ตอนที่ "ศศิน เฉลิมลาภ" ออกมาต่อต้านปูว์นั้น
นอกจากในเรื่องของ "เขื่อนแม่วงก์" เจ้าปัญหา
ที่ศศินมีการจัด Event เดินสร้างคะแนนนิยมแล้ว
ไอ้หมอนี่ยังเคยแหย่เท้าเข้ามาที่ "ประเด็นทางการเมือง" ให้กองเชียร์ตัวเองได้เฮ
และ ตาม style ของไอ้พวก NGOs .....แน่นอนว่าอ้าง "ประชาชน" อีกตามเคย
ครั้งนั้นศศินขึ้น Status ว่า.....
"รัฐบาลน่าจะตัดสินใจ ยุบสภา เถอะครับ
มันชัดว่า ประชาชนจำนวนมากขนาดนี้
(แม้ไม่ใช่เสียงส่วนมาก) แสดงออกในการไม่ยอมรับพวกท่าน"
แหมมม....เข้าสูตรเป๊ะเลย คำก็ประชาชน สองคำก็ประชาชน
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง
ฮิปปี้ศศินมันควรจะตระหนักด้วยว่า
ในตอนนั้นก็มีประชาชนจำนวนมากเช่นกัน (แถมยังเป็นเสียงส่วนใหญ่ด้วย)
ที่เขายังคงสนับสนุนรัฐบาลปูว์ที่พวกเขาออกจากบ้านไปกาบัตรให้เข้ามาบริหารประเทศ
ศศินน่าจะกลับไปเรียนหนังสือใหม่
และ ควรลงเรียนวิชา Introduction to politic
เผื่อจะได้เข้าใจในกระบวนการประชาธิปไตยมากกว่านี้
ศศินค้านเขื่อนแม่วงก์แบบหัวชนฝา
โดยที่ไม่ยอมฟังเหตุผลจาก "ชาวบ้านฝ่ายสนับสนุน"
ศศินไม่ใช่คนแถวนั้น
ตอนน้ำท่วมศศินก็ไปมุดหัวสบายอยู่ในเมือง
ตอนแห้งแล้งทุรกันดารศศินก็นอนเปิดแอร์เบอร์ 5 ฉลากประหยัดไฟอยู่ในบ้าน
การ "เดิน" ของศศินในครั้งนั้น
มันก็คือการจัดอีเว้นท์ทางการตลาด
ที่ศศิน "ได้" ไปคนเดียวเต็มๆ โดยที่ชาวบ้านยังคงเดือดร้อนอยู่
ไม่ใช่ว่าคนในพื้นที่ทุกคนที่เห็นด้วยกับ NGOs ปากหนวดคนนี้
เพราะอย่างน้อยที่สุด
เคยมีชาวบ้านร่วมๆ 5 พันคน
พากันมาจากนครสวรรค์ อุทัยธานี และ กำแพงเพชร
เพื่อมารวมตัวกันแสดงออกว่าพวกเขาคือคนในพื้นที่ๆต้องการเขื่อนแม่วงก์
แน่นอนว่าพอเจอแบบนี้เข้าฝั่ง NGOs ก็มาฟอร์มเดิมว่าเป็น "กลุ่มจัดตั้ง"
แต่ถ้ามีชาวบ้านฝั่งสนับสนุนตนเองแสดงพลัง
NGOs พวกนี้มันก็จะบอกทันทีว่าเป็น "พลังบริสุทธิ์" (ฮา....)
ตอนนั้นเคยมีการทำโพลล์ โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
และ พบว่าคนในพื้นที่ที่เอาเขื่อนมีมากกว่าคนที่ไม่เอาเขื่อนถึง 1 เท่าตัว
เขาสำรวจจากคนใน 6 อำเภอ
ที่มียอดรวมของประชากรอยู่ที่ 458,834 คน
กลุ่มตัวอย่างที่เขาไปสำรวจคือ 344,736 คน (75% จากยอดรวม)
ผลออกมาคือ
ฝ่ายเอาเขื่อนมี 238,486 คน (กลุ่มจัดตั้งของไอ้พวก NGOs)
ฝ่ายไม่เอาเขื่อนมี 106,250 คน (พลังบริสุทธิ์ของไอ้พวก NGOs)
ฝ่ายไม่เอาเขื่อนส่วนใหญ่อยู่ในเขตเทศบาล
ฝ่ายที่สนับสนุนให้สร้างส่วนใหญ่มีอาชีพทางเกษตรกรรม
ฝ่ายไม่เอาเขื่อนให้เหตุผลว่า กลัวป่าไม้หมด ,
กลัวสัตว์ป่าสูญพันธ์ , กลังโกง , กลัวเขื่อนไร้ประสิทธิภาพ
ฝ่ายที่สนับสนุนให้สร้างให้เหตุผลว่าเขื่อนจะช่วยป้องกันน้ำท่วม
และ ยังจะทำให้ชาวบ้านสามารถเพาะปลูกได้ไม่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้
หึหึหึ...โคตรจะ "คั้ลท์" จริงๆว่ะ
คนค้านส่วนใหญ่ดันอยู่ในเขตเมือง และ ไม่ใช่เกษตรกร
ส่วนคนเห็นด้วยส่วนใหญ่ดันอยู่ในพื้นที่ๆได้รับผลกระทบ และ ทำมาหากินกับธรรมชาติซะอย่างงั้น
แล้วตัวศศินล่ะ........?????????
คือ...ถ้าไอ้ "ฮิปปี้หลงยุค" คนนี้มันไปไหนมาไหนด้วยช้าง หรือ ม้า (โดยไม่ใช้รถยนต์)
มันสามารถดูทิศทางแดดเพื่อที่จะอยากรู้ว่ากี่โมง (โดยไม่ใช้นาฬิกาคว๊อทซ์)
มันแก้ผ้าอาบน้ำตามแหล่งน้ำทางธรรมชาติ (โดยไม่ใข้น้ำประปา)
มันใช้หินมาขัดสีกันเพื่อให้เกิดไฟตอนจะเจียวไข่เจียว (โดยไม่ใช้เตาแก๊ส)
มันแก้ผ้านอนบนหนังสัตว์ผึ่งลมเย็นๆ (โดยไม่ใช้พัดลม หรือ แอร์)
มันอาศัยอยู่ในถ้ำ ในป่า ในเขา (โดยไม่ได้อยู่คอนโด หรือ บ้าน หรือ ทาวน์เฮ้าส์)
แล้วจะออกมาค้านเขื่อน
จะออกมาพูดพล่ามเรื่องการอนุรักษ์ (แอบโหน "สืบ")
หรือ จะทำอีเว้นท์การตลาดเดินไปจนถึงเทือกเขาอัลไตเลย......ก็คงดีพระราม 8 แน่ๆ
แต่หากน้ำท่วมแล้วยังบ่น
ไฟดับกับข้าวในตู้เย็นบูดแล้วด่า กฟน.
ไฟตกจนแอร์ในห้องนอนไม่ทำงานแล้วโมโห
ไม่มีไฟใช้จนเล่น fb เพื่อบอกโลกถึงความเป็นนักอนุรักษ์ของตัวเองไม่ได้
น้ำมันปรับขึ้นราคา หรือ แก๊สประกาศลอยตัว แล้วออกมาร้องแรกแหกกระเชอ
แบบนั้นก็อย่าเป็น NGOs อย่ามีหน้ามาค้านเขื่อนเลยครับ.....นอนบี้สิวอยู่กับบ้านเถอะ.....!!!
สิ่งหนึ่งที่ถ่วงความเจริญของไทย
ก็คือ NGOs ที่เคลื่อนไหวแบบมีนัยยะนี่แหละ
มันเลยทำให้ NGOs ที่ดีๆ (หากว่ามีอยู่จริง) โดนเหมารวมไปด้วยเลย
โถ....
ขนาดเอ็นจีโออย่าง "กรีนพีซ"
ยังทำการตลาดส่งคนออกระดมเงิน
ด้วยการให้คนหนุ่มสาวไปตั้งจุดตามห้าง ตามป้ายรถเมล์ ตามบีทีเอส หรือ MRT
กล่อมคนผ่านไปมาให้ช่วยบริจาค
โดยให้ผลตอบแทนกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจาก "เซลส์" เลย
ประสาอะไรกับการตลาดแบบ "ฮิปปี้หลงยุค"
ที่ค้านทุกเรื่อง ต้านทุกอย่าง โดยอ้างว่าเป็นพลังบริสุทธิ์
พอฝ่ายสนับสนุนระดมคนออกมาบ้าง....มันบอกว่า "จัดตั้ง" เฉยเลย
ทั้งๆที่เขาก็ "มีสิทธิ์สนับสนุน" ไม่ต่างอะไรกับที่พวก NGOs "มีสิทธิ์ค้าน" เลยซักนิด
แต่ไอ้ที่ค้านๆกันเนี่ย
ในตอนที่ชาวบ้านในพื้นที่เขาเดือดร้อนนั้น
มีซักกี่ตัวที่แสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่ตนเองไป "ถ่วงความเจริญ" ของคนอื่นไว้ล่ะ .????
ตอนที่เกิดภัยแล้งนั้น
นครสวรรค์ , ลาดยาว , อุทัยธานี,
ชัยนาท , สะแกกรัง ฯลฯ เขาเดือดร้อนกันหมด
แล้วศศินหายหัวไปไหน..??????
โลกเรามีคนเกิดใหม่ทุกวัน
โลกเรามีคนต้องกินต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นทุกที
แล้วมันจะไปต้านทาน "การพัฒนา" เพื่อรองรับการกินอยู่ของคนกันด้วยวิธีไหนล่ะ
เขื่อนทุกเขื่อนที่สร้างๆกัน
มันก็ต้องเสียพื้นที่ป่าไปทั้งนั้น
แต่การพัฒนา การอนุรักษ์หลังการมีเขื่อน (ที่ควบคู่ไปกับการบริหารเขื่อนให้ได้ประโยชน์สูงสุด) ต่างหากที่สำคัญ
ไม่ใช่ค้าน ค้าน ค้าน
โดยไม่มีทางออกให้กับการพัฒนา
ไม่มีทางเลือกให้กับคนในพื้นที่ๆเขาอยู่ที่นั่น ทำมาหากินที่นั่น
จริงๆเอาอย่างเขมรก็ดีนะครับ
เพราะที่เขมรเขาเคยมีการเสนอร่าง กม.ควบคุม NGOs ขึ้นมา
http://www.ibtimes.com/cambodia-passes-controversial-ngo-draft-law-despite-protests-boycott-2006909
http://www.icnl.org/research/monitor/cambodia.html
ร่างกฎหมายของเขมรอันนี้
บังคับให้ NGOs ต้องทำรายงานกิจกรรม
และ รายงานสถานะทางการเงินของตัวเองต่อรัฐบาล
เพื่อที่สาธารณะจะได้รู้ว่าเคลื่อนไหวอะไร ??
มีทุนรอนมากน้อยแค่ไหน หาทุนยังไง ใครให้มา ???
ตย.ที่ชัดเจนคือ "ประชาไท"
ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร
ที่เขารับเงินจาก จอร์จ โซรอส จาก สสส.ฯลฯ
และ เขาประกาศเป็นข้อมูลสาธารณะอย่างชัดเจนว่าปีไหนรับมาเท่าไร
ถ้ามีกฏหมายแบบนี้
เราจะได้รู้ว่า NGOs บ้านเรา
แต่ละคนมีเงินใช้จ่ายกันจากไหน อย่างไร
เขื่อนแม่วงก์ในยุค "ประยุทธ์"
จะทำให้เราเห็นตัวตนของ "ศศิน" อีกครั้ง...!!!!!
นี่แหละ...นายทุน , ขุนศึก , ศักดินา .....กับ NGOs ที่ใช้เงินของนายทุน , ไม่กล้าหือกับขุนศึก และ เกรงใจศักดินา...!!!!!!!!
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@---------------เอ........สงสัยจังว่าไอ้หมอนี่มันจะกล้าออกมาชนรึเปล่าครับเนี่ย..???---------@@@@@
นอกจากในเรื่องของ "เขื่อนแม่วงก์" เจ้าปัญหา
ที่ศศินมีการจัด Event เดินสร้างคะแนนนิยมแล้ว
ไอ้หมอนี่ยังเคยแหย่เท้าเข้ามาที่ "ประเด็นทางการเมือง" ให้กองเชียร์ตัวเองได้เฮ
และ ตาม style ของไอ้พวก NGOs .....แน่นอนว่าอ้าง "ประชาชน" อีกตามเคย
ครั้งนั้นศศินขึ้น Status ว่า.....
"รัฐบาลน่าจะตัดสินใจ ยุบสภา เถอะครับ
มันชัดว่า ประชาชนจำนวนมากขนาดนี้
(แม้ไม่ใช่เสียงส่วนมาก) แสดงออกในการไม่ยอมรับพวกท่าน"
แหมมม....เข้าสูตรเป๊ะเลย คำก็ประชาชน สองคำก็ประชาชน
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง
ฮิปปี้ศศินมันควรจะตระหนักด้วยว่า
ในตอนนั้นก็มีประชาชนจำนวนมากเช่นกัน (แถมยังเป็นเสียงส่วนใหญ่ด้วย)
ที่เขายังคงสนับสนุนรัฐบาลปูว์ที่พวกเขาออกจากบ้านไปกาบัตรให้เข้ามาบริหารประเทศ
ศศินน่าจะกลับไปเรียนหนังสือใหม่
และ ควรลงเรียนวิชา Introduction to politic
เผื่อจะได้เข้าใจในกระบวนการประชาธิปไตยมากกว่านี้
ศศินค้านเขื่อนแม่วงก์แบบหัวชนฝา
โดยที่ไม่ยอมฟังเหตุผลจาก "ชาวบ้านฝ่ายสนับสนุน"
ศศินไม่ใช่คนแถวนั้น
ตอนน้ำท่วมศศินก็ไปมุดหัวสบายอยู่ในเมือง
ตอนแห้งแล้งทุรกันดารศศินก็นอนเปิดแอร์เบอร์ 5 ฉลากประหยัดไฟอยู่ในบ้าน
การ "เดิน" ของศศินในครั้งนั้น
มันก็คือการจัดอีเว้นท์ทางการตลาด
ที่ศศิน "ได้" ไปคนเดียวเต็มๆ โดยที่ชาวบ้านยังคงเดือดร้อนอยู่
ไม่ใช่ว่าคนในพื้นที่ทุกคนที่เห็นด้วยกับ NGOs ปากหนวดคนนี้
เพราะอย่างน้อยที่สุด
เคยมีชาวบ้านร่วมๆ 5 พันคน
พากันมาจากนครสวรรค์ อุทัยธานี และ กำแพงเพชร
เพื่อมารวมตัวกันแสดงออกว่าพวกเขาคือคนในพื้นที่ๆต้องการเขื่อนแม่วงก์
แน่นอนว่าพอเจอแบบนี้เข้าฝั่ง NGOs ก็มาฟอร์มเดิมว่าเป็น "กลุ่มจัดตั้ง"
แต่ถ้ามีชาวบ้านฝั่งสนับสนุนตนเองแสดงพลัง
NGOs พวกนี้มันก็จะบอกทันทีว่าเป็น "พลังบริสุทธิ์" (ฮา....)
ตอนนั้นเคยมีการทำโพลล์ โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
และ พบว่าคนในพื้นที่ที่เอาเขื่อนมีมากกว่าคนที่ไม่เอาเขื่อนถึง 1 เท่าตัว
เขาสำรวจจากคนใน 6 อำเภอ
ที่มียอดรวมของประชากรอยู่ที่ 458,834 คน
กลุ่มตัวอย่างที่เขาไปสำรวจคือ 344,736 คน (75% จากยอดรวม)
ผลออกมาคือ
ฝ่ายเอาเขื่อนมี 238,486 คน (กลุ่มจัดตั้งของไอ้พวก NGOs)
ฝ่ายไม่เอาเขื่อนมี 106,250 คน (พลังบริสุทธิ์ของไอ้พวก NGOs)
ฝ่ายไม่เอาเขื่อนส่วนใหญ่อยู่ในเขตเทศบาล
ฝ่ายที่สนับสนุนให้สร้างส่วนใหญ่มีอาชีพทางเกษตรกรรม
ฝ่ายไม่เอาเขื่อนให้เหตุผลว่า กลัวป่าไม้หมด ,
กลัวสัตว์ป่าสูญพันธ์ , กลังโกง , กลัวเขื่อนไร้ประสิทธิภาพ
ฝ่ายที่สนับสนุนให้สร้างให้เหตุผลว่าเขื่อนจะช่วยป้องกันน้ำท่วม
และ ยังจะทำให้ชาวบ้านสามารถเพาะปลูกได้ไม่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้
หึหึหึ...โคตรจะ "คั้ลท์" จริงๆว่ะ
คนค้านส่วนใหญ่ดันอยู่ในเขตเมือง และ ไม่ใช่เกษตรกร
ส่วนคนเห็นด้วยส่วนใหญ่ดันอยู่ในพื้นที่ๆได้รับผลกระทบ และ ทำมาหากินกับธรรมชาติซะอย่างงั้น
แล้วตัวศศินล่ะ........?????????
คือ...ถ้าไอ้ "ฮิปปี้หลงยุค" คนนี้มันไปไหนมาไหนด้วยช้าง หรือ ม้า (โดยไม่ใช้รถยนต์)
มันสามารถดูทิศทางแดดเพื่อที่จะอยากรู้ว่ากี่โมง (โดยไม่ใช้นาฬิกาคว๊อทซ์)
มันแก้ผ้าอาบน้ำตามแหล่งน้ำทางธรรมชาติ (โดยไม่ใข้น้ำประปา)
มันใช้หินมาขัดสีกันเพื่อให้เกิดไฟตอนจะเจียวไข่เจียว (โดยไม่ใช้เตาแก๊ส)
มันแก้ผ้านอนบนหนังสัตว์ผึ่งลมเย็นๆ (โดยไม่ใช้พัดลม หรือ แอร์)
มันอาศัยอยู่ในถ้ำ ในป่า ในเขา (โดยไม่ได้อยู่คอนโด หรือ บ้าน หรือ ทาวน์เฮ้าส์)
แล้วจะออกมาค้านเขื่อน
จะออกมาพูดพล่ามเรื่องการอนุรักษ์ (แอบโหน "สืบ")
หรือ จะทำอีเว้นท์การตลาดเดินไปจนถึงเทือกเขาอัลไตเลย......ก็คงดีพระราม 8 แน่ๆ
แต่หากน้ำท่วมแล้วยังบ่น
ไฟดับกับข้าวในตู้เย็นบูดแล้วด่า กฟน.
ไฟตกจนแอร์ในห้องนอนไม่ทำงานแล้วโมโห
ไม่มีไฟใช้จนเล่น fb เพื่อบอกโลกถึงความเป็นนักอนุรักษ์ของตัวเองไม่ได้
น้ำมันปรับขึ้นราคา หรือ แก๊สประกาศลอยตัว แล้วออกมาร้องแรกแหกกระเชอ
แบบนั้นก็อย่าเป็น NGOs อย่ามีหน้ามาค้านเขื่อนเลยครับ.....นอนบี้สิวอยู่กับบ้านเถอะ.....!!!
สิ่งหนึ่งที่ถ่วงความเจริญของไทย
ก็คือ NGOs ที่เคลื่อนไหวแบบมีนัยยะนี่แหละ
มันเลยทำให้ NGOs ที่ดีๆ (หากว่ามีอยู่จริง) โดนเหมารวมไปด้วยเลย
โถ....
ขนาดเอ็นจีโออย่าง "กรีนพีซ"
ยังทำการตลาดส่งคนออกระดมเงิน
ด้วยการให้คนหนุ่มสาวไปตั้งจุดตามห้าง ตามป้ายรถเมล์ ตามบีทีเอส หรือ MRT
กล่อมคนผ่านไปมาให้ช่วยบริจาค
โดยให้ผลตอบแทนกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจาก "เซลส์" เลย
ประสาอะไรกับการตลาดแบบ "ฮิปปี้หลงยุค"
ที่ค้านทุกเรื่อง ต้านทุกอย่าง โดยอ้างว่าเป็นพลังบริสุทธิ์
พอฝ่ายสนับสนุนระดมคนออกมาบ้าง....มันบอกว่า "จัดตั้ง" เฉยเลย
ทั้งๆที่เขาก็ "มีสิทธิ์สนับสนุน" ไม่ต่างอะไรกับที่พวก NGOs "มีสิทธิ์ค้าน" เลยซักนิด
แต่ไอ้ที่ค้านๆกันเนี่ย
ในตอนที่ชาวบ้านในพื้นที่เขาเดือดร้อนนั้น
มีซักกี่ตัวที่แสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่ตนเองไป "ถ่วงความเจริญ" ของคนอื่นไว้ล่ะ .????
ตอนที่เกิดภัยแล้งนั้น
นครสวรรค์ , ลาดยาว , อุทัยธานี,
ชัยนาท , สะแกกรัง ฯลฯ เขาเดือดร้อนกันหมด
แล้วศศินหายหัวไปไหน..??????
โลกเรามีคนเกิดใหม่ทุกวัน
โลกเรามีคนต้องกินต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นทุกที
แล้วมันจะไปต้านทาน "การพัฒนา" เพื่อรองรับการกินอยู่ของคนกันด้วยวิธีไหนล่ะ
เขื่อนทุกเขื่อนที่สร้างๆกัน
มันก็ต้องเสียพื้นที่ป่าไปทั้งนั้น
แต่การพัฒนา การอนุรักษ์หลังการมีเขื่อน (ที่ควบคู่ไปกับการบริหารเขื่อนให้ได้ประโยชน์สูงสุด) ต่างหากที่สำคัญ
ไม่ใช่ค้าน ค้าน ค้าน
โดยไม่มีทางออกให้กับการพัฒนา
ไม่มีทางเลือกให้กับคนในพื้นที่ๆเขาอยู่ที่นั่น ทำมาหากินที่นั่น
จริงๆเอาอย่างเขมรก็ดีนะครับ
เพราะที่เขมรเขาเคยมีการเสนอร่าง กม.ควบคุม NGOs ขึ้นมา
http://www.ibtimes.com/cambodia-passes-controversial-ngo-draft-law-despite-protests-boycott-2006909
http://www.icnl.org/research/monitor/cambodia.html
ร่างกฎหมายของเขมรอันนี้
บังคับให้ NGOs ต้องทำรายงานกิจกรรม
และ รายงานสถานะทางการเงินของตัวเองต่อรัฐบาล
เพื่อที่สาธารณะจะได้รู้ว่าเคลื่อนไหวอะไร ??
มีทุนรอนมากน้อยแค่ไหน หาทุนยังไง ใครให้มา ???
ตย.ที่ชัดเจนคือ "ประชาไท"
ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร
ที่เขารับเงินจาก จอร์จ โซรอส จาก สสส.ฯลฯ
และ เขาประกาศเป็นข้อมูลสาธารณะอย่างชัดเจนว่าปีไหนรับมาเท่าไร
ถ้ามีกฏหมายแบบนี้
เราจะได้รู้ว่า NGOs บ้านเรา
แต่ละคนมีเงินใช้จ่ายกันจากไหน อย่างไร
เขื่อนแม่วงก์ในยุค "ประยุทธ์"
จะทำให้เราเห็นตัวตนของ "ศศิน" อีกครั้ง...!!!!!
นี่แหละ...นายทุน , ขุนศึก , ศักดินา .....กับ NGOs ที่ใช้เงินของนายทุน , ไม่กล้าหือกับขุนศึก และ เกรงใจศักดินา...!!!!!!!!
จ่าพิเชษฐ์