ขอกำลังใจเพื่อนๆหน่อยครับ ผมอยากผ่านช่วงเวลานี้จัง ทรมานมาก
แฟนเป็นคนอยากแต่งงานมาก พูดมาตลอดตั้งแต่คบกันมา
แรกเริ่ม 2 ปีแรกก็ให้ผมลองคุยกับที่บ้าน ตอนนั้นที่บ้านบอกเร็วไปไหม ตัวผมเองยังตั้งหลักไม่ได้เลย
ถ้าจะมีครอบครัว จะรับผิดชอบไหวได้ไง ซัก 3 ปี ถ้ายังรักกันจริงค่อยมาคุยเรื่องนี้ใหม่
แต่เป็นเพราะเราเข้ากันได้ดี ดีมากๆ ไม่เคยทะเลาะกันเลย จะมีแค่งอนผมที่มีเวลา
ขับรถไปหาเธอได้อาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพราะผมไม่ได้อยู่ กทม เหมือนเธอ แต่เราก็ต่างเข้าใจกันและกัน
มาเสมอ แต่ลึกๆยอมรับเลยว่าเครียดเพราะผมก็อยากแต่งงานเหมือนกัน แต่ติดตรงสภาพคล่องผมยังไม่ดี
อีกอย่างที่บ้านก็ธุรกิจเกือบล่มประคับประคองกันมาหลายปีแล้ว ที่บ้านก็เลยอยากให้ผมตั้งหลักได้ก่อน
และผมเองไม่อยากแบมือขอเงินพ่อแม่ เพราะท่านกำลังลำบากอยู่
เราสองคนคุยเรื่องนี้กันมาตลอดและเข้าใจกันดี แฟนผมอยากมีลูกมากและเธออยากมีทีเดียวไปทำแฝดเลย
เพราะเธออายุ 31 แล้ว ผม 33 เธอมักจะจินตนาการเรื่องครอบครัวของเราตลอด ผมเองก็เปิดอกคุยกับเธอ
เสมอว่าผมเองเข้าใจผมเองก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์หลังแต่ง แต่ขอมีทีละคนคนนึงก่อน หลังจากนั้นหาก
เราทั้งคู่พร้อมก็จะมีอีก ทางเดียวคือผมต้องดิ้นรนให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นให้ได้
ผ่านสองปีแรกด้วยความสุขมากๆ สภาพธุรกิจของที่บ้านเริ่มดีขึ้น ผมมีรายได้มากขึ้นราว 2 เท่าจากเดิม
เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้เธอ ผมพาเธอตระเวนหาคอนโดเพื่อมาเป็นเรือนหอของเราจากน้ำพักน้ำแรงของผม
ผมเริ่มวาดฝันให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ครอบครัวของเธอมั่นใจในตัวผมว่าผมไม่ได้มาหลอกคบลูกสาวเค้าโดยไม่มีอนาคต
ผมมีความสุขมาก อะไรทุกๆอย่างเริ่มเป็นรูปร่าง เราคุยกันเสมอว่าเดี๋ยวคอนโดเราสองคนแต่งห้องเสร็จแล้ว
จะแต่งงานกัน ที่บ้านก็เห็นว่าผมเอาจริงเอาจังก็เปรยไว้ว่าปีหน้าเดี๋ยวจะไปขอให้เพราะธุรกิจของครอบครัวเราหมดหนี้แล้ว
ผมมีความสุขสุดๆเลยครับ เหมือนคนดวงขึ้นสุดๆ
ไม่คิดว่าอะไรๆที่ก่อนหน้าเครียดมา มันคลี่คลายและเป็นไปโครตแบบราบรื่นได้เร็วยังงี๊ แถมมีคนรักที่เข้าใจ
แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่นๆ แต่เรื่องนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย
ปกติเธอช่วยธุรกิจที่บ้านแต่ด้วยไม่ชอบเลยขอแยกออกมาสมัครงานบริษัทเพื่อจะได้ตรงสาย
สกิลที่เธอถนัด ตอนแรกผมคัดค้านอยู่นานว่า จะไหวเหรอ ไม่ได้ทำงานข้างนอกมานาน แถมผลตอบแทนก็ได้ไม่คุ้ม
เหนื่อยเอานะ และเราจะไม่เป็นปัญหาเหรอถ้าเธอทำงาน อิสระในการโทรหากันและกันจะน้อยนะ ผมกลัวเวลาของเรา
ไม่ตรงกันเยอะจะมีปัญหา แต่เธอยืนกราน ไม่มีทางหรอกอย่างน้อย เธอยุ่งผมก็ยุ่ง ต่างทำงานกันและงานนั้นเธอ
มีความสุขที่จะทำ
จนกระทั่ง...
ความรักของเราเกือบจะครบ 3 ปีแล้วพี่ชายของเธอเสียชีวิตกระทันหัน ครอบครัวเธอสูญเสียเสาหลักของบ้าน
ทุกอย่างในบรรยากาศของครอบครัวเธอเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็พูดกับเธอเสมอว่า ไม่เป็นไรนะ
เธอยังมีผม ผมจะดูแลเธอเองขาดเหลืออะไรผมจะช่วยดูแลให้ ยังไงการงานผมก็ดีขึ้นมากแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล
ตั้งแต่มีการสูญเสียเกิดขึ้นบรรยากาศต่างๆก็เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ผมเองเข้าใจดีเพราะถ้าเกิดกับครอบครัวผม
ก็คงไม่ต่างกัน เธอเริ่มบ่นเหงา งอแงที่ผมทำงานเยอะขึ้น ไม่มีเวลาให้เธอเหมือนก่อนๆ แต่หลังจากผมง้อเธอก็
มักจะหายและเข้าใจเหตุผลที่ผมต้องทำงานเยอะขึ้น เพราะธุรกิจที่บ้านขยับขยาย ลงทุนสร้างโกดังใหม่
ย้ายบริษัทใหม่ ผมให้เหตุผลเธอว่าอดทนนะ อีกแปปเดียวก็ปีหน้าแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เดี๋ยวเราแต่งห้อง
เรือนหอกันเธอชอบแบบไหน ผมตามใจเต็มที่ออกค่าใช้จ่ายแต่งทั้งหมด
ช่วงนี้ผมไม่รู้สึกเลยว่าเธอมีอะไรแปลกไปรึป่าว..
เนื่องด้วยผมและเธอต่างอายุอานามก็เข้าเลขสามกันแล้ว ดังนั้นคู่ของเราเลยมีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ และยัง
คงสวีทหวานแหว๋วเสมอ เพราะเราไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่นๆ การที่เราได้เจอกันทุกครั้งจึงมีความสุขมาก
ตั้งแต่พี่ชายเธอไม่อยู่แล้ว เธอมักจะพูดเรื่องแต่งงานถี่ขึ้นเพราะคนโน้นถามที ญาติถามที ผมก็จะบอกว่าใครถาม
ก็บอกเค้าได้นี่ว่าใกล้ละ เราต่างรู้กันนี่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ปีหน้าเราจะแต่งแล้วผมทำทุกอย่างมาจนขนาดนี้
ไมไม่บอกคนถามไป เธอบอกไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวถึงเวลาก็ไม่มาขอ ไม่อยากพูดก่อน
........
เธอเริ่มงอแงเรื่องผมไม่ค่อยตอบไลน์ได้บ่อยเหมือนก่อนๆ ไม่ค่อยส่งไลน์เล่นกับเธอ ผมบอกให้โทรแทนละกัน
ผมต้องใช้สมาธิและมือพิมพ์คอม งานผมมันพลาดแล้วแก้ลำบาก(เกี่ยวกับตัวเลข) เธอก็จะบอกว่าทำงานโทรไม่ได้
ที่บริษัทไม่ให้ใช้มือถือ ได้แค่แอบๆแชท ช่วงนี้เธอเริ่มงอแงเพิ่มเติมจากเรื่องนี้ก็เริ่มมี ต่อว่าผมเรื่องรู้มั๊ยว่าเธอเหงา
เช้าพี่ก็ไม่ตื่น (ผมทำงานเที่ยงเลิกงาน 2-3 ทุ่ม) ปกติเราจะคุยกันเมื่อสายๆผมตื่น หรือไม่ก็รอเธอเบรคพักเที่ยง
เราก็จะได้คุยกัน และพอเธอกลับเข้าทำงานผมก็จะสามารถแชทกับเธอได้แค่ทางเดียว จะได้คุยอีกทีคือเธอเลิกงาน
ซึ่งผมก็อาศัยทำงานไปคุยไปจนเธอกลับถึงที่พัก ผมก็จะลุยงานจนจบของวันแล้วรีบกลับบ้านเพื่อเฟสไทม์ส่งเธอหลับ
ทุกคืน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เราคบกันวันแรก
ผมเริ่มไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาทำไมเราผ่านช่วงเวลาแบบนี้กันมาได้โดยไม่เป็นปัญหาเลย ผมไม่เคยบ่นเลยบางวันผม
เสร็จงานยังไม่ได้กินข้าว ถึงบ้านก็อยากรีบมามีเวลาคุยเล่นเฟสไทม์กับเธอส่งเธอนอนก่อน ผมถึงได้ไปหาข้าวกิน
ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย
แต่ทำไมช่วงนี้เธอมักจะหาอะไรมาต่อว่าผมมาก มีเรื่องนึงที่ผมน้อยใจมากคือ เธอต่อว่าผมว่าผมไม่ให้ดอกไม้เธอบ้าง
ทำไมคนอื่นน้องๆในที่ทำงาน(โสด) เค้ามีช่อดอกไม้เซอร์ไพรซ์จากหนุ่มนิรนาม ทำไมแฟนพี่สาวเธอชอบซื้อดอกไม้
มาให้ตลอด ไม่เห็นต้องรอเวลาเทศกาลเลย ผมบอกเธอว่าอย่าเอา ผช มาเปรียบเลย ต่างคนก็ต่างสไตล์ ผมชอบเอาใจ
เธอเรื่องอื่นแทนที่จะให้ดอกไม้ เพราะผมมองว่าดอกไม้ช่อละ 600-700 บาท ผมชอบให้เป็นสิ่งของมากกว่า หรือไม่ก็
เอาเงินตรงนี้ไปกินขนมด้วยกัน ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กน่ารักแทนแต่อยู่คงทนไปจนเราแก่ ดอกไม้สวยวันนี้
พรุ่งนี้มันก็เฉาละ เปลืองเงิน และอีกอย่างคบกันมาเทศกาลวาเลนไทน์ผมก็ให้ทุกปี ไม่ใช่ไม่เคยมีดอกไม้มาให้
เธออยากได้อะไรผมก็หามาให้หมด เท่าที่ผมจะสามารถหาให้เธอได้ นี่ยังไม่เรียกว่าเอาใจใส่อีกเหรอ ผมไม่ใช่ ผช สไตล์
ชอบเซอร์ไพรซ์ แต่เมื่อผมรู้ว่าเธอชอบอะไร ขาดอะไร ผมหามาให้เธอหมด
เดี๋ยวมาต่อ...
โดนแฟนทิ้งก่อนเรือนหอจะเสร็จ 2 วัน
แฟนเป็นคนอยากแต่งงานมาก พูดมาตลอดตั้งแต่คบกันมา
แรกเริ่ม 2 ปีแรกก็ให้ผมลองคุยกับที่บ้าน ตอนนั้นที่บ้านบอกเร็วไปไหม ตัวผมเองยังตั้งหลักไม่ได้เลย
ถ้าจะมีครอบครัว จะรับผิดชอบไหวได้ไง ซัก 3 ปี ถ้ายังรักกันจริงค่อยมาคุยเรื่องนี้ใหม่
แต่เป็นเพราะเราเข้ากันได้ดี ดีมากๆ ไม่เคยทะเลาะกันเลย จะมีแค่งอนผมที่มีเวลา
ขับรถไปหาเธอได้อาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพราะผมไม่ได้อยู่ กทม เหมือนเธอ แต่เราก็ต่างเข้าใจกันและกัน
มาเสมอ แต่ลึกๆยอมรับเลยว่าเครียดเพราะผมก็อยากแต่งงานเหมือนกัน แต่ติดตรงสภาพคล่องผมยังไม่ดี
อีกอย่างที่บ้านก็ธุรกิจเกือบล่มประคับประคองกันมาหลายปีแล้ว ที่บ้านก็เลยอยากให้ผมตั้งหลักได้ก่อน
และผมเองไม่อยากแบมือขอเงินพ่อแม่ เพราะท่านกำลังลำบากอยู่
เราสองคนคุยเรื่องนี้กันมาตลอดและเข้าใจกันดี แฟนผมอยากมีลูกมากและเธออยากมีทีเดียวไปทำแฝดเลย
เพราะเธออายุ 31 แล้ว ผม 33 เธอมักจะจินตนาการเรื่องครอบครัวของเราตลอด ผมเองก็เปิดอกคุยกับเธอ
เสมอว่าผมเองเข้าใจผมเองก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์หลังแต่ง แต่ขอมีทีละคนคนนึงก่อน หลังจากนั้นหาก
เราทั้งคู่พร้อมก็จะมีอีก ทางเดียวคือผมต้องดิ้นรนให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นให้ได้
ผ่านสองปีแรกด้วยความสุขมากๆ สภาพธุรกิจของที่บ้านเริ่มดีขึ้น ผมมีรายได้มากขึ้นราว 2 เท่าจากเดิม
เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้เธอ ผมพาเธอตระเวนหาคอนโดเพื่อมาเป็นเรือนหอของเราจากน้ำพักน้ำแรงของผม
ผมเริ่มวาดฝันให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ครอบครัวของเธอมั่นใจในตัวผมว่าผมไม่ได้มาหลอกคบลูกสาวเค้าโดยไม่มีอนาคต
ผมมีความสุขมาก อะไรทุกๆอย่างเริ่มเป็นรูปร่าง เราคุยกันเสมอว่าเดี๋ยวคอนโดเราสองคนแต่งห้องเสร็จแล้ว
จะแต่งงานกัน ที่บ้านก็เห็นว่าผมเอาจริงเอาจังก็เปรยไว้ว่าปีหน้าเดี๋ยวจะไปขอให้เพราะธุรกิจของครอบครัวเราหมดหนี้แล้ว
ผมมีความสุขสุดๆเลยครับ เหมือนคนดวงขึ้นสุดๆ
ไม่คิดว่าอะไรๆที่ก่อนหน้าเครียดมา มันคลี่คลายและเป็นไปโครตแบบราบรื่นได้เร็วยังงี๊ แถมมีคนรักที่เข้าใจ
แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่นๆ แต่เรื่องนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย
ปกติเธอช่วยธุรกิจที่บ้านแต่ด้วยไม่ชอบเลยขอแยกออกมาสมัครงานบริษัทเพื่อจะได้ตรงสาย
สกิลที่เธอถนัด ตอนแรกผมคัดค้านอยู่นานว่า จะไหวเหรอ ไม่ได้ทำงานข้างนอกมานาน แถมผลตอบแทนก็ได้ไม่คุ้ม
เหนื่อยเอานะ และเราจะไม่เป็นปัญหาเหรอถ้าเธอทำงาน อิสระในการโทรหากันและกันจะน้อยนะ ผมกลัวเวลาของเรา
ไม่ตรงกันเยอะจะมีปัญหา แต่เธอยืนกราน ไม่มีทางหรอกอย่างน้อย เธอยุ่งผมก็ยุ่ง ต่างทำงานกันและงานนั้นเธอ
มีความสุขที่จะทำ
จนกระทั่ง...
ความรักของเราเกือบจะครบ 3 ปีแล้วพี่ชายของเธอเสียชีวิตกระทันหัน ครอบครัวเธอสูญเสียเสาหลักของบ้าน
ทุกอย่างในบรรยากาศของครอบครัวเธอเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็พูดกับเธอเสมอว่า ไม่เป็นไรนะ
เธอยังมีผม ผมจะดูแลเธอเองขาดเหลืออะไรผมจะช่วยดูแลให้ ยังไงการงานผมก็ดีขึ้นมากแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล
ตั้งแต่มีการสูญเสียเกิดขึ้นบรรยากาศต่างๆก็เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ผมเองเข้าใจดีเพราะถ้าเกิดกับครอบครัวผม
ก็คงไม่ต่างกัน เธอเริ่มบ่นเหงา งอแงที่ผมทำงานเยอะขึ้น ไม่มีเวลาให้เธอเหมือนก่อนๆ แต่หลังจากผมง้อเธอก็
มักจะหายและเข้าใจเหตุผลที่ผมต้องทำงานเยอะขึ้น เพราะธุรกิจที่บ้านขยับขยาย ลงทุนสร้างโกดังใหม่
ย้ายบริษัทใหม่ ผมให้เหตุผลเธอว่าอดทนนะ อีกแปปเดียวก็ปีหน้าแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เดี๋ยวเราแต่งห้อง
เรือนหอกันเธอชอบแบบไหน ผมตามใจเต็มที่ออกค่าใช้จ่ายแต่งทั้งหมด
ช่วงนี้ผมไม่รู้สึกเลยว่าเธอมีอะไรแปลกไปรึป่าว..
เนื่องด้วยผมและเธอต่างอายุอานามก็เข้าเลขสามกันแล้ว ดังนั้นคู่ของเราเลยมีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ และยัง
คงสวีทหวานแหว๋วเสมอ เพราะเราไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่นๆ การที่เราได้เจอกันทุกครั้งจึงมีความสุขมาก
ตั้งแต่พี่ชายเธอไม่อยู่แล้ว เธอมักจะพูดเรื่องแต่งงานถี่ขึ้นเพราะคนโน้นถามที ญาติถามที ผมก็จะบอกว่าใครถาม
ก็บอกเค้าได้นี่ว่าใกล้ละ เราต่างรู้กันนี่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ปีหน้าเราจะแต่งแล้วผมทำทุกอย่างมาจนขนาดนี้
ไมไม่บอกคนถามไป เธอบอกไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวถึงเวลาก็ไม่มาขอ ไม่อยากพูดก่อน
........
เธอเริ่มงอแงเรื่องผมไม่ค่อยตอบไลน์ได้บ่อยเหมือนก่อนๆ ไม่ค่อยส่งไลน์เล่นกับเธอ ผมบอกให้โทรแทนละกัน
ผมต้องใช้สมาธิและมือพิมพ์คอม งานผมมันพลาดแล้วแก้ลำบาก(เกี่ยวกับตัวเลข) เธอก็จะบอกว่าทำงานโทรไม่ได้
ที่บริษัทไม่ให้ใช้มือถือ ได้แค่แอบๆแชท ช่วงนี้เธอเริ่มงอแงเพิ่มเติมจากเรื่องนี้ก็เริ่มมี ต่อว่าผมเรื่องรู้มั๊ยว่าเธอเหงา
เช้าพี่ก็ไม่ตื่น (ผมทำงานเที่ยงเลิกงาน 2-3 ทุ่ม) ปกติเราจะคุยกันเมื่อสายๆผมตื่น หรือไม่ก็รอเธอเบรคพักเที่ยง
เราก็จะได้คุยกัน และพอเธอกลับเข้าทำงานผมก็จะสามารถแชทกับเธอได้แค่ทางเดียว จะได้คุยอีกทีคือเธอเลิกงาน
ซึ่งผมก็อาศัยทำงานไปคุยไปจนเธอกลับถึงที่พัก ผมก็จะลุยงานจนจบของวันแล้วรีบกลับบ้านเพื่อเฟสไทม์ส่งเธอหลับ
ทุกคืน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เราคบกันวันแรก
ผมเริ่มไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาทำไมเราผ่านช่วงเวลาแบบนี้กันมาได้โดยไม่เป็นปัญหาเลย ผมไม่เคยบ่นเลยบางวันผม
เสร็จงานยังไม่ได้กินข้าว ถึงบ้านก็อยากรีบมามีเวลาคุยเล่นเฟสไทม์กับเธอส่งเธอนอนก่อน ผมถึงได้ไปหาข้าวกิน
ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย
แต่ทำไมช่วงนี้เธอมักจะหาอะไรมาต่อว่าผมมาก มีเรื่องนึงที่ผมน้อยใจมากคือ เธอต่อว่าผมว่าผมไม่ให้ดอกไม้เธอบ้าง
ทำไมคนอื่นน้องๆในที่ทำงาน(โสด) เค้ามีช่อดอกไม้เซอร์ไพรซ์จากหนุ่มนิรนาม ทำไมแฟนพี่สาวเธอชอบซื้อดอกไม้
มาให้ตลอด ไม่เห็นต้องรอเวลาเทศกาลเลย ผมบอกเธอว่าอย่าเอา ผช มาเปรียบเลย ต่างคนก็ต่างสไตล์ ผมชอบเอาใจ
เธอเรื่องอื่นแทนที่จะให้ดอกไม้ เพราะผมมองว่าดอกไม้ช่อละ 600-700 บาท ผมชอบให้เป็นสิ่งของมากกว่า หรือไม่ก็
เอาเงินตรงนี้ไปกินขนมด้วยกัน ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กน่ารักแทนแต่อยู่คงทนไปจนเราแก่ ดอกไม้สวยวันนี้
พรุ่งนี้มันก็เฉาละ เปลืองเงิน และอีกอย่างคบกันมาเทศกาลวาเลนไทน์ผมก็ให้ทุกปี ไม่ใช่ไม่เคยมีดอกไม้มาให้
เธออยากได้อะไรผมก็หามาให้หมด เท่าที่ผมจะสามารถหาให้เธอได้ นี่ยังไม่เรียกว่าเอาใจใส่อีกเหรอ ผมไม่ใช่ ผช สไตล์
ชอบเซอร์ไพรซ์ แต่เมื่อผมรู้ว่าเธอชอบอะไร ขาดอะไร ผมหามาให้เธอหมด
เดี๋ยวมาต่อ...