เมื่อช่วงวันที่ 17-24 กันยายน ที่ผ่านมาได้ออกไปผจญภัยสุดขอบฟ้ามา ณ ประเทศทางโลกใต้ นิวซีแลนด์ นั้นเอง หลังจากวางแผนทริปนี้ตั้งแต่ต้นปีโดยมีพี่คนหนึ่งที่ทำงานด้วยกันเป็นคนชวนและมาบอกทีหลังว่าไปไม่ได้หลังจากชวนได้ไม่กี่วัน ฮะ มาตั้งความหวังแล้วก็มาทลายมันทิ้ง ได้ไงคนมันเริ่มลงมือไปแล้ว ภาพต่าง ๆ ซีนต่าง ๆ ในภาพยนต์ Lord of the Ring ยังวนเวียนอยู่เต็มหัว
เมื่อตั้งใจจะไปแล้วก็เริ่มทำการค้นหาข้อมูลต่อ ซึ่งรีวิวแบบที่เช่ารถบ้านขับเที่ยวในนิวซีแลนด์นั้นค่อนข้างน้อยและที่มีอยู่ก็หลายปีผ่านมาแล้ว เลยตัดสินใจเสี่ยงเอารักที่จะผจญภัยไม่มีอะไรต้องกลัว

(ภาพจาก google map)
นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่อยู่ทางขั้วโลกใต้ โดยมีสองเกาะใหญ่ ด้วยเวลาที่จำกัดแค่ 5 วันที่ นิวซีแลนด์ จึงทำการเลือกเที่ยวเกาะใต้เพราะอยากไปเจอยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม ซึ่งทางเกาะเหนือโอกาสที่จะเจอในเดือนกันยายนน่าจะน้อยมาก โดยแผนการเดินทางจะเริ่มจาก Queenstown > Glenorchy > Arrow Town > Wanaka Lake > Mount Cook > Tekapo Lake และจบทริปที่ Chrischurch โดยข้อมูลการท่องเที่ยว 80 เปอร์เซ็นต์มาจากเวบการท่องเที่ยวของ นิวซีแลนด์
http://www.newzealand.com
ในเวบก็แทบจะบอกข้อมูลที่ต้องการทั้งหมดและลิงค์ที่เชื่อมโยงไปหาเวบไซค์ของสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไป ถือว่าเวบเดียวจบดีมาก ๆ ช่วงเดือน กันยายน เป็นฤดูใบไม้ผลิของที่โน้น อุณหภูมิตั้งแต่ 5 - 15 องศา แต่เอาเข้าจริงบางคืนถึง 0 องศา ตื่นมาตอนเช้าน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมดเลย
การเลือกรถบ้าน (Motorhome or Campervan)
เมื่อแผนการเดินทางคลอดแล้วมาถึงเรื่องรถบ้าน จะขอลงราบละเอียดเท่าที่ทราบนะครับเนื่องด้วยรถบ้านที่ให้บริการเช่ามีหลายแบบพอสมควร มันสามารถแยกย่อยได้ตามงบประมาณเราค่อนข้างดี โดยวิธีการเลือกรถบ้านให้เลือกตามนี้
- จำนวนผู้โดยสาร ถึงแม้รถบ้านจะมีพื้นที่เยอะแต่กฏหมายที่ นิวซีแลนด์ ผู้โดยสารทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยและเด็กเล็กต้องมี Carseat
- จุดรับรถและคืนรถ แม้จะมีผู้ให้บริการหลายเจ้า แต่ไม่กี่เจ้าที่จุดรับและคืนรถไกล้สนามบิน หรือมีรถรับส่งตอนไปรับหรือคืนรถ
- งบประมาณ อยากที่บอกว่ามีหลายเจ้า ราคาก็แตกต่างกันไปครับ
- จุดจอดนอน สำหรับจุดให้บริการรถบ้านจอดนั้นมีอยู่แค่ สามแบบคือ Power Campsite; None Power Campsite; Freedom Camsite รถบ้านบางรุ่นจะไม่อนุญาติให้เข้าไปจอดได้ใน Freedom Camsite ดังนั้นควรวางแผนเรื่องจุดจอดรถไว้ก่อนเดินทางครับ
เนื่องด้วยไม่รู้จักเรื่องราวเกี่ยวกะไอ้เจ้ารถบ้านมาก่อน ขั้นตอนการเลือกจึงปวดหัวพอสมควร สุดท้ายก็ไปลงตัวที่ Britz ซึ่งเป็นเจ้าที่ยอดนิยมเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่
http://www.britz.co.nz
โดยรถบ้านที่เลือกในทริปนี้เป็นรุ่น Venturer 2 Berth เป็นรถสำหรับผู้โดยสาร 2 ที่นั่ง ตัวรถใหญ่มากแต่การขับขี่ง่ายให้กำลังเครื่องที่แรงมาก ระบบเกียร์เป็น เกียร์ออโต้ มีเครื่องเล่นซีดีและระบบทำความร้อนให้ ในส่วนของห้องนอนและครัวก็ให้อุปกรณ์มาครบครัน เครื่องนอน มีผ้าปูผ้าห่ม และผ้าเช็ดตัวให้สองผืน เครื่องครัวนี้มีครบครันมากเป็นครัวย่อม ๆ ทำอาหารได้สบาย จาน ช้อน มีด แก้วน้ำ แก้วกาแฟ แก้วไวน์ มีเตาแก๊ซและตู้เย็นให้เรียบร้อย ในส่วนห้องน้ำก็สามารถอาบน้ำอุ่นได้และมีส้วมในห้องน้ำเรียบร้อย เป็นรถที่มีใบอนุญาติให้สามารถไปจอดใน Freedom Camsite ได้ อย่างที่บอกตัวรถค่อนข้างใหญ่ขนาดประมาณเกือบสองเท่าของรถตู้บ้านเรา คนที่ใช้หรือเคยขับรถปิกอัพจะปรับตัวเข้ากับรถได้เร็ว แต่ถ้าไครที่ขับรถคอมแพ็คคาร์แล้วยังเบียดขอบทาง ถอยชน เข้าช่องจอดรถไม่ได้ ให้หลีกเลี่ยงรถยนต์ขนาดนี้นะครับ
รูปลักษณ์ภายนอก
การต่อปลั๊กไฟเข้ากับรถบ้าน
มีเตาบาบีคิวด้วยใช้กับแก๊ซ
ช่องเติมน้ำดื่ม
ช่องเก็บถังแก๊ซ
ช่องเก็บสิ่งปฏิกูลจากส้วม อันนี้เราต้องจัดการเทเองนะครับ จะมีสารเคมีให้ใส่ก่อนนำไปเท และมีจุดเทตาม Campsite ครับ
ช่องสำหรับเติมน้ำมัน ซึ่งที่ นิวซีแลนด์ เราต้องเติมน้ำมันเองและเ้ขาไปจ่ายตังที่เคาร์เตอร์ แต่บางที่ก็จะมีพนักงานคอยช่วยเหลือบ้างครับ
บางสถานีน้ำมันจะเป็นแบบให้บริการด้วยตัวเองทั้งหมดโดยจ่ายผ่านบัตรเครดิตการ์ดซึ่งจะต้องใช้ PIN ตัวเลข 4 ตัว เข้าใจว่าเป็นระหัสกดเงินสด ก่อนไปไม่รู้ว่าต้องใช้ PIN กว่าจะเติมน้ำมันได้เล่นเอาแทบหมดถัง ย้ำนะครับว่าก่อนไป นิวซีแลนด์ ต้องจดระหัส PIN ของบัตรเครดิตไปด้วย
ราคาเช่ารถบ้าน 7 วัน 671.93 นิวซีแลนด์ดอลล่า หรือประมาณ 17,558 บาทไทย ณ ค่าเงินเดือนกรกฏกาคม
Campsite
จุดจอดนอนค้างคืนของรถบ้านหรือ Campsite นะครับ เอาเท่าที่เจอก็จะแบ่งดังนี้
- Power Campsite ที่จอดแบบนี้จะมี ปลั๊กไฟฟ้าจ่ายให้ และมีห้องน้ำและครัวส่วนกลาง ซึ่งตัวรถบ้านจะไม่สามารถจ่ายไฟปลั๊ก 220 Volt ได้ดังนั้นการจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้จึงจำเป็นต้องต่อสายไฟฟ้าจากปลั๊กที่ Campsite เข้ากับรถบ้าน และตัวรถบ้านเองจำเป็นต้องชาร์ตแบตรถทุก ๆ สองวันหรือเมื่อแรงดันไฟฟ้าเริ่มต่ำ ดังนั้นทุกสองวันควรเข้าจอด Power Campsite ราคาค่าจอดจะแตกต่างกันแต่ละที
- Nonepower Campsite แบบนี้ก็จะอยู่ทีเดียวกับ Power Campsite หรือจะอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะค้ายกับ Power Campsite แค่ไม่มีไฟฟ้ามาจ่ายให้แค่นั้นเอง โดยราคาก็จะถูกลงกว่าหน่อย
- Freedom Campsite แบบนี้จะอยู่ตามสถานที่ธรรมชาติ ทะเลสาป หรือ แม่น้ำ ข้อด๊คือไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะไม่มีสาธารณุประโภคใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะมีป้ายประกาศโซนชัดเจนตามถนนว่า แถวนี้เป็นโซนของและไม่เป็นโซนของ Freedom Campsite รถบ้านที่จะนำมาจอดต้องเป็นแบบที่ได้รับอนุญาติเท่านั้น (จะมีสติกเกอร์แปะไว้หน้ากระจกรถ) ถ้านำรถที่ไม่ได้รับใบอนุญาติมาจอดนอนค้างคืน ตำรวจจับได้หรือโดนแจ้งความจะโดนค่าปรับหนักมาก
- Park หรือ ข้างถนน อันนี้ใช้จอดชั่วคราวพักชมวิว ทานอาหารแกล้มวิวสวย ๆ แต่ห้ามจอดค้างคืน
สามารถศึกษาข้อมูลก่อนไปได้ที่
http://www.camping.org.nz การวางแผนเลือก Campsite สลับไปมาช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเยอะมาก
การเดินทางไปนิวซีแลนด์
มีสายการบินที่บินไปนิวซีแลนด์จากประเทศไทยอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน แต่ต้องไปต่อเครื่องหลายที่มันก็ลำบากไปเลยเล่งไว้ที่ Malasia Airlines ราคาเมื่อก่อนเดือน กรกฏาคม อยู่ที่ประมาณ 26000 บาท กับ Singapore Airlines ราคาประมาณ 32000 บาท ช่วงพอดีตออนนั้นมีโปร สายการบินไทย ราคาอยู่ 24000 บาท รีบตัดสินใจจอง การบินไทย โดนทันที จาก กรุงเทพ ไปลงที่ Auckland ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงเรียกว่านั่งเครื่องกันเหมื่อยเลยหลับแล้วหลับอีกยังไม่ถึง เมื่อถึง Auckland แล้วต่อเครื่องไป Queenstown โดยสารการบิน Air New Zealand (
http://www.airnewzealand.com.sg) ใช้เวลาบินราว 3 ชั่วโมง ราคา 118 NZD ต่อคนครับ น้ำหนักกระเป๋า 23 กิโลกรัม
ขาไปใช้บริการ สายการบินไทย เป็นเครื่องบินรุ่น Boing 777 การบริการก็คงไม่ต้องบรรยาย ปกติแล้วไม่เคยนั่งสายการบินไทยไปต่างประเทศทริปนี้ประทับใจทั้งขาไปและกลับเลยครับ
ต่อเครื่องที่ Auckland International Airport
การต่อเครื่องไปสายการบินภายในประเทศที่ Auckland จะต้องไปที่อาคารสายการบินภายในประเทศ โดยจะมี Shuttle Bus วิ่งรับส่งทุก ๆ 15 นาที หรือจะเลือกเดินไปก็ได้ ใช้เวลาเดินราว ๆ 20 นาทีถึง ถ้าบินด้วยสายการบิน Air NewZealand สามารถโหลดกระเป๋าได้ด้วยเครื่องอัตโนมัติที่อาคารระหว่างประเทศได้เลย ไม่ต้องหอบหิ้วกระเป๋าขึ้น Shutter Bus แค่เสียบพาสปอร์ตเข้าไปเครื่องจะปริ้นแถบบาร์โค้ดและตั๋วให้เลย จากนั้นเราก็เอากระเป๋าไปใส่ที่สายพาน ระบบจะจัดการให้หมดเลยสะดวกดี
ออกมาด้านหน้าก็เจอจุดขึ้นรถบัสแล้ว แต่อ่านดี ๆ นะครับเพราะมีรถบัสที่วิ่งเข้าเมืองสลับกันเข้าออก
ถึงแม้จะขนกระเป๋าไปต่อรถบัสเองก็ไม่ลำบากอะไรครับ รถคันใหญ่ มีชั้นให้วางกระเป๋าใบใหญ่ ๆ ได้สบาย และ ผู้โดนสารก็น้อยรถโล่งมากเลยครับ
เพิ่มเติมเรื่องการ Transit ที่ Auckland ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเพื่อความสบายใจ เจ้าหน้าที่ค่อนข้างเข้มงวดกับการตรวจสิ่งปนเปื้อนที่จะนำเข้า นม เนย แป้ง และ พืช ของพวกนี้ห้ามนำเข้าโดยเด็จขาด วันที่ผมเข้าไปขนาดขยายแถวเป็น 5 แถว 8 ช่องตรวจยังนานมาก
ขากลับขึ้นเครื่องจาก Christchurch Airport ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และ เครื่องที่บินกลับจาก Auckland
เริ่มเที่ยวเลยแล้วกัน
Day 1.Queenstown
ทริปนี้บินมาถึง Queenstown เวลาประมาณ 16:30 ทำให้รับรถบ้านไม่ทัน ทันทีที่ลงจากเครื่องบินคือตะลึงกับวิวทิวทัศมาก ยอดเขาสูงมีหิมะปกคลุมรอบทิศ และเสียงเฮลิคอบเตอร์ขึ้นลงยังกะหนังสงครามเวียดนาม คืนแรกเลยต้องนอนโรงแรมไปก่อน วันต่อไปค่อยกลับมารับรถที่ ศูนย์ให้บริการของ Britz ซึ่งอยู่ไกล้ ๆ สนามบิน Queenstown
เปิดด้วยยอดเขาหิมะ ถ้าอยากเห็นยอดเขาแบบนี้ต้องนั่งเครื่องมาลงที่ Queenstown และให้นั่งฝั่งซ้ายของเครื่องนะครับ
การเดินทางจากสนามบินไปยังโรงแรมใช้บริการ Shuttlebus ที่จองไว้ก่อนมาค่าบริการที่ 27.04 NZD อันนี้สองคนนะครับ คนเดียวก็ราคาลดลงนิดหน่อย โดยจะเปนการแชร์ร่วมกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วยอีกที เค้าจะไปส่งให้ถึงโรงแรมเลยครับ
ถ่ายด้วย iPhone 6S
ถ่ายด้วย Canon EOS M แทบไม่ต่างจากภาพจาก iPhone เล้ย
พักที่ Queenstown ต้องไม่พลาด Skyline และ Stratosfare Restaurant & Bar (
http://www.skyline.co.nz/queenstown/) แต่ถ้ากินได้ไม่เยอะพอ นั่งกระเช้าขึ้นไปชมเมืองก็พอ ร้านอาหารรู้สึกเฉย ๆ แพ้งแพง
[CR] นิวซีแลนด์(เกาะใต้) เช่ารถบ้านถึงงบบานก็จะไป
เมื่อช่วงวันที่ 17-24 กันยายน ที่ผ่านมาได้ออกไปผจญภัยสุดขอบฟ้ามา ณ ประเทศทางโลกใต้ นิวซีแลนด์ นั้นเอง หลังจากวางแผนทริปนี้ตั้งแต่ต้นปีโดยมีพี่คนหนึ่งที่ทำงานด้วยกันเป็นคนชวนและมาบอกทีหลังว่าไปไม่ได้หลังจากชวนได้ไม่กี่วัน ฮะ มาตั้งความหวังแล้วก็มาทลายมันทิ้ง ได้ไงคนมันเริ่มลงมือไปแล้ว ภาพต่าง ๆ ซีนต่าง ๆ ในภาพยนต์ Lord of the Ring ยังวนเวียนอยู่เต็มหัว
เมื่อตั้งใจจะไปแล้วก็เริ่มทำการค้นหาข้อมูลต่อ ซึ่งรีวิวแบบที่เช่ารถบ้านขับเที่ยวในนิวซีแลนด์นั้นค่อนข้างน้อยและที่มีอยู่ก็หลายปีผ่านมาแล้ว เลยตัดสินใจเสี่ยงเอารักที่จะผจญภัยไม่มีอะไรต้องกลัว
(ภาพจาก google map)
นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่อยู่ทางขั้วโลกใต้ โดยมีสองเกาะใหญ่ ด้วยเวลาที่จำกัดแค่ 5 วันที่ นิวซีแลนด์ จึงทำการเลือกเที่ยวเกาะใต้เพราะอยากไปเจอยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม ซึ่งทางเกาะเหนือโอกาสที่จะเจอในเดือนกันยายนน่าจะน้อยมาก โดยแผนการเดินทางจะเริ่มจาก Queenstown > Glenorchy > Arrow Town > Wanaka Lake > Mount Cook > Tekapo Lake และจบทริปที่ Chrischurch โดยข้อมูลการท่องเที่ยว 80 เปอร์เซ็นต์มาจากเวบการท่องเที่ยวของ นิวซีแลนด์
http://www.newzealand.com
ในเวบก็แทบจะบอกข้อมูลที่ต้องการทั้งหมดและลิงค์ที่เชื่อมโยงไปหาเวบไซค์ของสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไป ถือว่าเวบเดียวจบดีมาก ๆ ช่วงเดือน กันยายน เป็นฤดูใบไม้ผลิของที่โน้น อุณหภูมิตั้งแต่ 5 - 15 องศา แต่เอาเข้าจริงบางคืนถึง 0 องศา ตื่นมาตอนเช้าน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมดเลย
การเลือกรถบ้าน (Motorhome or Campervan)
เมื่อแผนการเดินทางคลอดแล้วมาถึงเรื่องรถบ้าน จะขอลงราบละเอียดเท่าที่ทราบนะครับเนื่องด้วยรถบ้านที่ให้บริการเช่ามีหลายแบบพอสมควร มันสามารถแยกย่อยได้ตามงบประมาณเราค่อนข้างดี โดยวิธีการเลือกรถบ้านให้เลือกตามนี้
- จำนวนผู้โดยสาร ถึงแม้รถบ้านจะมีพื้นที่เยอะแต่กฏหมายที่ นิวซีแลนด์ ผู้โดยสารทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยและเด็กเล็กต้องมี Carseat
- จุดรับรถและคืนรถ แม้จะมีผู้ให้บริการหลายเจ้า แต่ไม่กี่เจ้าที่จุดรับและคืนรถไกล้สนามบิน หรือมีรถรับส่งตอนไปรับหรือคืนรถ
- งบประมาณ อยากที่บอกว่ามีหลายเจ้า ราคาก็แตกต่างกันไปครับ
- จุดจอดนอน สำหรับจุดให้บริการรถบ้านจอดนั้นมีอยู่แค่ สามแบบคือ Power Campsite; None Power Campsite; Freedom Camsite รถบ้านบางรุ่นจะไม่อนุญาติให้เข้าไปจอดได้ใน Freedom Camsite ดังนั้นควรวางแผนเรื่องจุดจอดรถไว้ก่อนเดินทางครับ
เนื่องด้วยไม่รู้จักเรื่องราวเกี่ยวกะไอ้เจ้ารถบ้านมาก่อน ขั้นตอนการเลือกจึงปวดหัวพอสมควร สุดท้ายก็ไปลงตัวที่ Britz ซึ่งเป็นเจ้าที่ยอดนิยมเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่
http://www.britz.co.nz
โดยรถบ้านที่เลือกในทริปนี้เป็นรุ่น Venturer 2 Berth เป็นรถสำหรับผู้โดยสาร 2 ที่นั่ง ตัวรถใหญ่มากแต่การขับขี่ง่ายให้กำลังเครื่องที่แรงมาก ระบบเกียร์เป็น เกียร์ออโต้ มีเครื่องเล่นซีดีและระบบทำความร้อนให้ ในส่วนของห้องนอนและครัวก็ให้อุปกรณ์มาครบครัน เครื่องนอน มีผ้าปูผ้าห่ม และผ้าเช็ดตัวให้สองผืน เครื่องครัวนี้มีครบครันมากเป็นครัวย่อม ๆ ทำอาหารได้สบาย จาน ช้อน มีด แก้วน้ำ แก้วกาแฟ แก้วไวน์ มีเตาแก๊ซและตู้เย็นให้เรียบร้อย ในส่วนห้องน้ำก็สามารถอาบน้ำอุ่นได้และมีส้วมในห้องน้ำเรียบร้อย เป็นรถที่มีใบอนุญาติให้สามารถไปจอดใน Freedom Camsite ได้ อย่างที่บอกตัวรถค่อนข้างใหญ่ขนาดประมาณเกือบสองเท่าของรถตู้บ้านเรา คนที่ใช้หรือเคยขับรถปิกอัพจะปรับตัวเข้ากับรถได้เร็ว แต่ถ้าไครที่ขับรถคอมแพ็คคาร์แล้วยังเบียดขอบทาง ถอยชน เข้าช่องจอดรถไม่ได้ ให้หลีกเลี่ยงรถยนต์ขนาดนี้นะครับ
รูปลักษณ์ภายนอก
การต่อปลั๊กไฟเข้ากับรถบ้าน
มีเตาบาบีคิวด้วยใช้กับแก๊ซ
ช่องเติมน้ำดื่ม
ช่องเก็บถังแก๊ซ
ช่องเก็บสิ่งปฏิกูลจากส้วม อันนี้เราต้องจัดการเทเองนะครับ จะมีสารเคมีให้ใส่ก่อนนำไปเท และมีจุดเทตาม Campsite ครับ
ช่องสำหรับเติมน้ำมัน ซึ่งที่ นิวซีแลนด์ เราต้องเติมน้ำมันเองและเ้ขาไปจ่ายตังที่เคาร์เตอร์ แต่บางที่ก็จะมีพนักงานคอยช่วยเหลือบ้างครับ
บางสถานีน้ำมันจะเป็นแบบให้บริการด้วยตัวเองทั้งหมดโดยจ่ายผ่านบัตรเครดิตการ์ดซึ่งจะต้องใช้ PIN ตัวเลข 4 ตัว เข้าใจว่าเป็นระหัสกดเงินสด ก่อนไปไม่รู้ว่าต้องใช้ PIN กว่าจะเติมน้ำมันได้เล่นเอาแทบหมดถัง ย้ำนะครับว่าก่อนไป นิวซีแลนด์ ต้องจดระหัส PIN ของบัตรเครดิตไปด้วย
ราคาเช่ารถบ้าน 7 วัน 671.93 นิวซีแลนด์ดอลล่า หรือประมาณ 17,558 บาทไทย ณ ค่าเงินเดือนกรกฏกาคม
Campsite
จุดจอดนอนค้างคืนของรถบ้านหรือ Campsite นะครับ เอาเท่าที่เจอก็จะแบ่งดังนี้
- Power Campsite ที่จอดแบบนี้จะมี ปลั๊กไฟฟ้าจ่ายให้ และมีห้องน้ำและครัวส่วนกลาง ซึ่งตัวรถบ้านจะไม่สามารถจ่ายไฟปลั๊ก 220 Volt ได้ดังนั้นการจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้จึงจำเป็นต้องต่อสายไฟฟ้าจากปลั๊กที่ Campsite เข้ากับรถบ้าน และตัวรถบ้านเองจำเป็นต้องชาร์ตแบตรถทุก ๆ สองวันหรือเมื่อแรงดันไฟฟ้าเริ่มต่ำ ดังนั้นทุกสองวันควรเข้าจอด Power Campsite ราคาค่าจอดจะแตกต่างกันแต่ละที
- Nonepower Campsite แบบนี้ก็จะอยู่ทีเดียวกับ Power Campsite หรือจะอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะค้ายกับ Power Campsite แค่ไม่มีไฟฟ้ามาจ่ายให้แค่นั้นเอง โดยราคาก็จะถูกลงกว่าหน่อย
- Freedom Campsite แบบนี้จะอยู่ตามสถานที่ธรรมชาติ ทะเลสาป หรือ แม่น้ำ ข้อด๊คือไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะไม่มีสาธารณุประโภคใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะมีป้ายประกาศโซนชัดเจนตามถนนว่า แถวนี้เป็นโซนของและไม่เป็นโซนของ Freedom Campsite รถบ้านที่จะนำมาจอดต้องเป็นแบบที่ได้รับอนุญาติเท่านั้น (จะมีสติกเกอร์แปะไว้หน้ากระจกรถ) ถ้านำรถที่ไม่ได้รับใบอนุญาติมาจอดนอนค้างคืน ตำรวจจับได้หรือโดนแจ้งความจะโดนค่าปรับหนักมาก
- Park หรือ ข้างถนน อันนี้ใช้จอดชั่วคราวพักชมวิว ทานอาหารแกล้มวิวสวย ๆ แต่ห้ามจอดค้างคืน
สามารถศึกษาข้อมูลก่อนไปได้ที่ http://www.camping.org.nz การวางแผนเลือก Campsite สลับไปมาช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเยอะมาก
การเดินทางไปนิวซีแลนด์
มีสายการบินที่บินไปนิวซีแลนด์จากประเทศไทยอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน แต่ต้องไปต่อเครื่องหลายที่มันก็ลำบากไปเลยเล่งไว้ที่ Malasia Airlines ราคาเมื่อก่อนเดือน กรกฏาคม อยู่ที่ประมาณ 26000 บาท กับ Singapore Airlines ราคาประมาณ 32000 บาท ช่วงพอดีตออนนั้นมีโปร สายการบินไทย ราคาอยู่ 24000 บาท รีบตัดสินใจจอง การบินไทย โดนทันที จาก กรุงเทพ ไปลงที่ Auckland ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงเรียกว่านั่งเครื่องกันเหมื่อยเลยหลับแล้วหลับอีกยังไม่ถึง เมื่อถึง Auckland แล้วต่อเครื่องไป Queenstown โดยสารการบิน Air New Zealand (http://www.airnewzealand.com.sg) ใช้เวลาบินราว 3 ชั่วโมง ราคา 118 NZD ต่อคนครับ น้ำหนักกระเป๋า 23 กิโลกรัม
ขาไปใช้บริการ สายการบินไทย เป็นเครื่องบินรุ่น Boing 777 การบริการก็คงไม่ต้องบรรยาย ปกติแล้วไม่เคยนั่งสายการบินไทยไปต่างประเทศทริปนี้ประทับใจทั้งขาไปและกลับเลยครับ
ต่อเครื่องที่ Auckland International Airport
การต่อเครื่องไปสายการบินภายในประเทศที่ Auckland จะต้องไปที่อาคารสายการบินภายในประเทศ โดยจะมี Shuttle Bus วิ่งรับส่งทุก ๆ 15 นาที หรือจะเลือกเดินไปก็ได้ ใช้เวลาเดินราว ๆ 20 นาทีถึง ถ้าบินด้วยสายการบิน Air NewZealand สามารถโหลดกระเป๋าได้ด้วยเครื่องอัตโนมัติที่อาคารระหว่างประเทศได้เลย ไม่ต้องหอบหิ้วกระเป๋าขึ้น Shutter Bus แค่เสียบพาสปอร์ตเข้าไปเครื่องจะปริ้นแถบบาร์โค้ดและตั๋วให้เลย จากนั้นเราก็เอากระเป๋าไปใส่ที่สายพาน ระบบจะจัดการให้หมดเลยสะดวกดี
ออกมาด้านหน้าก็เจอจุดขึ้นรถบัสแล้ว แต่อ่านดี ๆ นะครับเพราะมีรถบัสที่วิ่งเข้าเมืองสลับกันเข้าออก
ถึงแม้จะขนกระเป๋าไปต่อรถบัสเองก็ไม่ลำบากอะไรครับ รถคันใหญ่ มีชั้นให้วางกระเป๋าใบใหญ่ ๆ ได้สบาย และ ผู้โดนสารก็น้อยรถโล่งมากเลยครับ
เพิ่มเติมเรื่องการ Transit ที่ Auckland ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเพื่อความสบายใจ เจ้าหน้าที่ค่อนข้างเข้มงวดกับการตรวจสิ่งปนเปื้อนที่จะนำเข้า นม เนย แป้ง และ พืช ของพวกนี้ห้ามนำเข้าโดยเด็จขาด วันที่ผมเข้าไปขนาดขยายแถวเป็น 5 แถว 8 ช่องตรวจยังนานมาก
ขากลับขึ้นเครื่องจาก Christchurch Airport ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และ เครื่องที่บินกลับจาก Auckland
เริ่มเที่ยวเลยแล้วกัน
Day 1.Queenstown
ทริปนี้บินมาถึง Queenstown เวลาประมาณ 16:30 ทำให้รับรถบ้านไม่ทัน ทันทีที่ลงจากเครื่องบินคือตะลึงกับวิวทิวทัศมาก ยอดเขาสูงมีหิมะปกคลุมรอบทิศ และเสียงเฮลิคอบเตอร์ขึ้นลงยังกะหนังสงครามเวียดนาม คืนแรกเลยต้องนอนโรงแรมไปก่อน วันต่อไปค่อยกลับมารับรถที่ ศูนย์ให้บริการของ Britz ซึ่งอยู่ไกล้ ๆ สนามบิน Queenstown
เปิดด้วยยอดเขาหิมะ ถ้าอยากเห็นยอดเขาแบบนี้ต้องนั่งเครื่องมาลงที่ Queenstown และให้นั่งฝั่งซ้ายของเครื่องนะครับ
การเดินทางจากสนามบินไปยังโรงแรมใช้บริการ Shuttlebus ที่จองไว้ก่อนมาค่าบริการที่ 27.04 NZD อันนี้สองคนนะครับ คนเดียวก็ราคาลดลงนิดหน่อย โดยจะเปนการแชร์ร่วมกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วยอีกที เค้าจะไปส่งให้ถึงโรงแรมเลยครับ
ถ่ายด้วย iPhone 6S
ถ่ายด้วย Canon EOS M แทบไม่ต่างจากภาพจาก iPhone เล้ย
พักที่ Queenstown ต้องไม่พลาด Skyline และ Stratosfare Restaurant & Bar (http://www.skyline.co.nz/queenstown/) แต่ถ้ากินได้ไม่เยอะพอ นั่งกระเช้าขึ้นไปชมเมืองก็พอ ร้านอาหารรู้สึกเฉย ๆ แพ้งแพง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น