ตอนนี้เวลา00.15น.16/9/59คืนนี้นอนไม่หลับ แต่มันไม่ใช่แค่คืนแรกคะที่นอนไม่หลับ ยังรู้สึกคิดรู้สึกอาลัยอาวรณ์พ่อที่จากไปแล้ว4เดือน จากไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับมาอีก
...ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ขอเริ่มตรงนี้เลยนะคะ(ต้องขออภัยถ้าพิมพ์ตกหล่นบ้างเพราะพิมพ์ในมือถือคะ) ครอบครัวเรามีพี่น้องด้วยกัน3คนเราเป็นคนโตมีน้องสาวกับน้องชาย ทุกคนต่างมีการมีงานทำหมดแล้วยกเว้นน้องชายที่เป็นทหาร พ่อเราอายุ52ปีตลอดระเวลาที่จำความได้พ่อเป็นคนแข็งแรงมากคะ ท่านชอบทำงานอยู่ตลอด จนก่อนที่ท่านจะป่วยก็ยังทำงาน ท่านทำงานเกี่ยวกับรถคะท่านชอบขับรถมากขับรถเป็นตั้งแต่อายุ14-15ท่านขับรถได้เก่งขับนิ่มและปลอดภัยมากคะ ท่านมีใบขับขี่รถทุกประเภท งานขับรถจึงเป็นงานที่ท่านรักมาตลอด ไม่ว่าจะขับรถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ รถตู้ สิบล้อ รถพ่วง แม็คโคร เอาเป็นว่าขับเป็นทุกชนิดคะ ซึ่งก่อนท่านจะป่วยท่านได้ทำงานขับรถให้เจ้านายที่จ.ราชบุรี ส่วนเราได้ทำงานเป็นบัญชีอยู่ในผับแห่งหนึ่งที่จ.ขอนแก่น ส่วนแม่ของเราทำอาชีพค้าขายเปิดร้านลาบก้อยส้มตำอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้านในโคราช พวกเรามีหน้าที่ส่งเงินให้แม่เก็บคะ ช่วงที่เราทำงานอยู่ตอนนั้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แม่ได้โทรมาบอกเราว่าพ่อโทรมาเล่าให้แม่ฟังว่าไม่สบายมีไข้เจ็บคอไอไม่หยุดมีเลือดปนเล็กน้อยแล้วไปหาหมอที่คลินิคไกล้ๆที่ทำงานในจ.ราชบุรี แต่ทางคลินิคบอกแค่ว่าเป็นไข้ลำคออักเสบก็ให้ยาแก้อักเสบกับแก้ไข้มากิน เราเลยโทรไปถามอาการพ่อ แต่พ่อบอกว่าดีขึ้นแล้วไอลดลง ไข้ก็ไม่มีแล้วเดี๋ยวก็ทำงานได้ไม่ต้องเป็นห่วง (พ่อเราเป็นคนไม่ชอบบอกลูกๆเวลาไม่สบายจะเล่าให้แม่ฟังซะส่วนมาก)เราก็โล่งอกที่พ่อบอกจะหายแล้ว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น หลังจากคุยกับพ่อได้ไม่ถึงเดือน แม่ก็โทรมาอีกว่าคุยกับพ่อแล้วฟังไม่รุเรื่องพ่อไม่มีเสียงคุยกันเหมือนพ่อกระซิบ เราเลยโทรหาพ่อแล้วบอกพ่อว่าให้กลับบ้านเถอะ ไม่ต้องทำงานแล้ว จะป่วยน้อยป่วยมากก็กลับมาบ้านเราเดี๋ยวหนูดูแลพาพ่อไปหาหมอเอง พ่อพูดง่ายมากคะแสดงว่าพ่อไม่ไหวจริงๆเพราะปกติพ่อจะอึดและดื้อมาก พอเช้าพ่อก็กลับมาอยู่บ้านกับแม่ที่โคราช แม่จะพาพ่อไปรักษาไปหาหมอที่รพ.ต่างๆไม่ว่าจะรักษาด้วยบัตรทองหรือเสียเงินหมอก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ลำคออักเสบไม่มีอะไร"แล้วก็ฉีดยาแก้อักเสบให้ เราโทรหาพ่อคุยถามอาการพ่อตอนที่พ่อพักอยู่บ้านแต่พ่อพูดไม่รุ้เรื่องเพราะเสียงไม่มีแล้วต้องให้แม่คุยและแปลให้ทางมือถือตลอด แต่พ่อก็ยังมีแรงช่วงแม่เปิดร้านสับเนื้อสับหมูได้ดีอยู่ ช่วงนั้นแม่ต้องปิดร้านบ่อยๆเพื่อพาพ่อไปหาหมอ จนแม่ออกปากบอกให้เราลาออกจากงานเพื่อมาช่วยดูแลร้านดูแลพ่อแม่ดูแลคนเดียวไม่ไหวแม่แทบจะไม่ได้นอนเพราะพ่อเริ่มมีอาการปวดท้องแน่นท้องตามมาด้วย เราตกใจมากเพราะไม่คิดว่าพ่อจะเป็นหนักขนาดนี้ เราคิดภาวนาใจตลอดว่า"ขออย่าให้พ่อเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงเลย" เรากับแฟนตัดสินใจเขียนใบลาออกจากงานวันที่31มีนาคม2559 เพื่อจะกลับมาดูแลพ่อและมาช่วยแม่ขายของ เรากลับถึงบ้านในวันที่1เมษายน 2559 เราเห็นพ่อในสภาพที่เสียงไม่มี นั่งบนเก้าอีไม้แล้วเรียกเรา คุยกับเราไม่รุเรื่องแต่ที่รุ้คือพ่อบอกว่าเดี๋ยวพ่อก็หาย พ่อยังแข็งแรง (เรารู้พ่อเก็บอาการ)

เราเครียดและกลัวมากกลัวว่าพ่อจะเป็นโรคร้ายแต่เราเก็บอาการมาตลอดไม่อยากให้พ่อเห็นว่าเราคิดมาก เราคอยช่วยแม่เปิดร้านขายของไปดูแลพ่อไป พ่อกินอะไรไม่ค่อยได้นอกจากข้าวต้มแล้วก็กินยาที่หมอจัดให้มาคือยาแก้อักเสบ ยาโรคกระเพาะ ยาแก้จุกเสียด พ่อจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะพ่อบอกปวดท้องแน่นท้องมาก เราก็ไม่รุ้จะทำยังไงดี ทรมานใจเหลือเกินที่เห็นพ่อเจ็บปวด วันที่ 8เม.ย.2559เรามาอยุ่บ้านได้6-7วันพ่อเริ่มมีอาการเสียวขา ชาขา เริ่มอ่อนเปรี้ย เรี่ยวแรงขาไม่มีและสุดท้ายคือเดินไม่ได้ เราตัดสินใจพาพ่อไปรพ.ในอำเภอที่เราอยุ่อีกครั้งในเวลา2ทุ่ม ตอนนี้เราพากำนันในหมู่บ้านไปด้วยเพื่อขอให้พ่อนอนที่รพ.เพราะไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งหมอก็ฉีดยาแก้ปวดแล้วก็ให้พ่อกลับบ้านทั้งๆที่พ่อเราแย่ขนาดนี้ พอไปถึงรพ.ก็เจอแค่พยาบาลที่เข้าเวร เขาจะไม่ให้พ่อเรานอนรพ.และบอกจะฉีดยาแก้ปวดให้(เหมือนเดิม)เราบอกว่า"พี่!!พ่อหนูเดินไม่ได้แล้วนะจากคนเดินได้ดีๆช่วยตรวจพ่อหนูด้วยเถอะคะ ว่าพ่อหนูป่วยเป็นอะไร!" กำนันก็ช่วยพูด สรุปเลยได้นอนให้น้ำเกลือและใส่ท่อปัสสาวะคะเพื่อรอเอกซเรย์ตอนเช้า(พ่อเริ่มฉี่เองไม่ได้ตั้งแต่ขาไม่มีแรง)
พอตอนเช้าเข้าห้องเอกซเรย์ก็พบว่าตรงช่วงบนซ้ายไหปลาร้าของพ่อมีเนื้องอกก้อนเล็กๆทางรพ.จึงให้ใบส่งตัวพ่อไปรพ.ในเมือง(รพ.มหาราช)เพื่อไปตรวจเนื้อที่งอกนี้(ไปกันเอง!!) พอไปถึงรพ.มหาราชหมอจึงพาพ่อไปตรวจเอกซเรย์ร่างกายทุกส่วนและเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจ แล้วนัดฟังผลชิ้นเนื้อวันที่20 เม.ย.2559และฟังผลเอกซเรย์ภายในวันที่25เม.ย.2559
เราก็ไปด้วยกับพ่อทุกที่ถ้าอยุ่ด้วยได้แม้กระทั่งห้องเอกซเรย์ที่เขาห้ามญาติเข้าเราก็ขอเข้าไปด้วยเพราะพ่อบอกว่าพ่อกลัว เราน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้ฟัง พ่อคนที่เข้มแข็งของลูก พ่อคงเจ็บและคงกลัวไปหมดหมด

พอเสร็จนั้นเราก็ต้องพาพ่อกลับมายังรพ.ในอำเภอที่ไกล้บ้าน(ที่เดิม) คนป่วยที่เดินไม่ได้ที่เจ็บไปหมดทั้งร่างต้องเทียวไปเทียวมากว่า40กม. เราไม่ลำบากแต่เราสงสารพ่อเพราะทุกครั้งที่โดนตัวพ่อไม่ว่าจะอุ้มหรือพยุงพ่อเจ็บร่างกายไปหมดทั้งภายในและภายนอก
พอกลับถึงรพ.ไกล้บ้าน พ่อก็นอนให้น้ำเกลือและกินยาตามที่หมอสั่งแบบนี้ทุกวันคะเพื่อรอฟังผลชิ้นเนื้อและผลเอกซเรย์จากทางรพ.มหาราช ...

(เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะตอนนี้เวลา02.00น.ขอนอนก่อนนะคะเช้าต้องไปส่งลูกทีรร.)
เล่าประสปการณ์ดูแลพ่อที่จากไปด้วยโรคมะเร็ง(ปอด)
...ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ขอเริ่มตรงนี้เลยนะคะ(ต้องขออภัยถ้าพิมพ์ตกหล่นบ้างเพราะพิมพ์ในมือถือคะ) ครอบครัวเรามีพี่น้องด้วยกัน3คนเราเป็นคนโตมีน้องสาวกับน้องชาย ทุกคนต่างมีการมีงานทำหมดแล้วยกเว้นน้องชายที่เป็นทหาร พ่อเราอายุ52ปีตลอดระเวลาที่จำความได้พ่อเป็นคนแข็งแรงมากคะ ท่านชอบทำงานอยู่ตลอด จนก่อนที่ท่านจะป่วยก็ยังทำงาน ท่านทำงานเกี่ยวกับรถคะท่านชอบขับรถมากขับรถเป็นตั้งแต่อายุ14-15ท่านขับรถได้เก่งขับนิ่มและปลอดภัยมากคะ ท่านมีใบขับขี่รถทุกประเภท งานขับรถจึงเป็นงานที่ท่านรักมาตลอด ไม่ว่าจะขับรถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ รถตู้ สิบล้อ รถพ่วง แม็คโคร เอาเป็นว่าขับเป็นทุกชนิดคะ ซึ่งก่อนท่านจะป่วยท่านได้ทำงานขับรถให้เจ้านายที่จ.ราชบุรี ส่วนเราได้ทำงานเป็นบัญชีอยู่ในผับแห่งหนึ่งที่จ.ขอนแก่น ส่วนแม่ของเราทำอาชีพค้าขายเปิดร้านลาบก้อยส้มตำอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้านในโคราช พวกเรามีหน้าที่ส่งเงินให้แม่เก็บคะ ช่วงที่เราทำงานอยู่ตอนนั้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แม่ได้โทรมาบอกเราว่าพ่อโทรมาเล่าให้แม่ฟังว่าไม่สบายมีไข้เจ็บคอไอไม่หยุดมีเลือดปนเล็กน้อยแล้วไปหาหมอที่คลินิคไกล้ๆที่ทำงานในจ.ราชบุรี แต่ทางคลินิคบอกแค่ว่าเป็นไข้ลำคออักเสบก็ให้ยาแก้อักเสบกับแก้ไข้มากิน เราเลยโทรไปถามอาการพ่อ แต่พ่อบอกว่าดีขึ้นแล้วไอลดลง ไข้ก็ไม่มีแล้วเดี๋ยวก็ทำงานได้ไม่ต้องเป็นห่วง (พ่อเราเป็นคนไม่ชอบบอกลูกๆเวลาไม่สบายจะเล่าให้แม่ฟังซะส่วนมาก)เราก็โล่งอกที่พ่อบอกจะหายแล้ว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น หลังจากคุยกับพ่อได้ไม่ถึงเดือน แม่ก็โทรมาอีกว่าคุยกับพ่อแล้วฟังไม่รุเรื่องพ่อไม่มีเสียงคุยกันเหมือนพ่อกระซิบ เราเลยโทรหาพ่อแล้วบอกพ่อว่าให้กลับบ้านเถอะ ไม่ต้องทำงานแล้ว จะป่วยน้อยป่วยมากก็กลับมาบ้านเราเดี๋ยวหนูดูแลพาพ่อไปหาหมอเอง พ่อพูดง่ายมากคะแสดงว่าพ่อไม่ไหวจริงๆเพราะปกติพ่อจะอึดและดื้อมาก พอเช้าพ่อก็กลับมาอยู่บ้านกับแม่ที่โคราช แม่จะพาพ่อไปรักษาไปหาหมอที่รพ.ต่างๆไม่ว่าจะรักษาด้วยบัตรทองหรือเสียเงินหมอก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ลำคออักเสบไม่มีอะไร"แล้วก็ฉีดยาแก้อักเสบให้ เราโทรหาพ่อคุยถามอาการพ่อตอนที่พ่อพักอยู่บ้านแต่พ่อพูดไม่รุ้เรื่องเพราะเสียงไม่มีแล้วต้องให้แม่คุยและแปลให้ทางมือถือตลอด แต่พ่อก็ยังมีแรงช่วงแม่เปิดร้านสับเนื้อสับหมูได้ดีอยู่ ช่วงนั้นแม่ต้องปิดร้านบ่อยๆเพื่อพาพ่อไปหาหมอ จนแม่ออกปากบอกให้เราลาออกจากงานเพื่อมาช่วยดูแลร้านดูแลพ่อแม่ดูแลคนเดียวไม่ไหวแม่แทบจะไม่ได้นอนเพราะพ่อเริ่มมีอาการปวดท้องแน่นท้องตามมาด้วย เราตกใจมากเพราะไม่คิดว่าพ่อจะเป็นหนักขนาดนี้ เราคิดภาวนาใจตลอดว่า"ขออย่าให้พ่อเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงเลย" เรากับแฟนตัดสินใจเขียนใบลาออกจากงานวันที่31มีนาคม2559 เพื่อจะกลับมาดูแลพ่อและมาช่วยแม่ขายของ เรากลับถึงบ้านในวันที่1เมษายน 2559 เราเห็นพ่อในสภาพที่เสียงไม่มี นั่งบนเก้าอีไม้แล้วเรียกเรา คุยกับเราไม่รุเรื่องแต่ที่รุ้คือพ่อบอกว่าเดี๋ยวพ่อก็หาย พ่อยังแข็งแรง (เรารู้พ่อเก็บอาการ)
เราเครียดและกลัวมากกลัวว่าพ่อจะเป็นโรคร้ายแต่เราเก็บอาการมาตลอดไม่อยากให้พ่อเห็นว่าเราคิดมาก เราคอยช่วยแม่เปิดร้านขายของไปดูแลพ่อไป พ่อกินอะไรไม่ค่อยได้นอกจากข้าวต้มแล้วก็กินยาที่หมอจัดให้มาคือยาแก้อักเสบ ยาโรคกระเพาะ ยาแก้จุกเสียด พ่อจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะพ่อบอกปวดท้องแน่นท้องมาก เราก็ไม่รุ้จะทำยังไงดี ทรมานใจเหลือเกินที่เห็นพ่อเจ็บปวด วันที่ 8เม.ย.2559เรามาอยุ่บ้านได้6-7วันพ่อเริ่มมีอาการเสียวขา ชาขา เริ่มอ่อนเปรี้ย เรี่ยวแรงขาไม่มีและสุดท้ายคือเดินไม่ได้ เราตัดสินใจพาพ่อไปรพ.ในอำเภอที่เราอยุ่อีกครั้งในเวลา2ทุ่ม ตอนนี้เราพากำนันในหมู่บ้านไปด้วยเพื่อขอให้พ่อนอนที่รพ.เพราะไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งหมอก็ฉีดยาแก้ปวดแล้วก็ให้พ่อกลับบ้านทั้งๆที่พ่อเราแย่ขนาดนี้ พอไปถึงรพ.ก็เจอแค่พยาบาลที่เข้าเวร เขาจะไม่ให้พ่อเรานอนรพ.และบอกจะฉีดยาแก้ปวดให้(เหมือนเดิม)เราบอกว่า"พี่!!พ่อหนูเดินไม่ได้แล้วนะจากคนเดินได้ดีๆช่วยตรวจพ่อหนูด้วยเถอะคะ ว่าพ่อหนูป่วยเป็นอะไร!" กำนันก็ช่วยพูด สรุปเลยได้นอนให้น้ำเกลือและใส่ท่อปัสสาวะคะเพื่อรอเอกซเรย์ตอนเช้า(พ่อเริ่มฉี่เองไม่ได้ตั้งแต่ขาไม่มีแรง)
พอตอนเช้าเข้าห้องเอกซเรย์ก็พบว่าตรงช่วงบนซ้ายไหปลาร้าของพ่อมีเนื้องอกก้อนเล็กๆทางรพ.จึงให้ใบส่งตัวพ่อไปรพ.ในเมือง(รพ.มหาราช)เพื่อไปตรวจเนื้อที่งอกนี้(ไปกันเอง!!) พอไปถึงรพ.มหาราชหมอจึงพาพ่อไปตรวจเอกซเรย์ร่างกายทุกส่วนและเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจ แล้วนัดฟังผลชิ้นเนื้อวันที่20 เม.ย.2559และฟังผลเอกซเรย์ภายในวันที่25เม.ย.2559
เราก็ไปด้วยกับพ่อทุกที่ถ้าอยุ่ด้วยได้แม้กระทั่งห้องเอกซเรย์ที่เขาห้ามญาติเข้าเราก็ขอเข้าไปด้วยเพราะพ่อบอกว่าพ่อกลัว เราน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้ฟัง พ่อคนที่เข้มแข็งของลูก พ่อคงเจ็บและคงกลัวไปหมดหมด
พอเสร็จนั้นเราก็ต้องพาพ่อกลับมายังรพ.ในอำเภอที่ไกล้บ้าน(ที่เดิม) คนป่วยที่เดินไม่ได้ที่เจ็บไปหมดทั้งร่างต้องเทียวไปเทียวมากว่า40กม. เราไม่ลำบากแต่เราสงสารพ่อเพราะทุกครั้งที่โดนตัวพ่อไม่ว่าจะอุ้มหรือพยุงพ่อเจ็บร่างกายไปหมดทั้งภายในและภายนอก
พอกลับถึงรพ.ไกล้บ้าน พ่อก็นอนให้น้ำเกลือและกินยาตามที่หมอสั่งแบบนี้ทุกวันคะเพื่อรอฟังผลชิ้นเนื้อและผลเอกซเรย์จากทางรพ.มหาราช ...
(เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะตอนนี้เวลา02.00น.ขอนอนก่อนนะคะเช้าต้องไปส่งลูกทีรร.)