ก่อนอื่นนี่เป็นกระทู้แรก เพราะเราเพิ่งจะสมัครสมาชิก มาเพื่อแชร์สิ่งที่เราเจอมา อยากทราบว่าเราคิดถูกมั้ยที่ทำแบบนี้ และถือโอกาสระบายเรื่องที่เราเก็บมาตลอดเวลา 3 ปี มันเป็นเรื่องราวที่ยาวนานมาก และเป็นช่วงที่ทรมาน สุด สำหรับผู้หญิงคนนึง อาจจะวกไปวนมา ยือเยื้อ หรือลำดับเหตุการณ์ผิดไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ทุกอย่างคือเรื่องจริงทั้งหมด และการให้อภัย ประคับประคองครอบครัวให้เป็นครอบครัว มันไม่สามารถทำคนเดียวได้ เพราะสุดท้ายแล้ว คนจะไป รั้งให้ตาย มันก็ไปอยู่ดี มันเป็นเรื่องจริง
เรากับสามี คบกันมา เกือบ 6 ปี แต่งงานมีลูกสาว 1 คน ก่อนจะแต่งงาน ก็มีทะเลาะกัน รักๆ เลิกๆ งอนกัน มีเรื่องผู้หญิงบ้าง
ทะเลาะกัน ตามประสาวัยรุ่น สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน เราอายุมากกว่าสามี 2 ปี แต่ก็เข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาใดๆ ภายนอกครอบครัว เราดูเป็นที่น่าอิจฉามาก ทั้งสามี และ เราหน้าตาค่อนข้างดี มีลูกน่ารัก เรียนจบ ทำงานทั้งคู่ มีเงิน มีรถยนต์ 2คัน แต่มันก็แค่ภายนอกล่ะค่ะ ขอเล่าต่อเลยละกันค่ะ
ผู้หญิง พอแต่งงานมีลูก อุ้มท้อง ลูกของคนที่รัก ตอนนั้นก็คิดว่า ฉันมีความสุขแล้ว ชีวิตฉันพอแล้ว ทำเพื่อลูกเพื่อครอบครัว
ตอนท้องสามีดูแลเราดี ตามประสาคนเห่อลูก จนเราคิดว่าเค้าคงจะหยุดที่เรา แต่ไม่ใช่เลย เราเป็นผู้หญิงทำงาน ทำงานตั้งแต่เรียนจบ ปวส. และส่งตัวเองจนจบ ปริญญาตรี ด้วยความคิดว่าจะทุ่มเทเพื่อครอบครัวให้ดีขึ้นเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ดี เราไปทำงานหลังคลอดลูกเพียงเดือนครึ่ง กลางวัน ยายเป็นคนเลี้ยง เราก็ทำหน้าที่แม่เต็มที่ ไม่มีบกพร่อง ส่วนสามี ทำงานที่นนทบุรี สามีบอกเราตอนนั้นว่าเค้าไม่สามารถไปกลับบ้านทุกวันได้ จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหว อยู่คอนโดของพี่ชาย แต่อยู่คนเดียว ซึ่งเค้าก็อยู่มาตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้ว แรกๆ หลังคลอดลูกมา สามีจะกลับบ้าน วันเว้นวัน ซักพักเป็น สามวันครั้ง พอประมาณ ลูกสาวอายุได้ 6 เดือน เป็นอาทิตย์ละครั้ง โดยกลับวันศุกร์ และกลับไปคอนโดคือวันจันทร์เช้าทำงาน ด้วยความที่เราเลี้ยงลูกอ่อน ก็ไม่ได้คอยตามสามีเหมือนตอนยังไม่แต่งงาน สามีจะขนเสื้อผ้ามาให้ซักทุกสัปดาห์ เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย ว่ามันจะมีปัญหาข้างหน้ารออยู่ หลังๆ สามีบอกว่ากลัวเราเหนื่อย เลยจ้างซักรีดผ้าแถวคอนโดเอง และรีบกลับตั้งแต่วันอาทิตย์ บอกว่าต้องรีบเอาผ้าที่จ้างซักรีด เพื่อใส่วันจันทร์ เราขอมาทำความสะอาดที่คอนโด สามีบอกกลัวเราเหนื่อย เลี้ยงลูกให้ทุกวันก็รักจะแย่แล้วบางสัปดาห์ ก็มาแค่วันเดียวโดยไม่นอนค้าง ตอนนั้นเริ่มทะเลาะกันแล้ว แต่ทางสามีเป็นฝ่ายชวนทะมากกว่า ด้วยความที่เราเห็นว่าสามีกลับได้เฉพาะวันหยุด เราอยากอยู่ด้วยนานๆ เราจึงย้ายงาน ทำงานที่บริษัท หยุดเสาร์อาทิตย์ พออะไรๆ เข้าที่ จำได้ว่าตอนนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์จะเป็นวันเกิดลูก เราตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์สามีที่คอนโด เช้าวันเสาร์ กะว่าจะไปทำความสะอาดห้อง แล้วตอนบ่ายก็ไปบ้านหาลูกพร้อมกัน เราไปที่คอนโดสามี ก่อนเข้าจะออกไปทำงาน เค้าทำเสาร์ครึ่งวัน โดยที่ไม่รู้และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวเรา ก่อนเคาะห้องเราได้ยินเสียงกดชักโครกในห้อง เราจึงเคาะประตู เรียกสามี แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา โทรศัพท์ได้ยินเสียงดังอยู่ในห้อง ครั้งเดียว แต่ไม่มีคนรับ แล้วก็เงียบเสียงไป โทรเท่าไรก็ไม่รับ เราก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าห้อง ตอนนั้นทุกอย่างมันมืด สับสนไปหมด ว่าตกลงมันคืออะไร เรานั่งรออยู่หน้าห้อง กดโทรศัพท์ไปที่ทำงานเค้า ที่ทำงานบอกว่า สามีเราโทรมาลางานเมื่อกี้ บอกว่าจะเข้าทำงานตอนบ่าย เราก็งง อะไรทำไมไม่รับโทรศัพท์เรา เรานั่งร้องไห้อยู่หน้าเค้า คนผ่านไปผ่านมาก็มอง แต่ตอนนั้นเราไม่สนใจ เรารู้ว่าในนั้นต้องมีอะไรอยู่ แต่เราก็คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่มีอะไร เรานั่งลงตรงประตูมีช่องอยู่เนื่องจากประตูลอยจากพื้นนิดนึง มีแอร์ลอดออกมาจากในห้อง เราก้มลงดูใต้ประตู เห็นคนสองคนเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ตอนนั้นเรากระจ่างทุกอย่างแล้ว แต่เราเป็นคนที่ไม่อยากมีเรื่องราวกับใคร เราจึงไม่ได้โวยวายหรือทำอะไรเสียงดังเพื่อให้เค้าเปืดประตูมา เรานั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า หน้าตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงประมาน สิบโมงกว่า ๆ เราโทรหาแม่และพี่ชาย ให้มารับเราที่คอนโด เพราะเราไม่ไหวแล้ว เราเป็นคนที่หน้ามืดเป็นลมง่ายมาก ด้วยอาการตอนนั้น เราเลยรีบโทรบอก เราร้องไห้ จนไม่มีน้ำตา อยู่ที่เดิม โดยไม่มีใครเปิดประตูออกมาดูแม้แต่น้อย เมื่อแม่เรามา พาลูกสาวมาด้วยเพราะไม่มีคนเลี้ยง เรากับลูกเรียกเค้าอีกครั้ง โดยเราหวังว่าเค้าจะเปิดประตูให้เรากับลูก ลูกเราเสียงอ้อเอ้ เริ่มพูด ยืนเกาะประตู แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่เปิด จนเราตัดใจกลับบ้านไป จำได้ว่าเป็นวันที่เจ็บที่สุดในชีวิต ตั้งตัวไม่ทัน ไม่เคยคิดวางแผนล่วงหน้าหรือเตรียมการใดๆเลย นี่มันแค่เริ่มต้นค่ะ เรื่องใหญ่รออยู่ข้างหน้าค่ะ
เมื่อสามี มีเมียน้อย เป็นเด็กอายุ 18 ซึ่งไม่เรียนหนังสือ จบแค่ ม.3 และที่สำคัญเค้ายอมทิ้งเรากับลูกไป
เรากับสามี คบกันมา เกือบ 6 ปี แต่งงานมีลูกสาว 1 คน ก่อนจะแต่งงาน ก็มีทะเลาะกัน รักๆ เลิกๆ งอนกัน มีเรื่องผู้หญิงบ้าง
ทะเลาะกัน ตามประสาวัยรุ่น สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน เราอายุมากกว่าสามี 2 ปี แต่ก็เข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาใดๆ ภายนอกครอบครัว เราดูเป็นที่น่าอิจฉามาก ทั้งสามี และ เราหน้าตาค่อนข้างดี มีลูกน่ารัก เรียนจบ ทำงานทั้งคู่ มีเงิน มีรถยนต์ 2คัน แต่มันก็แค่ภายนอกล่ะค่ะ ขอเล่าต่อเลยละกันค่ะ
ผู้หญิง พอแต่งงานมีลูก อุ้มท้อง ลูกของคนที่รัก ตอนนั้นก็คิดว่า ฉันมีความสุขแล้ว ชีวิตฉันพอแล้ว ทำเพื่อลูกเพื่อครอบครัว
ตอนท้องสามีดูแลเราดี ตามประสาคนเห่อลูก จนเราคิดว่าเค้าคงจะหยุดที่เรา แต่ไม่ใช่เลย เราเป็นผู้หญิงทำงาน ทำงานตั้งแต่เรียนจบ ปวส. และส่งตัวเองจนจบ ปริญญาตรี ด้วยความคิดว่าจะทุ่มเทเพื่อครอบครัวให้ดีขึ้นเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ดี เราไปทำงานหลังคลอดลูกเพียงเดือนครึ่ง กลางวัน ยายเป็นคนเลี้ยง เราก็ทำหน้าที่แม่เต็มที่ ไม่มีบกพร่อง ส่วนสามี ทำงานที่นนทบุรี สามีบอกเราตอนนั้นว่าเค้าไม่สามารถไปกลับบ้านทุกวันได้ จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหว อยู่คอนโดของพี่ชาย แต่อยู่คนเดียว ซึ่งเค้าก็อยู่มาตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้ว แรกๆ หลังคลอดลูกมา สามีจะกลับบ้าน วันเว้นวัน ซักพักเป็น สามวันครั้ง พอประมาณ ลูกสาวอายุได้ 6 เดือน เป็นอาทิตย์ละครั้ง โดยกลับวันศุกร์ และกลับไปคอนโดคือวันจันทร์เช้าทำงาน ด้วยความที่เราเลี้ยงลูกอ่อน ก็ไม่ได้คอยตามสามีเหมือนตอนยังไม่แต่งงาน สามีจะขนเสื้อผ้ามาให้ซักทุกสัปดาห์ เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย ว่ามันจะมีปัญหาข้างหน้ารออยู่ หลังๆ สามีบอกว่ากลัวเราเหนื่อย เลยจ้างซักรีดผ้าแถวคอนโดเอง และรีบกลับตั้งแต่วันอาทิตย์ บอกว่าต้องรีบเอาผ้าที่จ้างซักรีด เพื่อใส่วันจันทร์ เราขอมาทำความสะอาดที่คอนโด สามีบอกกลัวเราเหนื่อย เลี้ยงลูกให้ทุกวันก็รักจะแย่แล้วบางสัปดาห์ ก็มาแค่วันเดียวโดยไม่นอนค้าง ตอนนั้นเริ่มทะเลาะกันแล้ว แต่ทางสามีเป็นฝ่ายชวนทะมากกว่า ด้วยความที่เราเห็นว่าสามีกลับได้เฉพาะวันหยุด เราอยากอยู่ด้วยนานๆ เราจึงย้ายงาน ทำงานที่บริษัท หยุดเสาร์อาทิตย์ พออะไรๆ เข้าที่ จำได้ว่าตอนนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์จะเป็นวันเกิดลูก เราตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์สามีที่คอนโด เช้าวันเสาร์ กะว่าจะไปทำความสะอาดห้อง แล้วตอนบ่ายก็ไปบ้านหาลูกพร้อมกัน เราไปที่คอนโดสามี ก่อนเข้าจะออกไปทำงาน เค้าทำเสาร์ครึ่งวัน โดยที่ไม่รู้และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวเรา ก่อนเคาะห้องเราได้ยินเสียงกดชักโครกในห้อง เราจึงเคาะประตู เรียกสามี แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา โทรศัพท์ได้ยินเสียงดังอยู่ในห้อง ครั้งเดียว แต่ไม่มีคนรับ แล้วก็เงียบเสียงไป โทรเท่าไรก็ไม่รับ เราก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าห้อง ตอนนั้นทุกอย่างมันมืด สับสนไปหมด ว่าตกลงมันคืออะไร เรานั่งรออยู่หน้าห้อง กดโทรศัพท์ไปที่ทำงานเค้า ที่ทำงานบอกว่า สามีเราโทรมาลางานเมื่อกี้ บอกว่าจะเข้าทำงานตอนบ่าย เราก็งง อะไรทำไมไม่รับโทรศัพท์เรา เรานั่งร้องไห้อยู่หน้าเค้า คนผ่านไปผ่านมาก็มอง แต่ตอนนั้นเราไม่สนใจ เรารู้ว่าในนั้นต้องมีอะไรอยู่ แต่เราก็คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่มีอะไร เรานั่งลงตรงประตูมีช่องอยู่เนื่องจากประตูลอยจากพื้นนิดนึง มีแอร์ลอดออกมาจากในห้อง เราก้มลงดูใต้ประตู เห็นคนสองคนเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ตอนนั้นเรากระจ่างทุกอย่างแล้ว แต่เราเป็นคนที่ไม่อยากมีเรื่องราวกับใคร เราจึงไม่ได้โวยวายหรือทำอะไรเสียงดังเพื่อให้เค้าเปืดประตูมา เรานั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า หน้าตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงประมาน สิบโมงกว่า ๆ เราโทรหาแม่และพี่ชาย ให้มารับเราที่คอนโด เพราะเราไม่ไหวแล้ว เราเป็นคนที่หน้ามืดเป็นลมง่ายมาก ด้วยอาการตอนนั้น เราเลยรีบโทรบอก เราร้องไห้ จนไม่มีน้ำตา อยู่ที่เดิม โดยไม่มีใครเปิดประตูออกมาดูแม้แต่น้อย เมื่อแม่เรามา พาลูกสาวมาด้วยเพราะไม่มีคนเลี้ยง เรากับลูกเรียกเค้าอีกครั้ง โดยเราหวังว่าเค้าจะเปิดประตูให้เรากับลูก ลูกเราเสียงอ้อเอ้ เริ่มพูด ยืนเกาะประตู แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่เปิด จนเราตัดใจกลับบ้านไป จำได้ว่าเป็นวันที่เจ็บที่สุดในชีวิต ตั้งตัวไม่ทัน ไม่เคยคิดวางแผนล่วงหน้าหรือเตรียมการใดๆเลย นี่มันแค่เริ่มต้นค่ะ เรื่องใหญ่รออยู่ข้างหน้าค่ะ