่าเขาและสมาชิกทุกคนยังคงทำเพลงกันอยู่ ขณะเดียวกันเขาเองก็ต้องคอยดูโปรเจกต์ We are X ร่วมกับผู้กำกับ คีชัค ไปด้วย ซึ่งเขาบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะนำเรื่องราวทั้งสุขปนเศร้า (น่าจะหนักไปทางหลัง) มาตีแผ่บนจอเงิน เพราะทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจอ ล้วนแต่ผ่านสายตาเขามาแล้วทั้งสิ้น และบอกว่ามันคือ "จิตวิญญาณทั้งหมด" ของ X Japan แถมไม่ได้ทำกันแบบเล่นๆ เพราะมันดีถึงขนาดคว้ารางวัลตัดต่อยอดเยี่ยมในเทศกาล ซันแดนซ์ มาแล้ว
โยชิกิ ชายผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ X
"มันยากเหลิอเกินที่ต้องเปิดประตูเรียกความทรงจำที่เจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง" โยชิกิ เปิดใจ ความเจ็บปวดที่เขาพูดถึงนั้นประกอบด้วยเรื่องของคุณพ่อที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ, การใช้ชีวิตดิ้นรนในเมืองเล็กๆที่ ทาเทยาม่า บ้านเกิด ก่อนนำไปสู่การเรียนดนตรีคลาสสิค เล่นเปียโน และฝึกตีกลอง "ตอนที่เล่นเปียโน ผมก็เริ่มกระทืบกลองไปด้วย"
การที่สารคดีเรื่องนี้คว้ารางวัลตัดต่อยอดเยี่ยมในซันแดนซ์ ทำให้หลายคนที่เป็นแฟน X และไม่ใช่แฟนเพลงของวงเริ่มถามหาและอยากดู ซึ่งนั่นก็ถือว่ามันได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสำเร็จตามเป้าหมาย เพราะ โยชิกิ ไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้แค่ให้แฟนเพลงดู แต่ต้องการแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักวงร็อคญี่ปุ่นวงนี้ มันคือสิ่งที่เขามองข้ามช็อตเอาไว้ตั้งแต่แรก
บินไปร่วมโปรโมตภาพยนตร์ที่เซี่ยงไฮ้
ข้ามมาที่เรื่องเพลง X Japan ปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้ายคือ Dahlia ปี 1996 และแม้จะกลับมารวมตัวกันใหม่ตั้งแต่ปี 2007 ทว่าก็ไม่มีวี่แววว่าแฟนเพลงจะได้ฟังอัลบั้มใหม่เสียที โดยมือกลองมากสเน่ห์ บอกว่าอัลบั้มใหม่ของพวกเขาผ่านขั้นตอนการทำงานแบบพิถีพิถัน ละเอียด มาหลายปี เพราะต้องการให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุดอย่างที่เขาตั้งใจ
"วงดนตรีบางวงปล่อยอัลบั้มใหม่ทุกปี แต่กับ X Japan มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้" หัวหน้าวงวัย 50 ปี แก้ต่างโดยอ้างความเป็น เพอร์เฟคชั่นนิสต์(Perfectionist) เป็นคำตอบ "ผมใช้เวลาบันทึกเสียงกับมันนานมาก คนอื่นก็เช่นกัน บางวงอัดกันแค่ 5-10 เทคก็เสร็จแล้ว แต่พวกเราต้อง 500 เทคขึ้นไป"
สมาชิกของ X กับภาพออกทัวร์ที่ สหรัฐอเมริกา ปี 2014
ว่าด้วยเรื่องสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 โยชิกิ พร้อมกับเพื่อนร่วมวง โทชิ (ร้องนำ), พาตะ (กีต้าร์), สุงิโซ (กีต้าร์) และ ฮีธ (เบส) จะถ่ายทอดมันออกมาด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อรุกเข้าสู่ตลาดโลกแบบเต็มตัว และออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ดังที่ โยชิกิ และ ฮิเดะ มือกีต้าร์จอมสีสันผู้ล่วงลับ แต่อยู่ในใจของแฟนๆตลอดกาล ใฝ่ฝันอยากทำมาตลอด
"มันเป็นเหมือนดั่งภารกิจของผมเลยนะ เพราะตอนที่ ฮิเดะ มีชีวิตอยู่ พวกเราไม่เคยได้ออกไปเล่นคอนเสิร์ตนอกประเทศญี่ปุ่นเลย แต่พอ ฮิเดะ จากไปแล้ว เราก็เริ่มออกทัวร์ต่างประเทศ มันเป็นความฝันที่เขาอยากทำมาตลอด"
ฮิเดะ (ขวา) มือกีต้าร์จอมสีสันที่อยู่ในใจของแฟนๆตลอดกาล
ทั้งนี้ การทำอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษ ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ X ต้องเผชิญ โดย โยชิกิ ตั้งความหวังว่าอัลบั้มที่ยังไม่ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ จะทำลาย "กำแพงภาษา" ระหว่างชาวญี่ปุ่นกับชาวยุโรป และนำไปสู่การประสบความสำเร็จในวงกว้าง แม้ยังไม่รู้ว่าชาวตะวันตกจะยอมรับศิลปินจากญี่ปุ่นหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าจะไม่ถอยหลังกลับเด็ดขาด และอยากเป็นตัวอย่างให้ศิลปินรุ่นน้องจากเอเชียรุ่นหลัง เดินตามรอยเท้า
สุดท้าย เมื่อถามถึงเรื่องสุขภาพ เพราะอย่างที่รู้กันว่า โยชิกิ มักทุ่มเทการเล่นดนตรีแบบตัวตายถวายชีวิตจนสลบคากลองชุด ไม่ก็ล้มพับคาเวทีอยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวที่ต้องสวมเฝือกที่ข้อมือและคอ บอกยินดีที่จะเล่นดนตรีแบบนี้ต่อไป ตราบใดที่ยังมีกำลังจะลุยต่อได้ แม้ตายก็ไม่เสียใจ
"สำหรับผม เจ็บกายมันไม่เท่ากับเจ็บใจ ผมทำงานหนักมาตลอด ทำงานหลายชั่วโมงโดยไม่หลับไม่นอน แต่ก็ดูแลตัวเองเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้มีแรงทำงานต่อ และท่องไว้ว่าผมจะต้องมีชีวิตต่อไป" โยชิกิ ทิ้งท้าย
ที่มา - http://www.scmp.com/culture/music/article/2022634/heavy-metal-survivors-x-japan-hope-first-album-english-passport-wider?utm_source&utm_medium&utm_campaign=SCMPSocialNewsfeed
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้