ใครเคยผ่านสถานการณ์เกือบจะอดตาย(หมายถึงอดตายจริงๆครับ) ที่ขาดปัจจัยสี่และกำลังสนับสนุนท่านผ่านเหตุการณ์นั้นมาอย่างไรครับ

พอดีดู series the last ship แล้วในเรื่องมีสถานการณ์การอดอาหาร และแยกชิ้นส่วนประเทศเป็นชิ้นๆ เพื่อการควบคุมอำนาจ
ไม่มุ้งมิ้งการเมืองนะครับ

แต่ถามว่าท่านเคยผ่านเหตุการณ์ที่เกือบจะอดตาย แบบอดตายจริงๆ ที่ขาดปัจจัยสี่และขาดความช่วยเหลือ ท่านผ่านเหตุการณ์ตอนนั้นมาอย่างไร
ขอประการณ์ตรงนั้นหน่อยครับ เพื่อให้รู้ว่าเราควรทำชีวิตของเราให้ดีและมีคุณค่าที่สุด

สำหรับตัวผมเอง เหตุการณ์ที่เจอเองคือ ตอนออกมาจากบ้าน แล้วไปเรียนมัธยมในตัวเมือง เงินหมด และที่บ้านก็ติดปัญหาแล้วก็ส่งเงินเพิ่มไม่ได้
เพราะว่าแม่พ่อมีปัญหาเรื่องงานที่ดินโดนโกง หมดตัวเลยครับตอนนั้น
ความจริง
แม่ฝากให้ไปทำงานรับจ้างในร้านอาหารคนที่รู้จักแล้วเพราะว่าต้องการฝึกวินัยและความอดทนให้กับผม และคิดว่าคงเป็นทางให้ผมมีรายได้เสริม
และรู้คุณค่าของเงินมากขึ้น
แต่ผมก็ก่อเรื่องเองครับตอนนั้นอารมณ์ร้อนครับ ไปมีเรื่องวิวาทกับเจ้าถิ่นเข้า
โดนเลิกจ้างและหางานทำเสริมไม่ได้
โดนตราหน้าว่าเป็นเด็กชอบใช้ความรุนแรง แบบดื้อเงียบและก้าวร้าวอำมหิตก็ได้ว่างั้นเลย มองตัวเองจากปัจจุบันตรงนี้
อาหารตอนนั้นไม่มีกิน ไม่มีญาติช่วย พ่อแม่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าเขาก็เจอปัญหาที่หนักมากเรื่องเงินและคดีความในสองปีนั้น



อีก สามวันโดนไล่จากที่พักเพราะว่าค้างค่าเช่านานเกินระยะเวลาที่นัดชำระไว้ ซึ่งเราไม่ทราบมาก่อนว่าครอบครัวเราไม่ได้จ่ายนานขนาดนั้น
เด็ก อายุ 13 ย่าง 14 ตอนนั้น โลกเขว้งมาก
แถมมีไข้ไม่สบาย ไปขอความช่วยเหลือ ก็ได้ความเช่วยเหลือบ้างในเบื้องต้นอาหาร และยา โดยได้หลวงพ่อวัดใกล้โรงเรียนเมตตา
ตอนนั้น มีหลายคนแนะนำว่า ให้หยุดเรียนก่อนไหมถ้าที่บ้านมีปัญหาจริงๆ
แต่ตอนนั้นผมเชื่อว่ายังไงผมต้องกัดฟันเรียนต่อให้จบให้ได้ในชั้นมัธยมต้น ไม่ว่าจะมีปัญหาแบบไหนก็ตาม
มันเป็นความดื้อและความลำบาก

จำได้ว่าตอนนั้น ผมไม่ได้กินข้าวจริงๆมาเกือบ 3 วัน และไม่สบายเกือบสิบวัน อดอยากมาก ช้วงโดนออกจากหอพักใหม่ๆ
ได้เรียนรู้รสชาติอาหารที่เหมือนจะทิ้งทุกอย่างแล้วทานได้ ไม่สนใจเรื่องท้องเสียเลยและตอนนั้นท้องไม่เสียด้วย
ได้เรียนรู้ว่า มาม่า เป็นอาหารชั้นยอด หลังจากไม่ได้กินอะไรร้อนๆ ปรุงใหม่ๆ มาเป็นอาทิตย์
ได้เรียนรู้ว่า หมูชิ้นๆ ผัดใส่ไก่และผักมากๆ ก็อร่อยได้แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ
การปรับตัวตอนนั้นทำให้รู้ว่า
มนุษย์เด็กแบบผมปรับตัวแบบมีอะไรกินกินได้ กินไว้ก่อน ผักบุ้ง กล้วยดิบ อะไรที่ทำแล้วรับใช้ได้เงิน มาจุนเจือทำเลยไม่รีรอ

และช่วงสองปีที่ทรมานแบบนั้นก็ผ่านไปได้ และผมก็ได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น และบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้ตอนนั้นคือ
1. เราต้องมีสติทุกช่วงเวลา
2. ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาในทางที่ถูกได้ หากไม่มีแผนที่ดีและมีเหตุผลมารองรับ
3. การมีวินัยทางการเงินช่วยแก้ไขปัญหาได้จริงๆ ทั้งชีวิตผมในช่วงก่อนหนัานั้น ไม่เคยรู้จักการออม ก่อนอายุ 13 14 เลยครับ
ไม่เคยเห็นตัวอย่าง อันนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดี เรียกว่าผมไม่ใฝ่ดีเองมากกว่า แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมีเรียนรู้การออมและการเงินมา
เข้าใจคุณค่าของเงินมากขึ้น
4. ถ้าเป็นคนเรื่องมาก และหนักไม่เอาเบาไม่สู้คุณอาจจะไม่รอด หรืออดตายจริงๆได้
5. อย่าเอาเหตุผลการเมือง หรือปัจจัยภายนอกมาตัดสินหรือทำให้เราท้อถอยเด็ดขาด ห้ามถอย


นั่นคือประสบการณ์จริงและประสบการณ์ตรงที่ผมได้เรียนรู้มาครับ
ท่านใดมีประสบการณ์ที่คิดว่าอยากเล่า เชิญได้เลยนะครับ ยิ่งคุณที่เป็นพ่อคุณแม่ มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังผมว่ายิ่งเป็นประโยชน์ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่