เราพึ่งเป็นแม่คนค่ะ ตอนนี้น้องอายุได้ 3 เดือนและให้นมแม่ 100% มาโดยตลอด แต่เนื่องจากเต้านมมีปัญหามาก ทั้งหัวนมมีแผล เต้านมอุดตันบ่อยมากนับครั้งไม่ถ้วน แต่ละครั้งทรมาน เกิดยามค่ำคืนดึกดื่นต้องอยู่คนเดียวพยายามนวดเต้านมตัวเองจนเจ็บระบมมือไปหมด ส่วนเต้านมไม่ต้องพูดถึงความระบม และล่าสุด หัวนมตันซ้ำๆจนติดเชื้อ ปวดแสบร้อนทรมานมากมายแต่ก็ยังต้องกัดฟันให้นมน้องข้างที่เจ็บ เนื่องจากได้รับการปลูกฝังว่านมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดจริงๆเลยไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ ในที่สุดจิตตก เครียดร้องไห้แทบจะทุกวัน ซึมเศร้าไม่มีพลังงานใดใดไปเล่นกับลูก ตอนกลางวันก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปโรงพยาบาลไปคลินิกเต้านมเพื่อที่จะรักษาเต้านมของตัวเอง ตอนกลางคืนก็หวาดระแวงลุกขึ้นมาปั้มตลอดเวลา หรือไม่ก็เริ่มตันเป็นก้อนขึ้นมาก็ต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงนวดประคบจนกว่าจะออก แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนน้องใช้เวลาทั้งเดือนกับพี่เลี้ยงมากกว่าแม่เสียอีก ในที่สุดสามีซึ่งเป็นคนอังกฤษ เขาให้เกียรติเราจึง เคารพการตัดสินใจในทางเลือกของเราและนั่งดูอยู่ห่างๆก็ทนไม่ไหวแล้ว เลยเข้ามาพูดคุยกันว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นคุ้มค่าจริงหรือไม่ เราได้เปลี่ยนตัวเองจาก'แม่' กลายเป็น'แม่นม'ไปเสียแล้ว ลูกได้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับคนอื่น โดยที่เรามัวตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขปัญหาเรื่องนมเพื่อให้ลูกได้กินนมของเรา เราจึงเริ่มตาสว่างว่ามันไม่ถูกต้องแล้ว และเริ่มอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับนมแม่ที่มีใน internet และ facebook อย่างระมัดระวังมากขึ้น
ลัทธินมแม่ในเมืองไทย เป็นอะไรที่ โด่งดังมากและแม่หลายคน ยอมพลีชีพเพื่อ ให้ได้นมแม่ มาป้อนลูก เพจของคุณหมอท่านนึงซึ่งเราคิดว่าแม่ทุกคนทราบว่าเราหมายถึงใคร ได้โหมกระหน่ำ ป้อนข้อมูลถึงความสำคัญและความดีงามของนมแม่อยู่ตลอดเวลาและโจมตีบริษัทนมผงอย่างมากมาย แต่เมื่อมาอ่านดูดีๆในทุกๆข้อความแล้วก็จะพบว่า นมแม่เองก็โดนการตลาดแอบแฝงอย่างแนบเนียนไม่แพ้กันกับนมผงเลย แม่ๆลองคิดดูนะคะ มีกี่ผลิตภัณฑ์ที่ขายออกเป็นเทน้ำเทท่า เพราะมีแม่หลายท่าน ยกให้นมแม่เป็นเหมือนยาวิเศษ และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา.. เอาแค่ที่นึกออกตอนนี้ก็เช่น เครื่องปั๊มนม เสื้อให้นม อาหารเสริมต่างๆที่ทำให้น้ำนมมาเยอะ รวมไปถึงหนังสือของคุณหมอเอง ถ้าไปดูโพสต์ของคุณหมอดีๆ ก็จะเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แฝงมาเป็นระยะๆ มันก็คือการตลาดดีๆนี่เองค่ะ สำหรับเราแล้ว เราตระหนักว่า ถ้าแม่ท่านไหนสามารถให้นมแม่ได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหา ให้แล้วสบายใจมีความสุขทั้งพ่อแม่ลูก นั้นเป็นสิ่งดีที่สุดเลยค่ะ ให้เขาไปเลยให้ไปเต็มที่แต่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย แต่ในกรณีที่แม่บางคน ไม่สามารถให้นมได้ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเพราะนมมาน้อย ไม่มีเวลาปั๊ม ไม่ได้อยู่ใกล้ลูก หรือมีอาการเจ็บปวด ทรมาน ให้แล้วไม่มีความสุขเสียแล้ว ก็อย่าไปรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ นมผง ไม่ได้เลวร้ายเลย เรากลับมองว่านมผงเป็นเหมือนฮีโร่ที่เข้ามาช่วยชีวิตแม่ ให้แม่ได้สบายมากขึ้นมีทางเลือกมากขึ้น เป็นตัวช่วยที่ทำให้แม่อย่างพวกเราสามารถมีพลังกายพลังใจ ไปเลี้ยงลูกของเราให้เติบโตได้ .. ณ จุดจุดนึงเมื่อเขาอายุ 5 ขวบ 10 ขวบ จะนมแม่หรือนมผงมันก็แทบไม่ต่างกันแล้วค่ะ สิ่งที่สำคัญกว่าชนิดของนมก็คือลักษณะการเลี้ยงดู ถ้าให้นมแม่มาเป็น 4-5 ปีแต่ไม่เคยพาเขาออกไปเล่นกีฬาเล่นกลางแจ้งเรียนรู้ที่จะคลุกดินคลุกฝุ่นเลย แล้วจะมามั่นใจว่าลูกของเราแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันดี มันก็ไม่ใช่แล้วค่ะ ในขณะที่เด็กบางคนไม่เคยได้นมแม่เลย แต่พ่อกับแม่ เลี้ยงดูเขาอย่างดี พาออกไปทำกิจกรรมด้านนอกเล่นสนุกสนานท่ามกลางแสงแดดและดินโคลนอย่างไม่กลัวที่จะเลอะเปรอะเปื้อนหรือได้รับเชื้อโรคบ้าง เด็กเหล่านี้ต่างหากที่จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีในระยะยาว นมแม่เสริมภูมิคุ้มกันให้น้อง เราว่าก็เป็นเพียงช่วงที่น้องอายุน้อยๆอย่างเช่นขวบปีแรก แต่ในขณะเดียวกันคุณแม่ก็ต้องคิดถึงตัวเองด้วยเพราะสุขภาพจิตของคุณแม่มันส่งผลกระทบต่อลูกอย่างมาก คุณแม่ที่ให้นมผงอย่างมีความสุข เราเชื่อว่าย่อมดีกว่าคุณแม่ที่ให้นมแม่อย่างทุกข์ทรมานแน่นอน และการรับข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ให้มองสองด้านเสมอ เพราะมักจะมีการตลาดแอบแฝงอยู่ทั้งนั้นค่ะ
ทั้งนี้เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพื่ออยากจะมาเสนอความคิดที่ต่างออกไปเพราะตั้งแต่เราตัดสินใจจะหยุดให้นมแม่กับน้อง และเริ่มพูดคุยกับเพื่อนๆที่เป็นแม่เช่นกัน ทำให้ตระหนักว่าแม่ๆปัจจุบันได้รับการกดดันมากมายขนาดไหนว่าต้องให้นมแม่ให้ได้ มีเพื่อนหลายคนที่เป็นคุณแม่และไม่สามารถให้นมแม่ได้หรือให้ได้น้อย ต้องมารู้สึกผิดและกดดันซึ่งมันไม่ถูกต้องเลย ที่ประเทศอังกฤษ วัฒนธรรมเขาจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกและสุขภาพกายใจของแม่พอๆ (หรือมากกว่าด้วยซ้ำ)กับลูก ที่เราประหลาดใจมากคือเมื่อเราค้นหาข้อความ ในรูปแบบภาษาไทย กลับเจอแต่ comment ให้สู้ต่อไป ให้อดทน ให้กัดฟันให้นมแม่ให้ได้ มีคนเป็นหนักกว่าเราเค้ายังทนให้เลย แต่เมื่อไปหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ กลับได้รับ comment ว่าให้หยุดเถอะ เพราะสุขภาพกายและใจของแม่สำคัญเทียบเท่าหรือมากกว่าด้วยซ้ำ กับการให้นมแม่ ก็แปลกใจดี
สู้ๆนะคะคุณแม่ทุกท่าน
----------------------------------------------------
เข้ามาเขียนเพิ่มเติมหลังจากได้อ่านคอมเมนท์ของทุกท่านนะคะ
เราไม่เคยโจมตีนมแม่นะคะ และเราก็เขียนลงไปอย่างชัดเจนว่านมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกจริงๆ สำหรับแม่ที่ให้ได้อย่างสบายกายสบายใจ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ให้ต่อไปเลยค่ะ ให้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทู้นี้ไม่ได้เป็นกระทู้โจมตีนมแม่แต่อย่างใด แต่เป็นกระทู้ ที่มาให้กำลังใจแม่ที่ต้องเลือกใช้นมผงในการเลี้ยงลูกต่างหาก ถ้าจะมีการโจมตีก็คงเป็นการโจมตีที่ตัวบุคคลที่มาตัดสินแม่ที่เลือกใช้นมผง ว่ามีคุณค่าความเป็นแม่ลดลง ว่าเป็นแม่ที่ไม่อดทนเพื่อลูก ว่าเป็นแม่ที่ไม่ฉลาดเลือกต่างหากค่ะ
ทำไมเราถึงเรียกว่าลัทธินมแม่ ก็เพราะมันมีอยู่จริงค่ะ และเรานี่แหละเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกลัทธินี้ ตอนนั้นเราบูชานมแม่ไว้เหนือสิ่งอื่นใดจริงๆค่ะ เราทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นมแม่มา ทุกวิถีทางที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตเราทำมาหมดแล้ว เราคลอดเองตามธรรมชาติโดยไม่ใช้ยาใดๆ ให้น้องเข้าเต้าทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาออกมาเห็นโลก คุณพยาบาลจะฉีดยานอนหลับให้เราเพราะการคลอดของเรายาวนาน และค่อนข้างซับซ้อน มีปัญหาพอสมควร แต่เราก็ปฏิเสธ เพราะเราอยากให้น้องเข้าเต้าทันที ไม่อยากต้องนอนหลับไป หลังจากนั้นน้องเข้าเต้าผิดจึงทำให้หัวนมแตกแต่เราก็ยังทนมาได้เรื่อยๆ ระวังการกินตั้งแต่ต้นเพราะหาข้อมูลมาเยอะมากเพื่อไม่ให้ นมแม่มีปัญหา สิ่งที่เรากินนั้นปลอดภัยและสะอาดมากๆ แต่ถึงกระนั้น นมเราก็ยังตัน และตันบ่อยๆนับสิบครั้งจนในที่สุดอักเสบ มีหลาย comment บอกว่าเราเป็นองุ่นเปรี้ยว ต้องอธิบายว่าไม่ถูกเลยค่ะ เพราะณจุดนี้เราก็ยังสามารถให้นมแม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเต้านมเราจะมีช่วงที่ไม่มีปัญหาอยู่ แต่เราเลือกแล้วว่าเราจะงดให้นมแม่ เพราะมันไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป เราเสียอะไรไปบ้าง. . ทุกครั้งที่เรานั่งปั๊มนม เราจะใช้เวลาเยอะมากเพื่อให้มั่นใจว่านมออกจากเต้าหมดจริงๆเพราะกลัวที่จะตันอีก เพราะเมื่อนมตันบ่อยๆน้ำนมจะลดลงค่ะ ปั๊มครั้งนึง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขนาดปั๊มเราก็นั่งมองพี่เลี้ยงเล่นกับลูกของเราไป ลูกยิ้มครั้งแรกให้พี่เลี้ยงเราค่ะ เราเห็นกับตาเพราะกำลังนั่งปั๊มนมอยู่ข้างๆ แล้วเมื่อเต้านมมีปัญหาเริ่มอุดตันเป็นก้อน เราจะรีบไปคลีนิคนมแม่ทันที เพราะไม่อยากให้ปัญหายืดเยื้อและทำให้น้ำนมลด ทุกครั้งที่ไปคลีนิคนมแม่ ต้องไปแต่เช้า ไปรอคิวและมักจะเสร็จจริงๆ ประมาณ 4 โมงเย็น นั่นคือเราเสียเวลาทั้งวัน บางทีปัญหาก็ยังไม่จบต้องกลับไปอีกในวันรุ่งขึ้น เราเคยเอาน้องไปกับเราค่ะเพราะเราอยากใช้เวลากับน้อง แต่มันทรมานลูกมาก ต้องฝ่าดงคนไข้นับร้อยนับพัน ขึ้นลิฟท์ที่แออัดมากเต็มไปด้วยเชื้อโรค น้องง่วงนอนก็ไม่ได้นอนดีๆ แถมเวลาส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้อยู่กับเราเพราะพยาบาลต้องนวดนมให้เรา เราก็อุ้มน้องไม่ได้อยู่ดีต้องให้พี่เลี้ยงอุ้มและนั่งรออยู่ข้างนอก ตอนกลางคืนเมื่อเต้านมตัน เราจะใช้เวลา 3 -4 ชั่วโมง ในการนวดประคบเอง ตื่นเช้าขึ้นมาก็สลึมสลือเพราะนอนไม่พอ ไม่มีพลังไปเล่นกับน้อง ได้แต่ให้นมน้อง แล้วก็ต้องขอไปงีบหลับ เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ ถามว่าถ้าเรายังอยู่ในลัทธินมแม่เราก็ยังสามารถเลือกที่จะให้นมแม่ต่อไปได้ค่ะ แต่เราชั่งใจแล้วและวิเคราะห์แล้วว่ามันไม่คุ้มค่ากัน เราจึงเลือกที่จะหยุดให้นมแม่ แต่จะหยุดแบบค่อยเป็นค่อยไป ตัดออกทีละมื้อ โดยมือที่ตัดออกจะให้เป็นนมสต๊อกที่เรามีเก็บไว้ในตู้เย็นแทน นั่นหมายความว่าลูกเราจะได้นมแม่ยาวนานประมาณ 5-6 เดือน แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยเสริมนมผง จริงๆรายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นที่เรามาโพส เราไม่ได้มาโพสต์เพื่อให้ตัวเรารู้สึกไม่ผิด เพราะเราไม่ได้รู้สึกผิดค่ะ เราเลือกเองที่จะไม่ให้ เรามาโพสต์กระทู้นี้ ด้วยประเด็นที่ว่ายังมีแม่อีกหลายท่านมาก ที่เลือกไม่ได้และจำเป็นต้องให้นมผงลูก ทั้งทั้งที่ทำมาทุกวิธีทางแล้ว แต่เมื่อเลือกที่จะให้นมผง กลับต้องมารู้สึกผิด กลับโดนสังคมดูถูกประนามดูแคลนว่าไม่อดทนเพียงพอ ว่าทำไม่ถูกต้อง ว่ามีความรู้ไม่เยอะพอ ซึ่งเรารู้สึกเสียใจ เราได้รับข้อความหลังไมค์มากมายจากแม่ที่ได้รับผลกระทบเช่นนี้ ผลกระทบจากสิ่งที่เราขอเรียกว่าลัทธินมแม่ รวมไปถึงเพื่อนสนิทของเราด้วย เราจึง มานั่งเขียนโพสต์นี้ เพื่ออยากจะให้กำลังใจแม่แม่ทุกท่านที่เลือกใช้นมผง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ว่าคุณไม่ผิดค่ะ คุณไม่ควรรู้สึกผิด หากคุณทำเต็มที่ ในลิมิตที่เหมาะสมแล้ว โดยต้องคำนึงถึงสุขภาพกายสุขภาพใจของแม่และปัจจัยอื่นๆด้วย คุณควรจะสามารถให้นมผงลูกอย่างมีความสุขและภูมิใจกับการเป็นแม่ที่ดีที่เลือกสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับลูกแล้ว เราต้องการเพียงเท่านี้จริงๆค่ะที่เราออกมาเขียนกระทู้นี้
-------------------------------------------------------------------------------------------
เข้ามาอัพเดทเพิ่มเติมค่ะ พอดีไปเจอข้อความของคุณหมอท่านหนึ่งที่เราติดตามอยู่ในเฟสบุ๊คแล้วชอบมากๆ อยากฝากให้คุณแม่ทุกท่านที่ให้นมแม่ไม่ได้ได้ลองเข้าไปอ่านนะคะ
https://www.facebook.com/hormoneforkids/?hc_ref=NEWSFEED&fref=nf
**เพิ่มเติมเรื่องการหย่าเต้านะคะ**
ให้ค่อยๆลดรอบปั๊มให้ห่างขึ้นเรื่อยๆค่ะ แล้วก็ให้ทานยาคุมค่ะ ยาคุมทั่วไปนี่แหล่ะคะ ฮอโมนเอสโตรเจนกับโปรเจสฯในยาจะช่วยลดน้ำนมให้แห้งไวขึ้นค่ะ
แล้วก็ค่อยๆปั๊มห่างขึ้นๆ จนในที่สุด 12 ชม. ค่อยปั๊ม .. ยาวไปเป็น 24 ชม.ค่อยปั๊ม แล้วก็เลิกปั๊ม (เวลาปั๊ม ให้เอาออกแค่พอหายคัดนะคะไม่ต้องออกหมด) แล้วให้บีบออกโดยใช้มือพอให้หายคัดค่ะ
ตอนนี้เราปิดเรียบร้อยคะ ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 เดือนพอดีคะ
--------------------------------
3ปีผ่านไปแล้วนะคะ..
กลับมายืนยันค่ะ ตอนนี้ลูกสาวได้ 4 ขวบ แข็งแรง สดใส เข้านอนรพ.ครั้งเดียวจริงๆที่ผ่านมา มันยังมีปัจจัยอะไรอื่นๆอีกเยอะมากกกกกกก(ก ไก่ล้านๆๆตัว) ในการเลี้ยงคนๆนึง จนแบบเรายังคิดว่า ทำไมเราถึงต้องไปให้ความสำคัญกับนมแม่จนทรมานตัวเองขนาดนั้นด้วย(ฟร่ะ) โคตรจะเป็นเสี้ยวเล็กๆในชีวิตการเป็นแม่เลยให้ตายสิ ยืนยันคำเดิม ไม่ได้ต่อต้านนมแม่ สนับสนุนมาก แน่นอนนมแม่ดีที่สุดและฟรี แต่... แต่... อย่ามายัดเยียด อย่ามา judging ทำได้แค่ไหน เอาแค่นั้น พอ .. ชิวๆ แม่ต้องมีความสุข ลูกจะมีความสุขตามค่ะ ถ้านมแม่มันทำให้ทุกข์และเครียดไปเสียแล้ว มันไม่ใช่ล่ะค่ะ สู้ๆนะคะมนุษย์แม่ทุกคน ตอนนี้ลูกสาว 4 ขวบ พูดคุยได้เช่นมนุษย์คนนึง มันชื่นใจจริงๆที่เลี้ยงเค้ามา อดทนนะคะแม่ๆ อดทนนนน
ขอเห็นต่าง ลัทธินมแม่ เมื่อนมแม่ถูกการตลาดครอบงำอย่างแนบเนียน แม่ๆจ๋าอย่างมงายกับนมแม่มากจนเกินไปเลย
ลัทธินมแม่ในเมืองไทย เป็นอะไรที่ โด่งดังมากและแม่หลายคน ยอมพลีชีพเพื่อ ให้ได้นมแม่ มาป้อนลูก เพจของคุณหมอท่านนึงซึ่งเราคิดว่าแม่ทุกคนทราบว่าเราหมายถึงใคร ได้โหมกระหน่ำ ป้อนข้อมูลถึงความสำคัญและความดีงามของนมแม่อยู่ตลอดเวลาและโจมตีบริษัทนมผงอย่างมากมาย แต่เมื่อมาอ่านดูดีๆในทุกๆข้อความแล้วก็จะพบว่า นมแม่เองก็โดนการตลาดแอบแฝงอย่างแนบเนียนไม่แพ้กันกับนมผงเลย แม่ๆลองคิดดูนะคะ มีกี่ผลิตภัณฑ์ที่ขายออกเป็นเทน้ำเทท่า เพราะมีแม่หลายท่าน ยกให้นมแม่เป็นเหมือนยาวิเศษ และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา.. เอาแค่ที่นึกออกตอนนี้ก็เช่น เครื่องปั๊มนม เสื้อให้นม อาหารเสริมต่างๆที่ทำให้น้ำนมมาเยอะ รวมไปถึงหนังสือของคุณหมอเอง ถ้าไปดูโพสต์ของคุณหมอดีๆ ก็จะเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แฝงมาเป็นระยะๆ มันก็คือการตลาดดีๆนี่เองค่ะ สำหรับเราแล้ว เราตระหนักว่า ถ้าแม่ท่านไหนสามารถให้นมแม่ได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหา ให้แล้วสบายใจมีความสุขทั้งพ่อแม่ลูก นั้นเป็นสิ่งดีที่สุดเลยค่ะ ให้เขาไปเลยให้ไปเต็มที่แต่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย แต่ในกรณีที่แม่บางคน ไม่สามารถให้นมได้ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเพราะนมมาน้อย ไม่มีเวลาปั๊ม ไม่ได้อยู่ใกล้ลูก หรือมีอาการเจ็บปวด ทรมาน ให้แล้วไม่มีความสุขเสียแล้ว ก็อย่าไปรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ นมผง ไม่ได้เลวร้ายเลย เรากลับมองว่านมผงเป็นเหมือนฮีโร่ที่เข้ามาช่วยชีวิตแม่ ให้แม่ได้สบายมากขึ้นมีทางเลือกมากขึ้น เป็นตัวช่วยที่ทำให้แม่อย่างพวกเราสามารถมีพลังกายพลังใจ ไปเลี้ยงลูกของเราให้เติบโตได้ .. ณ จุดจุดนึงเมื่อเขาอายุ 5 ขวบ 10 ขวบ จะนมแม่หรือนมผงมันก็แทบไม่ต่างกันแล้วค่ะ สิ่งที่สำคัญกว่าชนิดของนมก็คือลักษณะการเลี้ยงดู ถ้าให้นมแม่มาเป็น 4-5 ปีแต่ไม่เคยพาเขาออกไปเล่นกีฬาเล่นกลางแจ้งเรียนรู้ที่จะคลุกดินคลุกฝุ่นเลย แล้วจะมามั่นใจว่าลูกของเราแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันดี มันก็ไม่ใช่แล้วค่ะ ในขณะที่เด็กบางคนไม่เคยได้นมแม่เลย แต่พ่อกับแม่ เลี้ยงดูเขาอย่างดี พาออกไปทำกิจกรรมด้านนอกเล่นสนุกสนานท่ามกลางแสงแดดและดินโคลนอย่างไม่กลัวที่จะเลอะเปรอะเปื้อนหรือได้รับเชื้อโรคบ้าง เด็กเหล่านี้ต่างหากที่จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีในระยะยาว นมแม่เสริมภูมิคุ้มกันให้น้อง เราว่าก็เป็นเพียงช่วงที่น้องอายุน้อยๆอย่างเช่นขวบปีแรก แต่ในขณะเดียวกันคุณแม่ก็ต้องคิดถึงตัวเองด้วยเพราะสุขภาพจิตของคุณแม่มันส่งผลกระทบต่อลูกอย่างมาก คุณแม่ที่ให้นมผงอย่างมีความสุข เราเชื่อว่าย่อมดีกว่าคุณแม่ที่ให้นมแม่อย่างทุกข์ทรมานแน่นอน และการรับข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ให้มองสองด้านเสมอ เพราะมักจะมีการตลาดแอบแฝงอยู่ทั้งนั้นค่ะ
ทั้งนี้เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพื่ออยากจะมาเสนอความคิดที่ต่างออกไปเพราะตั้งแต่เราตัดสินใจจะหยุดให้นมแม่กับน้อง และเริ่มพูดคุยกับเพื่อนๆที่เป็นแม่เช่นกัน ทำให้ตระหนักว่าแม่ๆปัจจุบันได้รับการกดดันมากมายขนาดไหนว่าต้องให้นมแม่ให้ได้ มีเพื่อนหลายคนที่เป็นคุณแม่และไม่สามารถให้นมแม่ได้หรือให้ได้น้อย ต้องมารู้สึกผิดและกดดันซึ่งมันไม่ถูกต้องเลย ที่ประเทศอังกฤษ วัฒนธรรมเขาจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกและสุขภาพกายใจของแม่พอๆ (หรือมากกว่าด้วยซ้ำ)กับลูก ที่เราประหลาดใจมากคือเมื่อเราค้นหาข้อความ ในรูปแบบภาษาไทย กลับเจอแต่ comment ให้สู้ต่อไป ให้อดทน ให้กัดฟันให้นมแม่ให้ได้ มีคนเป็นหนักกว่าเราเค้ายังทนให้เลย แต่เมื่อไปหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ กลับได้รับ comment ว่าให้หยุดเถอะ เพราะสุขภาพกายและใจของแม่สำคัญเทียบเท่าหรือมากกว่าด้วยซ้ำ กับการให้นมแม่ ก็แปลกใจดี
สู้ๆนะคะคุณแม่ทุกท่าน
----------------------------------------------------
เข้ามาเขียนเพิ่มเติมหลังจากได้อ่านคอมเมนท์ของทุกท่านนะคะ
เราไม่เคยโจมตีนมแม่นะคะ และเราก็เขียนลงไปอย่างชัดเจนว่านมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกจริงๆ สำหรับแม่ที่ให้ได้อย่างสบายกายสบายใจ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ให้ต่อไปเลยค่ะ ให้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทู้นี้ไม่ได้เป็นกระทู้โจมตีนมแม่แต่อย่างใด แต่เป็นกระทู้ ที่มาให้กำลังใจแม่ที่ต้องเลือกใช้นมผงในการเลี้ยงลูกต่างหาก ถ้าจะมีการโจมตีก็คงเป็นการโจมตีที่ตัวบุคคลที่มาตัดสินแม่ที่เลือกใช้นมผง ว่ามีคุณค่าความเป็นแม่ลดลง ว่าเป็นแม่ที่ไม่อดทนเพื่อลูก ว่าเป็นแม่ที่ไม่ฉลาดเลือกต่างหากค่ะ
ทำไมเราถึงเรียกว่าลัทธินมแม่ ก็เพราะมันมีอยู่จริงค่ะ และเรานี่แหละเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกลัทธินี้ ตอนนั้นเราบูชานมแม่ไว้เหนือสิ่งอื่นใดจริงๆค่ะ เราทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นมแม่มา ทุกวิถีทางที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตเราทำมาหมดแล้ว เราคลอดเองตามธรรมชาติโดยไม่ใช้ยาใดๆ ให้น้องเข้าเต้าทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาออกมาเห็นโลก คุณพยาบาลจะฉีดยานอนหลับให้เราเพราะการคลอดของเรายาวนาน และค่อนข้างซับซ้อน มีปัญหาพอสมควร แต่เราก็ปฏิเสธ เพราะเราอยากให้น้องเข้าเต้าทันที ไม่อยากต้องนอนหลับไป หลังจากนั้นน้องเข้าเต้าผิดจึงทำให้หัวนมแตกแต่เราก็ยังทนมาได้เรื่อยๆ ระวังการกินตั้งแต่ต้นเพราะหาข้อมูลมาเยอะมากเพื่อไม่ให้ นมแม่มีปัญหา สิ่งที่เรากินนั้นปลอดภัยและสะอาดมากๆ แต่ถึงกระนั้น นมเราก็ยังตัน และตันบ่อยๆนับสิบครั้งจนในที่สุดอักเสบ มีหลาย comment บอกว่าเราเป็นองุ่นเปรี้ยว ต้องอธิบายว่าไม่ถูกเลยค่ะ เพราะณจุดนี้เราก็ยังสามารถให้นมแม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเต้านมเราจะมีช่วงที่ไม่มีปัญหาอยู่ แต่เราเลือกแล้วว่าเราจะงดให้นมแม่ เพราะมันไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป เราเสียอะไรไปบ้าง. . ทุกครั้งที่เรานั่งปั๊มนม เราจะใช้เวลาเยอะมากเพื่อให้มั่นใจว่านมออกจากเต้าหมดจริงๆเพราะกลัวที่จะตันอีก เพราะเมื่อนมตันบ่อยๆน้ำนมจะลดลงค่ะ ปั๊มครั้งนึง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขนาดปั๊มเราก็นั่งมองพี่เลี้ยงเล่นกับลูกของเราไป ลูกยิ้มครั้งแรกให้พี่เลี้ยงเราค่ะ เราเห็นกับตาเพราะกำลังนั่งปั๊มนมอยู่ข้างๆ แล้วเมื่อเต้านมมีปัญหาเริ่มอุดตันเป็นก้อน เราจะรีบไปคลีนิคนมแม่ทันที เพราะไม่อยากให้ปัญหายืดเยื้อและทำให้น้ำนมลด ทุกครั้งที่ไปคลีนิคนมแม่ ต้องไปแต่เช้า ไปรอคิวและมักจะเสร็จจริงๆ ประมาณ 4 โมงเย็น นั่นคือเราเสียเวลาทั้งวัน บางทีปัญหาก็ยังไม่จบต้องกลับไปอีกในวันรุ่งขึ้น เราเคยเอาน้องไปกับเราค่ะเพราะเราอยากใช้เวลากับน้อง แต่มันทรมานลูกมาก ต้องฝ่าดงคนไข้นับร้อยนับพัน ขึ้นลิฟท์ที่แออัดมากเต็มไปด้วยเชื้อโรค น้องง่วงนอนก็ไม่ได้นอนดีๆ แถมเวลาส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้อยู่กับเราเพราะพยาบาลต้องนวดนมให้เรา เราก็อุ้มน้องไม่ได้อยู่ดีต้องให้พี่เลี้ยงอุ้มและนั่งรออยู่ข้างนอก ตอนกลางคืนเมื่อเต้านมตัน เราจะใช้เวลา 3 -4 ชั่วโมง ในการนวดประคบเอง ตื่นเช้าขึ้นมาก็สลึมสลือเพราะนอนไม่พอ ไม่มีพลังไปเล่นกับน้อง ได้แต่ให้นมน้อง แล้วก็ต้องขอไปงีบหลับ เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ ถามว่าถ้าเรายังอยู่ในลัทธินมแม่เราก็ยังสามารถเลือกที่จะให้นมแม่ต่อไปได้ค่ะ แต่เราชั่งใจแล้วและวิเคราะห์แล้วว่ามันไม่คุ้มค่ากัน เราจึงเลือกที่จะหยุดให้นมแม่ แต่จะหยุดแบบค่อยเป็นค่อยไป ตัดออกทีละมื้อ โดยมือที่ตัดออกจะให้เป็นนมสต๊อกที่เรามีเก็บไว้ในตู้เย็นแทน นั่นหมายความว่าลูกเราจะได้นมแม่ยาวนานประมาณ 5-6 เดือน แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยเสริมนมผง จริงๆรายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นที่เรามาโพส เราไม่ได้มาโพสต์เพื่อให้ตัวเรารู้สึกไม่ผิด เพราะเราไม่ได้รู้สึกผิดค่ะ เราเลือกเองที่จะไม่ให้ เรามาโพสต์กระทู้นี้ ด้วยประเด็นที่ว่ายังมีแม่อีกหลายท่านมาก ที่เลือกไม่ได้และจำเป็นต้องให้นมผงลูก ทั้งทั้งที่ทำมาทุกวิธีทางแล้ว แต่เมื่อเลือกที่จะให้นมผง กลับต้องมารู้สึกผิด กลับโดนสังคมดูถูกประนามดูแคลนว่าไม่อดทนเพียงพอ ว่าทำไม่ถูกต้อง ว่ามีความรู้ไม่เยอะพอ ซึ่งเรารู้สึกเสียใจ เราได้รับข้อความหลังไมค์มากมายจากแม่ที่ได้รับผลกระทบเช่นนี้ ผลกระทบจากสิ่งที่เราขอเรียกว่าลัทธินมแม่ รวมไปถึงเพื่อนสนิทของเราด้วย เราจึง มานั่งเขียนโพสต์นี้ เพื่ออยากจะให้กำลังใจแม่แม่ทุกท่านที่เลือกใช้นมผง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ว่าคุณไม่ผิดค่ะ คุณไม่ควรรู้สึกผิด หากคุณทำเต็มที่ ในลิมิตที่เหมาะสมแล้ว โดยต้องคำนึงถึงสุขภาพกายสุขภาพใจของแม่และปัจจัยอื่นๆด้วย คุณควรจะสามารถให้นมผงลูกอย่างมีความสุขและภูมิใจกับการเป็นแม่ที่ดีที่เลือกสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับลูกแล้ว เราต้องการเพียงเท่านี้จริงๆค่ะที่เราออกมาเขียนกระทู้นี้
-------------------------------------------------------------------------------------------
เข้ามาอัพเดทเพิ่มเติมค่ะ พอดีไปเจอข้อความของคุณหมอท่านหนึ่งที่เราติดตามอยู่ในเฟสบุ๊คแล้วชอบมากๆ อยากฝากให้คุณแม่ทุกท่านที่ให้นมแม่ไม่ได้ได้ลองเข้าไปอ่านนะคะ
https://www.facebook.com/hormoneforkids/?hc_ref=NEWSFEED&fref=nf
**เพิ่มเติมเรื่องการหย่าเต้านะคะ**
ให้ค่อยๆลดรอบปั๊มให้ห่างขึ้นเรื่อยๆค่ะ แล้วก็ให้ทานยาคุมค่ะ ยาคุมทั่วไปนี่แหล่ะคะ ฮอโมนเอสโตรเจนกับโปรเจสฯในยาจะช่วยลดน้ำนมให้แห้งไวขึ้นค่ะ
แล้วก็ค่อยๆปั๊มห่างขึ้นๆ จนในที่สุด 12 ชม. ค่อยปั๊ม .. ยาวไปเป็น 24 ชม.ค่อยปั๊ม แล้วก็เลิกปั๊ม (เวลาปั๊ม ให้เอาออกแค่พอหายคัดนะคะไม่ต้องออกหมด) แล้วให้บีบออกโดยใช้มือพอให้หายคัดค่ะ
ตอนนี้เราปิดเรียบร้อยคะ ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 เดือนพอดีคะ
--------------------------------
3ปีผ่านไปแล้วนะคะ..
กลับมายืนยันค่ะ ตอนนี้ลูกสาวได้ 4 ขวบ แข็งแรง สดใส เข้านอนรพ.ครั้งเดียวจริงๆที่ผ่านมา มันยังมีปัจจัยอะไรอื่นๆอีกเยอะมากกกกกกก(ก ไก่ล้านๆๆตัว) ในการเลี้ยงคนๆนึง จนแบบเรายังคิดว่า ทำไมเราถึงต้องไปให้ความสำคัญกับนมแม่จนทรมานตัวเองขนาดนั้นด้วย(ฟร่ะ) โคตรจะเป็นเสี้ยวเล็กๆในชีวิตการเป็นแม่เลยให้ตายสิ ยืนยันคำเดิม ไม่ได้ต่อต้านนมแม่ สนับสนุนมาก แน่นอนนมแม่ดีที่สุดและฟรี แต่... แต่... อย่ามายัดเยียด อย่ามา judging ทำได้แค่ไหน เอาแค่นั้น พอ .. ชิวๆ แม่ต้องมีความสุข ลูกจะมีความสุขตามค่ะ ถ้านมแม่มันทำให้ทุกข์และเครียดไปเสียแล้ว มันไม่ใช่ล่ะค่ะ สู้ๆนะคะมนุษย์แม่ทุกคน ตอนนี้ลูกสาว 4 ขวบ พูดคุยได้เช่นมนุษย์คนนึง มันชื่นใจจริงๆที่เลี้ยงเค้ามา อดทนนะคะแม่ๆ อดทนนนน