หัวใจสำคัญ

กระทู้สนทนา
พอพระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว  สิ่งที่ทรงประกาศเปิดเผย  แก่มนุษย์เป็นเรื่องแรกก็คือปฐมเทศนานี้เอง  :  พูดเรื่องความทุกข์,  เหตุให้เกิดทุกข์,  ความดับทุกข์,  และทางให้ถึงความดับทุกข์  ซึ่งใคร ๆ ก็มักจะจำได้  เพราะเคยได้ยิน.

ทีนี้ทำไมพระองค์จึงนำมาตรัสเป็นเรื่องแรก ?  นี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดดู  ทำไมไม่เอาเรื่องอื่นมาตรัสเป็นเรื่องแรกเล่า ?  ก็พอจะสันนิษฐาน  หรือเดากันได้ทุกคนว่ามันเป็นเรื่องด่วน  เป็นเรื่องรีบด่วนกว่าเรื่องใด ๆ;  เพราะว่าสัตว์โลกทั้งหลาย  กำลังตกอยู่ในสถานะเหมือนไฟกำลังไหม้อยู่ที่เนื้อที่ตัว  หรือไหม้อยู่ที่ศีรษะ,  นี่สัตว์ทั้งหลายกำลังตกอยู่ในเพลิงทุกข์  ร้อนรนทนทรมานอยู่ด้วยไฟทุกข์.

เรื่องแรกที่สุดที่ควรเอามาพูดกับสัตว์เหล่านี้ก็คือเรื่องดับทุกข์;  แต่เรื่องดับทุกข์นั้นเมื่อจะพูดให้สมบูรณ์  มันต้องพูดเรื่องความทุกข์  และเหตุให้เกิดทุกข์เสียก่อน  แล้วจึงพูดเรื่องความดับทุกข์  และวิถีทางที่จะให้ได้มาซึ่งความดับทุกข์นั้น  รวมกันเป็น ๔  หัวข้อเล็ก ๆ, แต่เมื่อรวมกันเข้าแล้วก็เป็นหัวข้อใหญ่ข้อเดียว  คือว่าเรื่องการดับทุกข์  เป็นเรื่องแรก  เป็นเรื่องด่วนจี๋  สำหรับชีวิตมนุษย์  จึงนำมาตรัสเป็นเรื่องแรก.

ทีนี้เรา,  พวกเราทั้งหลาย  เราศึกษาเรื่องอะไรเป็นเรื่องแรก ?  นี่ดูมันยังไขว้เขวกันอยู่  :  เรามักจะได้รับการสั่งสอนเป็นเรื่องแรก  ก็คือเรื่องพระรัตนตรัย  ให้รู้เรื่องพระพุทธ  เรื่องพระธรรม  เรื่องพระสงฆ์  ไม่รู้ไม่เข้าใจก็ต้องให้ทำเป็นอย่างท่าทาง  หรือพิธีรีตอง  เป็นประเพณีไปก่อน,  จึงรู้เรื่องพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  เป็นเรื่องแรก  โดยที่ไม่ต้องมีพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์จริง ๆ, เป็นแต่เรื่องของความรู้ที่รู้ด้วยการได้ยินได้ฟัง;  เลยไม่ได้สำเร็จประโยชน์ในการดับทุกข์.  

ถ้าจะมีระเบียบขนบธรรมเนียมประเพณีใด ๆ ให้พูดกันถึงเรื่องความทุกข์  และดับทุกข์ก่อน  ก็จะดี

สำหรับครั้งพุทธกาลนั้น  พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนใครให้รับไตรสรณาคมน์;  นี่เป็นของที่แปลก  ถึงกับจะเรียกว่าที่เล่นตลกกันอยู่ก็ได้.  ครั้งพุทธกาลนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเรียกใครมาให้รับไตรสรณาคมน์  มาสอนพุทธัง  สรณัง  คัจฉามิ  ธัมมัง  สรณัง  คัจฉามิ  เป็นต้น;  มันไม่มี  มันหาไม่ได้ในพระบาลีทั้งหลาย.  

เรื่องรับสรณาคมน์นั้นมันเป็นเรื่องของคนนั้นเอง  :  เมื่อเขาได้ยินได้ฟังเรื่องดับทุกข์จนเป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้ง  และพอใจแล้ว  แล้วก็จะถือเอาระบบนี้เป็นระบบประจำชีวิตเพื่อดับทุกข์ต่อไป,  ในตอนสุดท้ายเขาจึงประกาศออกมา  ว่าข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้า  พร้อมทั้งพระธรรม  พร้อมทั้งพระสงฆ์  เป็นสรณะจนตลอดชีวิต.  เขาว่าเอง,  พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ว่า;  

#ธรรมะคือหน้าที่

นี่ไม่มีใครเคยรับสรณาคมน์จากพระพุทธเจ้า  หรือจากพระสงฆ์องค์ใด;  แต่เขารับออกมาจากความพอใจในจิตใจของเขา  และประกาศต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า  ว่าเขาขอถือเอาระบบธรรมะนี้เป็นหลักปฏิบัติสืบต่อไป.

ทีนี้  ประเพณีนี้มันจะเกิดขึ้นครั้งไหน ?  เมื่อไร ? ก็ยากที่จะกล่าว;  แต่มันแน่นอนที่สุด  ว่ามันได้เกิดขึ้นในตอนหลัง  ที่ว่าพอใครจะมีธรรมะ  หรือจะนับถือศาสนานี้  แล้วก็เรียกตัวมาทำพิธีปฏิญญา  คล้าย ๆ กับขอทำสัญญา  ว่าจะนับถือพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์.  นี่คือข้อที่ปฏิบัติกันอยู่  โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกสำนึกว่า "ธรรมะคือหน้าที่"

การที่มันมากลายในสมัยนี้  เป็นว่ามารับถือพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  กันก่อนเป็นเรื่องแรก  โดยไม่ต้องรู้ว่าความทุกข์คืออะไร  นั้นน่ะมันฝืน ๆ กันอยู่;  

คือคนนั้นไม่รู้เหตุผลว่าทำไมจะต้องนับถือพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  เอาตัวมาให้ปฏิญญาถือพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  มันก็คล้ายเป็นเรื่องละเมอเพ้อฝันเสียมากกว่า  แล้วผลก็เลยได้อย่างละเมอเพ้อฝัน  คือดับทุกข์ไม่ได้  หรือไม่ได้ดับทุกข์รวมกัน.  นี่เราจะต้องรู้เป็นเรื่องแรก  ของการเป็นพุทธบริษัท  หรือการที่จะเข้ามาเป็นพุทธบริษัท.  เรื่องแรกที่จะต้องรู้และปฏิบัติ  ก็คือเรื่องความดับทุกข์.

พุทธทาสภิกขุ
#จดหมายเหตุพุทธทาส
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่