เช่นการสนับสนุน ให้นมผงฟรีสำหลับครอบครัวที่ไม่ได้ให้นมลูกและพ่อแม่ต้องมีภาระทำงานเป็นต้น
ที่สำคัญเด็กจะได้รับนมที่มีคุณภาพเท่าเทียมกันเพื่อความเจริญเติบโตที่ดี และ เท่าเทียมกัน
ถ้ารัฐเข้ามาสนับสนุน นมผงสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 3 ขวบ เพื่อช่วยครอบครัวและสร้างสวัสดิการระยะยาว แนวทางอาจทำได้ดังนี้ครับ:
---
🔹 1. การกำหนดนโยบายและมาตรฐาน
กำหนดคุณภาพนมผงมาตรฐานสากล (ผ่าน อย. และมาตรฐานโภชนาการเด็กของ WHO/UNICEF)
ไม่เอื้อเอกชนรายเดียว ควรเปิดให้มีหลายผู้ผลิตแข่งขันด้านคุณภาพและราคา
ตรวจสอบเข้มงวด ป้องกันสินค้าคุณภาพต่ำปะปน
---
🔹 2. ระบบการแจกจ่าย
แจกฟรีตามสิทธิ์: เด็กแรกเกิดทุกคนได้รับสิทธิ์ (ไม่เลือกฐานะ)
ผ่าน รพ.สต. / โรงพยาบาล / ศูนย์เด็กเล็ก: เป็นจุดรับนมประจำเดือน
บัตรประชาชนแม่–ลูกเชื่อมสิทธิ: ใช้ระบบดิจิทัล ลดการรั่วไหล
ส่งตรงถึงบ้านในพื้นที่ห่างไกล (เช่น ผ่านไปรษณีย์ไทย หรือ อสม.)
---
🔹 3. ทางเลือกสนับสนุน
สนับสนุนแม่ที่ให้นมเอง: ถ้าแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ควรมี เงินอุดหนุนโภชนาการแม่ (เช่น 500–1000 บาท/เดือน)
ให้ตัวเลือก: ถ้าแม่ไม่ต้องการนมผง อาจรับเป็นคูปองโภชนาการ เช่น ซื้อไข่ นมสด อาหารเสริมเด็ก
---
🔹 4. ลดภาระค่าใช้จ่ายครอบครัว
เด็กแรกเกิด–3 ขวบ ใช้นมเฉลี่ย 1,500–2,500 บาท/เดือน
ถ้ารัฐช่วยได้แม้เพียง 50–70% ของต้นทุน จะลดภาระครอบครัวมหาศาล โดยเฉพาะครอบครัวรายได้น้อย
เมื่อเด็กได้รับสารอาหารดีตั้งแต่ต้น จะช่วยลดปัญหา เด็กเติบโตช้า, ขาดสารอาหาร, ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง → ลดภาระค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลของรัฐในอนาคต
---
🔹 5. การสร้างผลระยะยาว
สร้าง ความเท่าเทียมทางโภชนาการ เด็กทุกคนมีโอกาสเติบโตเต็มศักยภาพ
ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำตั้งแต่แรกเกิด
เป็น สวัสดิการครอบครัวพื้นฐาน ที่จับต้องได้ เหมือนโครงการเรียนฟรี/รักษาฟรี
---
👉 แนวทางนี้จะคล้ายกับ “นมโรงเรียน” ที่ไทยทำมานาน แต่ขยายลงไปตั้งแต่ แรกเกิด–3 ขวบ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวในทรัพยากรมนุษย์ครับ
---
อีกหนึ่งอย่างที่อยากไห้มี คือการที่รัฐเข้ามาดูแลสวัสดิการไห้ตั้งแต่แรกเกิด
ที่สำคัญเด็กจะได้รับนมที่มีคุณภาพเท่าเทียมกันเพื่อความเจริญเติบโตที่ดี และ เท่าเทียมกัน
ถ้ารัฐเข้ามาสนับสนุน นมผงสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 3 ขวบ เพื่อช่วยครอบครัวและสร้างสวัสดิการระยะยาว แนวทางอาจทำได้ดังนี้ครับ:
---
🔹 1. การกำหนดนโยบายและมาตรฐาน
กำหนดคุณภาพนมผงมาตรฐานสากล (ผ่าน อย. และมาตรฐานโภชนาการเด็กของ WHO/UNICEF)
ไม่เอื้อเอกชนรายเดียว ควรเปิดให้มีหลายผู้ผลิตแข่งขันด้านคุณภาพและราคา
ตรวจสอบเข้มงวด ป้องกันสินค้าคุณภาพต่ำปะปน
---
🔹 2. ระบบการแจกจ่าย
แจกฟรีตามสิทธิ์: เด็กแรกเกิดทุกคนได้รับสิทธิ์ (ไม่เลือกฐานะ)
ผ่าน รพ.สต. / โรงพยาบาล / ศูนย์เด็กเล็ก: เป็นจุดรับนมประจำเดือน
บัตรประชาชนแม่–ลูกเชื่อมสิทธิ: ใช้ระบบดิจิทัล ลดการรั่วไหล
ส่งตรงถึงบ้านในพื้นที่ห่างไกล (เช่น ผ่านไปรษณีย์ไทย หรือ อสม.)
---
🔹 3. ทางเลือกสนับสนุน
สนับสนุนแม่ที่ให้นมเอง: ถ้าแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ควรมี เงินอุดหนุนโภชนาการแม่ (เช่น 500–1000 บาท/เดือน)
ให้ตัวเลือก: ถ้าแม่ไม่ต้องการนมผง อาจรับเป็นคูปองโภชนาการ เช่น ซื้อไข่ นมสด อาหารเสริมเด็ก
---
🔹 4. ลดภาระค่าใช้จ่ายครอบครัว
เด็กแรกเกิด–3 ขวบ ใช้นมเฉลี่ย 1,500–2,500 บาท/เดือน
ถ้ารัฐช่วยได้แม้เพียง 50–70% ของต้นทุน จะลดภาระครอบครัวมหาศาล โดยเฉพาะครอบครัวรายได้น้อย
เมื่อเด็กได้รับสารอาหารดีตั้งแต่ต้น จะช่วยลดปัญหา เด็กเติบโตช้า, ขาดสารอาหาร, ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง → ลดภาระค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลของรัฐในอนาคต
---
🔹 5. การสร้างผลระยะยาว
สร้าง ความเท่าเทียมทางโภชนาการ เด็กทุกคนมีโอกาสเติบโตเต็มศักยภาพ
ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำตั้งแต่แรกเกิด
เป็น สวัสดิการครอบครัวพื้นฐาน ที่จับต้องได้ เหมือนโครงการเรียนฟรี/รักษาฟรี
---
👉 แนวทางนี้จะคล้ายกับ “นมโรงเรียน” ที่ไทยทำมานาน แต่ขยายลงไปตั้งแต่ แรกเกิด–3 ขวบ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวในทรัพยากรมนุษย์ครับ
---