...เราพยายามแล้วแต่เขาดีกว่า ดีกว่าแพ้แบบไม่พยายาม...

เราแพ้เพราะเขาดีกว่า เขาดีกว่ายังไง ?

1.ชื่อชั้น จิตใจ (กว่าญี่ปุ่นจะมีวันนี้ได้เขาพัฒนากันมากี่ปี 10-20 ปี ก่อนหน้านี้ก็มีไปเล่นยุโรปบ้างประปราย แต่เดี่ยวนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ส่วนเราเพิ่งเริ่มได้ 4-5 ปีนักเตะบ้านเราก็ยังไม่มีที่ได้เล่นแบบจริงๆจังๆ ก็อย่าหยุดพัฒนาตรงนี้ยิ่งหยุดเขาก็ยิ่งทิ้งไปไกล)
2.ทักษะ ความสามารถเฉพาะตัว (ต่อจากข้อที่แล้ว กระดูกนักฟุตบอลเขาไปเจอพวก ยุโรปการแข่งขันสูง ถ้าพวกนี้มันไม่มีทักษะความสามารถระดับชนกับพวกยุโรปได้ เค้าจะซื้อตัวกันไปทำไม)
3.ร่างกาย สมรรถภาพ (เรื่องนี้จะง่ายกว่าเรื่องที่แล้ว และเราสามารถฝึกและปรับกันได้ อยู่ที่วิทยาศาสตร์การกีฬา ของบ้านเราแล้ว ทั้งสโมสร สมาคม หรือตัวนักเตะเองต้องให้ความสำคัญให้มากตั้งแต่เยาวชน)
4.แท็คติค (ทั้ง 3 ข้อด้านบนเราอาจทำให้เท่าเขาเป๊ะๆไม่ได้ ยิ่งชื่อชั้นนี่คงจะยากเพราะต้องใช้เวลาสั่งสมอีกเป็น 10-20 ปีแต่ทักษะกับร่างกายเราฝึกได้ แต่...การที่มีร่างกายฟิต ทักษะดี ใช่ว่าเราจะชนะเค้าได้เช่นกัน เปรียบดั่งมี ฮาร์ดแวร์ที่ดี แต่ถ้าซอฟแวร์ห่วยก็จบ )

เรื่องของแท็คติค อยากให้ดูบอลรองหลายๆทีมที่สู้กับทีมใหญ่ๆได้ดี เอาบอลลึคยุโรปนี่แหละ ทำไมทีมบอลรองมันชนะทีมยักใหญ่ได้ (อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย)
พวกนี้เรื่องร่างกายความฟิตระดับนั้นไม่หนีกันอยุ่แล้ว อาจจะต่างกันแค่ทีมใหญ่จะมีนักฟุตบอลที่มีทักษะดีกว่ารวมตัวกันอยู่
แต่ทำไมเราถึงเห็นทีมรองบ่อนล้มยักได้ ก็เพราะแท็คติคนี่แหละ อย่างปีล่าสุดใน พรีเมียร์ลีค อังกฤษ บอลรับแล้วสวนอย่างเลสเตอร์ไปได้ถึงแช็มป์
และหลายเกมในลีคยุโรปประเทศต่างๆในวันที่ ทีมเล็กเอาชนะทีมใหญ่ ล้วนเกิดจากแท็คติค ความอดทน ความรัดกุม ความมีวินัยของนักเตะ และการใช้โอกาสไปเปลือง
โอเคพูดถึง เลสเตอร์ จะมีคนแขวะทำอย่างกับเทียบเลสเตอร์แล้ว ไทย เราจะทำได้แบบเค้า โอ้วว เราอาจทำไม่ได้แบบเค้า แต่เราเอาแนวทางเค้ามาพัฒนาได้
และยังก่อนครับผมว่าเรายังต้องพัฒนาอย่างน้อยสัก 10 ปีหวังจริงๆอาจต้องรอถึง 2022 และถ้าเรารู้ตัวเราเร็วว่าเราบอดจุดไหนเราก็พัฒนาได้เร็ว

ผมอาจเป็นคนดูบอลธรรมดาๆคนนึง แต่เชื่อว่าหลายๆคนดูออกว่าวันนี้นักเตะไทยของเรายังเกรงเขาอยู่มาก
(แต่ผมเข้าใจนะได้นะ เจอญี่ปุ่นที่เป็นตัวระดับโลก มันไม่ใช่สถานการที่นักเตะบ้านเราจะเจอความกดดันระดับนี้
ต่างกับนักเตะญี่ปุ่นที่เค้าเตะในลีคยุโรปอยู่ทุกสัปดาห์ รวมไปถึงทีมชาติที่ไปเจอของจริงมาแล้วทั้งนั้น)
ซึ่งพอเราเกรงก็จะทำอะไรที่ไม่เป็นตัวเอง จากกล้าเล่นก็ไม่กล้าเล่น จะลนตลอด
ทำอย่างไรให้เลิกเกรงก็ต้องหาโอกาสเจอพวกระดับแบบนี้ให้บ่อยขึ้น ทั้งในลีคเองที่ต้องพัฒนาพยายามไปเตะ acl ให้มากขึ้น
ทีมชาติเองก็หาแมทอุ่นเครื่องให้บ่อยตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ให้ได้ (และหาวิธีไหนก็ได้ที่อุ่นกับทีมที่เหนือกว่าเรา อันนี้เป็นหน้าที่ของสมาคม)

ฟุตบอลไม่มีความยุติธรรมไปซะทุกเกม (เช่นเกมส์ก่อนหน้านี้ หรืออย่างที่อิรักโดนวันนี้) แต่เกมนี้ของเรายุติธรรมแล้วล่ะ
เราแพ้ทั้งรูปเกมและสกอร์ ญี่ปุ่นชุดนี้ดีทุกอย่างยกเว้น จังหวะจบที่ยังไม่คม ไม่งั้นวันนี้เราน่าจะโดนอย่างน้อย 0-4 (เอาเฉพาะลูกฮอนดะวืดกับอีกลูกคากาวะโหม่ง ไม่นับที่กวินเซฟนะถ้านับนี่คง 0-8)
แต่กลับกันวันนี้ถ้าเกมส์รับเราละเอียดกว่านี้เราอาจมีแต้ม (อย่างที่สิงโปร์ที่ไปอุดถึงบ้านญี่ปุ่น) ลูกที่เสียทั้งสองลูกถือว่าแนวรับเราพลาดในเรื่องตัวประกบเองอย่างมาก
แต่ก็อย่างที่มีคนเคยบอกไว้กีฬาไม่มีคำว่า "ถ้า" และเชื่อว่าแฟนบอลบ้านเราหลายคนคิดเหมือนกันว่าถือว่าโดนน้อยแล้วล่ะสำหรับเกมวันนี้

แต่สิ่งที่น่าเจ็บใจอีกอย่างวันนี้ (สำหรับตัวผมเองนะ) คือโอกาสเข้าทำของเราน้อยมาก ( 3 ครั้ง )
ซึ่งเป็นเพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น เราสู้เขาไม่ได้ทั้งในเรื่อง ร่างกาย (การปะทะในหลายๆจังหวะเค้ากินเราได้หมด)
ทักษะ (ตัวๆกับพวกนี้นี่เอาไม่อยู่ๆแล้ว) แท็คติค ความเข้าใจเกมส์ สังเกตุกันมั้ยว่าตอนเราจ่ายบอลเหมือนเขาจะรู้และดักเราได้เกือบทุกจังหวะเลย

สุดท้ายขอกลับไปที่หัวกระทู้ "เราพยายามแล้วแต่เขาดีกว่า ดีกว่าแพ้แบบไม่พยายาม"
ทั้งหมดทั้งมวล ก็ยังขอมองโลกในแง่ดี ตอนนี้เราได้พยายามแล้ว ถึงจะสู้เขาไม่ได้
อย่างน้อยนาทีที่ 70 เป็นต้นไปเราไม่หมดแรงข้าวต้ม ไปเดินเล่นแบบถอดใจ (เหมือนสมัยก่อน)
ถึงจะโดนกดจนนาทีสุดท้ายเราก้ยังวิ่งสู้ ถึงจะเกรงเขา จนเล่นไม่เป็นตัวเอง จ่ายบอลเสียแล้วเสียอีก รีบออกบอลจนลน เราก็ไม่เล่นลูกเกเร (เหมือนยุคมืด)

ปล.ก้าวต่อไปส่วนตัวผมอย่างน้อย อยากเห็นไทยทำได้ดีกว่าครั้งรอบคัดเลือกบอลโลก 2002 ที่ตอนนั้นเราได้ 4 แต้มขอมากกว่า 4 แต้มก็พอใจละ
พิมพ์อะไรในกระทู้ไม่ถูกใจใครผมขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ C:
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่