สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
เราอ่านจบ ทุกๆตัวอักษรนะคะ ในความเหมือนที่แตกต่าง ขอแชร์เรื่องของเรา ให้ จขกท ลองเทียบดูนะคะ เผื่อมีไอเดีย ความคิดอะไรดีๆขึ้นมา พอที่จะนำไปใช้ได้บ้าง
เราเข้าไปอยู่บ้านสามี แบบไม่ถูกต้องเหมือน จขกทค่ะ ไม่ได้แต่ง ไม่ได้ขอ แม่สามีก็ไม่ค่อยชอบเราค่ะ เพราะเห็นว่าเราเด็ก (ตอนนั้น) คิดว่าเราจะมาหลอกลูกของตัวเอง
แม่สามี ดูแลความเป็นอยู่ของคนทั้งบ้าน ทำกับข้าว 3 มื้อ ดูแลบ้าน ปัดกวาดเช็ดถู โดยมีเราคนเดียวที่คอยช่วยเป็นลูกมือ อ้อ ลืมเล่าว่า มีน้องชายอาศัยอยู่ด้วยและไม่ได้ทำงานอะไร เช่นเดียวกันค่ะ เราก็ต้องลาออกจากงานเพราะสามีให้ออก เนื่องจากเราต้องย้ายบ้านไปอยู่ ตจว.ค่ะ(สามีรับราชการ) เราเลยต้องมาอยู่ที่นี่ระหว่างรอ ซึ่งประเด็นคือ แม่สามีไม่พอใจค่ะ มีคนมาอาศันเพิ่ม ภาระ ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร เพิ่ม ....
แต่ด้วยความที่เราอดทน คิดว่าไม่นานเราก็ย้ายแล้ว มันจึงทนได้ค่ะ จากเวลา หลายเดือน ผ่านมาจนเป็นปี ก็ไม่มีแวว ว่าคำสั่งจะออก แม่สามีก็คอย พูดจาประชดประชัน เปรียบเปรยว่าเราสบาย ไม่ต้องเหนื่อยยาก ไม่ลำบาก ไม่เหมือนเค้าตอนสาวๆ ฯลฯ แนวๆนี้
เราทุกข์ใจนะคะ เพราะตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่ เราพยายามทำทุกอย่างที่เราจะทำได้ ช่วยงานบ้าน ตื่นแต่เช้าเพื่อหุงข้าวไว้ให้แม่สามีใส่บาตร แม่สามีทำงานบ้านอะไร เราจะเข้าไปแย่ง ไปช่วยตลอด เค้าไม่พัก เราก็ไม่พัก บ้านใหญ่ งานบ้านเยอะค่ะ เรียกว่า เช้าจรดค่ำ ไม่ได้หยุด ทำเช่นนี้ ตั้งแต่วันแรก จนวันสุดท้ายที่ย้าย
เรื่องน้องชายเค้า เราก็ไม่เคยก้าวก่ายค่ะ จะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร เราก็ไม่เคยคิดให้ไม่สบายใจเลย เราโฟกัสเรื่องเดียว คือ .. อยู่ให้ไว้ใจ จากไปให้คิดถึง
เวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี จิตใจแม่สามีก็เริ่มเปลี่ยน เริ่มมีความเมตตา เอ็นดูเรามากขึ้น เราไม่ได้หวังให้เค้าใจอ่อนนะคะ แต่ที่ทำเพราะไม่อยากให้เค้า บ่น หรือพูดไม่ดี หรือประชดเปรียบเปรย ซึ่งเราก็จะไม่สบายใจ เลยคิดว่า ทำทุกอย่าให้เค้าเห็นว่าเราไม่ได้เป็นแบบที่เค้าคิดค่ะ
ซึ่งผลก็คือ เราได้รับความเมตตาจากท่าน จนน้องชายเริ่มหมั่นไส้เราค่ะ ไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไร ท่านต้องเรียกเราให้เราช่วยตัดสินใจให้ทุกอย่าง ซื้อของ ช้อปปิ้งก็ให้เราเลือกให้ ให้เราถิอเงินเพื่อชำระเงินให้ ไปทำบุญด้วยกัน เดินห้าง กินขนม กินข้าวนอกบ้านกับเรา 2 คน เรากลายเป็นลูกรักของเค้า น้องชายก็เริ่มอิจฉา เริ่มเรียกร้องความสนใจบ้าง ด้วยการมาช่วยงานบ้าน กวาดใบไม้ในสวน ทำกับข้าวให้แม่กิน คือพยายามเอาใจท่าน คล้ายๆว่าจะแข่งแย่งความรักจากแม่กลับน่ะค่ะ คนที่แฮปปี้ที่สุด คือแม่สามีค่ะ (ส่วนสามีนั้น ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกค่ะ ตลอดระยะเวลา 2 ปีเราไม่เคยเล่าอะไรให้เค้าฟังเลย มันเลยไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกันค่ะ)
ถึงเวลาที่เราต้องย้ายไป ตจว. เรากับสามีต้องออกเดินทางแต่เช้า ประมาณ ตี5 เราถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ ไปกราบลาท่าน เชื่อมั้ยคะ จังหวะที่เราคุกเข่า ก้มลงจะกราบท่าน ท่านเอามือมาประคองตัวเรา แล้วน้ำตาไหล ให้พรเรา สอนเราว่าอยู่กัน 2 คนแล้ว ต้องอดทนนะ ฯลฯ คือวินาทีนั้น...เราอึ้งค่ะ ไม่คิดว่าท่านจะรู้สึกเช่นนี้ เราก็ได้แต่พูดว่า ดูแลสุขภาพดีๆนะคะแม่..ซึ่งเราเองก็ซาบซึ้ง ถึงจั้นพูดอะไรมากไม่ได้ เดี๋ยวจะร้องไห้ไปด้วยกัน ...
ทุกวันนี้ เราจะโทรคุยกันทุกวันค่ะ แม่สามีโทรมาบ้าง เราโทรหาบ้าง เรียกว่าคุยกันทุกวัน เหมือนไม่ได้ห่างกันเลย คุยกันมากกว่าลูกเค้าอีกค่ะ มีส่งของมาให้ ทุกครั้งที่เป็น วันเกิดเรา เทศกาลต่างๆ และแอบเม้าท์น้องชายให้เราฟัง อย่างนั้น อย่างนี้ เราก็แนะนำ ปลอบใจไปค่ะ
สุดท้าย พอพิมพ์ยาวๆนึกเกรงใจนะคะ จะบอกว่า เราไม่ได้พยายามทำอะไรเลยค่ะ อย่างที่บอก ทุกการกระทำของเรา เราเพียงไม่ต้องการให้มีปัญหา โดยไม่ได้คิดว่าจะต้องมีผลอะไร ดังนั้นหากเรื่องของเรา จะช่วยอะไร จขกท ได้บ้าง เราขออนุโมทนานะคะ แต่ถ้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก็ขออภัยค่ะ ถือว่าเรามาแบ่งปัน ประสบการณ์ให้ฟังละกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกความคิดและการตัดสินใจนะคะ ชีวิตมีบทบาทการดำเนินอยู่แล้ว ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อครอบครัวและลูกน้อยของคุณ จขกทค่ะ
เราเข้าไปอยู่บ้านสามี แบบไม่ถูกต้องเหมือน จขกทค่ะ ไม่ได้แต่ง ไม่ได้ขอ แม่สามีก็ไม่ค่อยชอบเราค่ะ เพราะเห็นว่าเราเด็ก (ตอนนั้น) คิดว่าเราจะมาหลอกลูกของตัวเอง
แม่สามี ดูแลความเป็นอยู่ของคนทั้งบ้าน ทำกับข้าว 3 มื้อ ดูแลบ้าน ปัดกวาดเช็ดถู โดยมีเราคนเดียวที่คอยช่วยเป็นลูกมือ อ้อ ลืมเล่าว่า มีน้องชายอาศัยอยู่ด้วยและไม่ได้ทำงานอะไร เช่นเดียวกันค่ะ เราก็ต้องลาออกจากงานเพราะสามีให้ออก เนื่องจากเราต้องย้ายบ้านไปอยู่ ตจว.ค่ะ(สามีรับราชการ) เราเลยต้องมาอยู่ที่นี่ระหว่างรอ ซึ่งประเด็นคือ แม่สามีไม่พอใจค่ะ มีคนมาอาศันเพิ่ม ภาระ ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร เพิ่ม ....
แต่ด้วยความที่เราอดทน คิดว่าไม่นานเราก็ย้ายแล้ว มันจึงทนได้ค่ะ จากเวลา หลายเดือน ผ่านมาจนเป็นปี ก็ไม่มีแวว ว่าคำสั่งจะออก แม่สามีก็คอย พูดจาประชดประชัน เปรียบเปรยว่าเราสบาย ไม่ต้องเหนื่อยยาก ไม่ลำบาก ไม่เหมือนเค้าตอนสาวๆ ฯลฯ แนวๆนี้
เราทุกข์ใจนะคะ เพราะตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่ เราพยายามทำทุกอย่างที่เราจะทำได้ ช่วยงานบ้าน ตื่นแต่เช้าเพื่อหุงข้าวไว้ให้แม่สามีใส่บาตร แม่สามีทำงานบ้านอะไร เราจะเข้าไปแย่ง ไปช่วยตลอด เค้าไม่พัก เราก็ไม่พัก บ้านใหญ่ งานบ้านเยอะค่ะ เรียกว่า เช้าจรดค่ำ ไม่ได้หยุด ทำเช่นนี้ ตั้งแต่วันแรก จนวันสุดท้ายที่ย้าย
เรื่องน้องชายเค้า เราก็ไม่เคยก้าวก่ายค่ะ จะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร เราก็ไม่เคยคิดให้ไม่สบายใจเลย เราโฟกัสเรื่องเดียว คือ .. อยู่ให้ไว้ใจ จากไปให้คิดถึง
เวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี จิตใจแม่สามีก็เริ่มเปลี่ยน เริ่มมีความเมตตา เอ็นดูเรามากขึ้น เราไม่ได้หวังให้เค้าใจอ่อนนะคะ แต่ที่ทำเพราะไม่อยากให้เค้า บ่น หรือพูดไม่ดี หรือประชดเปรียบเปรย ซึ่งเราก็จะไม่สบายใจ เลยคิดว่า ทำทุกอย่าให้เค้าเห็นว่าเราไม่ได้เป็นแบบที่เค้าคิดค่ะ
ซึ่งผลก็คือ เราได้รับความเมตตาจากท่าน จนน้องชายเริ่มหมั่นไส้เราค่ะ ไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไร ท่านต้องเรียกเราให้เราช่วยตัดสินใจให้ทุกอย่าง ซื้อของ ช้อปปิ้งก็ให้เราเลือกให้ ให้เราถิอเงินเพื่อชำระเงินให้ ไปทำบุญด้วยกัน เดินห้าง กินขนม กินข้าวนอกบ้านกับเรา 2 คน เรากลายเป็นลูกรักของเค้า น้องชายก็เริ่มอิจฉา เริ่มเรียกร้องความสนใจบ้าง ด้วยการมาช่วยงานบ้าน กวาดใบไม้ในสวน ทำกับข้าวให้แม่กิน คือพยายามเอาใจท่าน คล้ายๆว่าจะแข่งแย่งความรักจากแม่กลับน่ะค่ะ คนที่แฮปปี้ที่สุด คือแม่สามีค่ะ (ส่วนสามีนั้น ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกค่ะ ตลอดระยะเวลา 2 ปีเราไม่เคยเล่าอะไรให้เค้าฟังเลย มันเลยไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกันค่ะ)
ถึงเวลาที่เราต้องย้ายไป ตจว. เรากับสามีต้องออกเดินทางแต่เช้า ประมาณ ตี5 เราถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ ไปกราบลาท่าน เชื่อมั้ยคะ จังหวะที่เราคุกเข่า ก้มลงจะกราบท่าน ท่านเอามือมาประคองตัวเรา แล้วน้ำตาไหล ให้พรเรา สอนเราว่าอยู่กัน 2 คนแล้ว ต้องอดทนนะ ฯลฯ คือวินาทีนั้น...เราอึ้งค่ะ ไม่คิดว่าท่านจะรู้สึกเช่นนี้ เราก็ได้แต่พูดว่า ดูแลสุขภาพดีๆนะคะแม่..ซึ่งเราเองก็ซาบซึ้ง ถึงจั้นพูดอะไรมากไม่ได้ เดี๋ยวจะร้องไห้ไปด้วยกัน ...
ทุกวันนี้ เราจะโทรคุยกันทุกวันค่ะ แม่สามีโทรมาบ้าง เราโทรหาบ้าง เรียกว่าคุยกันทุกวัน เหมือนไม่ได้ห่างกันเลย คุยกันมากกว่าลูกเค้าอีกค่ะ มีส่งของมาให้ ทุกครั้งที่เป็น วันเกิดเรา เทศกาลต่างๆ และแอบเม้าท์น้องชายให้เราฟัง อย่างนั้น อย่างนี้ เราก็แนะนำ ปลอบใจไปค่ะ
สุดท้าย พอพิมพ์ยาวๆนึกเกรงใจนะคะ จะบอกว่า เราไม่ได้พยายามทำอะไรเลยค่ะ อย่างที่บอก ทุกการกระทำของเรา เราเพียงไม่ต้องการให้มีปัญหา โดยไม่ได้คิดว่าจะต้องมีผลอะไร ดังนั้นหากเรื่องของเรา จะช่วยอะไร จขกท ได้บ้าง เราขออนุโมทนานะคะ แต่ถ้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก็ขออภัยค่ะ ถือว่าเรามาแบ่งปัน ประสบการณ์ให้ฟังละกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกความคิดและการตัดสินใจนะคะ ชีวิตมีบทบาทการดำเนินอยู่แล้ว ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อครอบครัวและลูกน้อยของคุณ จขกทค่ะ
แสดงความคิดเห็น
แม่สามีไม่ชอบเรา และ เราก็ไม่ชอบแม่สามีเช่นกัน