เรื่องของคุณหมี เรื่อง บ้านฉันอยู่นี่
คุณนัด : เรื่องที่จะมาเล่าให้ฟังวันนี้เนี่ย คุณพ่อเล่าให้ฟัง เกิดขึ้นแถวๆย่านบางพระ แถวไหน ครับพี่
คุณหมี : แถวชลบุรีครับผม อำเภอบางพระ เมื่อซักประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา
ตั้งชื่อมาว่าบ้านฉันอยู่นี่
คุณหมี : ขอเริ่มเรื่องเลยละกันนะครับ คือคุณพ่อผมเนี่ยเวลาจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเนี่ย ผมต้องคอยประติดประต่อเองครับ เพราะว่าคุณพ่อผมเนี่ย เวลาเลาเรื่องจะเล่าไม่ค่อยเคลียร์ ไม่ค่อยจบ แล้วแต่อารมณ์ของเขาอะครับ เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง แล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่มันไทยๆอะครับ
ย้อนไปเมื่อสัก 40-50 ปีก่อนเนี่ย คุณพ่อผม ช่วงนั้นก็อายุประมาณสัก 13-14 วัยกำลังที่ขะเข้าช่วงเป็นวัยหนุ่มอะนะครับ ครอบครัวของท่านในตอนนั้นอะครับ ไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบ คุณพ่อของคุณพ่อผมอีกทีเนี่ย เป็นคนที่ค่อนข้างเมาแล้วชอบอาละวาด ชอบตีลูกๆ ตีลูก ตีน้อง ตีแม่ ตีทั้งหมดอะครับ เวลาทานเหล้ากลับมาเนี่ยจะโดนตลอด จนกระทั้งคุณแม่ของคุณพ่อผมเนี่ย ก็คือคุณแม่เนี่ย เขาทนไม่ไหว ก็พาหนีจากตัวเมืองแปดริ้วเนี่ย มาตายเอาดาบหน้าเอาง่ายๆ ก็มีเงินอยู่ทั้งหมดตอนนั้นอยู่ประมาณ 40 บาท ก็คิดในใจว่าถ้าเงินนี้หมดอยู่ตรงไหนเนี่ย ก็จะอาศัยอยู่ที่จังหวัดนั้น ก็ดั้นด้นมาเรื่อยครับ ก็จะมีคุณย่าผม มีพี่ชาย แล้วก็มีน้องสาวคุณพ่ออีกคนนึง รวมทั้งหมดเป็น 4 คน ก็นั่งรถแดง ตอนนั้นคิดว่าจะมาจันทบุรีครับ เพราะว่าจันทบุรีในสมัยนั้นก็อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้ครับ ปลูกอะไรขายได้ก็น่าจะใช้ชีวิตได้อยู่ง่ายๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆเนี่ย ไปหยุดอยู่ตรงหนองมนครับ เพราะว่าคุณย่าเนี่ยนึกได้ว่ามีคนรู้จักอยู่แถวนี้ ก็มาเฝ้า ในยุคนั้นมันไม่มีโทรศัพท์มือถือหรืออะไรอ่ะครับ ก็ไปตายเอาดาบหน้าจริงๆอ่ะครับ ก็มาเฝ้าอยู่ตลาดหนองมน ก็ปรากฎก็เจอจริงๆครับพี่นัด เจอคนที่รู้จักเนี่ย เขาก็ถามว่าเป็นยังไงมายังไง คุณย่าผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดว่ามีปัญหามา คนๆนี้ผมขอไม่ระบุชื่อนะครับ พี่คนนี้เขาก็บอก เออ งั้นมาเฝ้าสวนให้เขาหน่อย คุณย่าผมก็โอเคเลย ก็ตอบตกลง ก็พาลูกๆกันไป ปรากฏว่าไปถึงเนี่ย ต้องนั่งรถแดงเข้าไปอีกครับ เข้าไปประมาณ 20 กว่ากิโลได้ คุณพ่อผมเล่าให้ฟังว่า มันจะเป็นลักษณะตีนภูเขาอะครับ แล้วพอไปถึงเนี่ย มันจะเป็นสวนมัน สวนป่าอ้อย แล้วก็มีสวนผลไม้แซมอยู่ ส่วนที่พักของคุณพ่อเนี่ย มันไม่ใช่บ้านนะครับพี่นัด
คุณนัด : เป็นกระต๊อบป่ะ
คุณหมี : มันเป็นเพิงลิเกเก่าอะครับ คือมันจะไม่มีกำแพง มันจะไม่มีอะไรเลย เหมือนศาลาใหญ่ๆเท่านั้นเองครับ เวลาจะขับถ่ายก็ต้องถือจอบอันนึง แล้วไปใกล้สวนหน่อย ขุดแล้วก็ทำธุระ ก็คือไม่มีห้องน้ำ ส่วนข้างหลังของเพิงลิเกเนี่ยก็จะเป็นบ่อกรวด ที่เขาจะตักหน้าดินอะไปทำอุตสาหกรรม หรือ พวกปูนอะไรอย่างงี้อะครับ บ่อกรวดเนี่ย พอฤดูฝน มันก็จะมีน้ำขัง คุณพ่อผมบอกว่า ความใหญ่ของบ่อกรวดเนี่ย จะประมาณ 2 สนามฟุตบอลได้อะครับ คือถ้าตกลงไปเนี่ยคือไม่รอด คุณพ่อผมก็โอเคต้องมาอยู่อย่างงี้ แต่ด้วยความที่ว่ายังเด็กอะครับ เลยไม่คิดอะไรมาก คุณย่าก็ปักหลักอยู่ที่นี่ อยู่ใน 2-3 วันแรกไม่มีปัญหาอะไรครับ ตอนกลางคือคุณพ่อผมบอกว่าจะหนาว หนาวมาก มันค่อนข้างที่จะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีเครื่องอำนวยอะไรอะครับ ก็ต้องจุดตะเกียง วันแรกเลยเนี่ย คุณพ่อผมเดินไปอาบน้ำครับ พี่นัดนึกถึงตามชนบทหน่ะครับ เครื่องปั๊มน้ำเขาเนี่ยจะเป็นคันเหล็กโยกอะครับ แล้วเดินไปประมาณ สัก 15 ก้าวเนี่ยก็จะเป็นบ่อน้ำ สำหรับเอาไว้ใช้ในการเกษตรต่างๆ แต่เวลาอาบเนี่ยเขาจะไม่ใช่บ่อน้ำนี้ เขาจะใช้ไอ้ตัวปั๊มน้ำนี่ละครับ ก็ต้องโยกๆๆ โยกเข้าไป แล้วน้ำที่ออกมามันก็ไม่ได้ใสเหมือนน้ำประปาทุกวันนี้อะครับ มันก็จะเป็นน้ำขุ่นๆ
คุณนัด : เพราะว่ามันเป็นน้ำใต้ดินไง มันก็จะมีเศษหิน เศษดินด้วยแหละ
คุณหมี : ใช่ครับ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าในช่วงนั้นใช้ชีวิตลำบากมาก หัวนี่เต็มไปด้วยขี้ดินทั้งนั้นเลย เพราะว่าน้ำมันไม่สะอาด ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้อะครับ ประมาณสัก 5-6 โมงเนี่ย คุณพ่อผมเดินไปอาบน้ำละ จนกระทั่งวันแรกเลยเนี่ย เขาเห็นป้าอยู่คนนึงครับ อายุราวๆสักเกือบจะ 60 เห็นจะได้ ตัวผอมๆครับ นุ่งผ้าถุงสีดำแล้วก็เสื้อสีขาว อยู่ดีๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้อะครับ มานั่งอยู่บนเข่งที่เขาเอาไว้ครอบต้นกล้าอะครับ มานั่งมองคุณพ่อผมอยู่ คุณพ่อผมก็อาบน้ำไป ก็ไม่ได้สนใจอะไรอะครับ แต่คุณป้าคนเนี่ย คุณพ่อผมจำได้ว่าแกยิ้มให้ เวลานั้นก็ประมาณ 5-6 โมงเย็นอะครับ ยังไม่ดึก ตะวันยังไม่ตกดินอะครับ ก็เห็นยังงี้ทุกวันๆ จนมีความคุ้นชิน คุณพ่อผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร อยู่ๆไปครับ ประมาณอาทิตย์ 2 อาทิตย์ คุณย่าผมเนี่ยก็เก็บมันเก็บพืชผักเอาไปขายในตลาด ทีนี้อยู่กันสามคนพี่น้องครับ ในเพิงลิเกเนี่ย คุณพ่อผมก็มาเล่าให้พี่ชายเขาฟังอ่ะครับ พี่ชายของพ่อผมชื่อ พี่แดงครับ ลุงแดง บอกพี่แดง เนี่ย เย็นๆนะเวลาผมไปอาบน้ำนะ ผมจะเห็นป้าคนเนี๊ยะ มายืนมองผมตลอดเลย
คุณนัด : เขาได้บอกลักษณะมั๊ยครับว่าคุณป้าท่านนี้ ลักษณะเป็นยังไง ใบหน้าเป็นยังไง
คุณหมี : ก็มีรอยเหี่ยวย่น ตามประสาคนแก่ทั่วไปอะครับ แต่เขาจะยิ้มตลอดเวลาเลยครับพี่นัด ยิ้มเหมือนเอ็นดูเด็กอะครับ คุณลุงอะครับ พี่ชายของพ่อผมก็บอก เห้ยย เขาชองมีงหรือเปล่า ก็แซวกันเล่นอะไรประมาณนั้นอะครับ คุณพ่อผมก็ผละจากตรงนั้นไป ก็ไปอาบน้ำเหมือนเดิมครับ แล้วคุณย่าก็กลับมา ก็โยกๆๆ แล้วคราวนี้อะครับ แกก็มานั่งบนเข่งนี้อีกครับ ทุกครั้งที่มาเนี่ย คุณพ่อผมไม่ได้สังเกตว่าแกเดินมาจากตรงไหน
คุณนัด : อยู่ดีๆก็มานั่งตรงเข่งนั่นแล้ว
คุณหมี : ก็คือยังไม่ทันสังเกตว่าแกเดินมาจากตรงไหน คุณพ่อผมก็คิดว่าคงเป็นชาวบ้านแถวนี้ละมั้ง เห็นเด็กก็คงจะเอ็นดูเด็กแบบนี้อะครับ พ่อผมก็อาบน้ำอะไรไป คราวนี้แกมาแปลกครับ แกกวักมือเรียก แต่พ่อผมก็เหมือนกึ่งๆจะกล้าก็กลัวอะครับ ก็ส่ายหัวไป ก็บอกไม่ไป ก็อาบน้ำเสร็จก็มาเล่าให้คุณแม่ของคุณพ่อผมฟัง บอกมีป้าคนนี้อ่ะ เขากวักมือเรียก คุณแม่ก็บอกว่าอย่าไปนะ ถ้าไปเนี่ยโดนจับเรียกค่าไถ่ หลอกเด็กกันไป ก็ไม่ได้คิดไรครับ แต่ว่า ในการที่เขาบอกเนี่ย คุณพ่อผมจับน้ำเสียงของคุณยายได้ครับ ว่าเหมือนแกกลัวๆอะไรสักอย่าง เหมือนแกกุมความลับไว้แต่ไม่ได้บอกลูกๆให้ฟัง คืนนั้นเองครับพี่นัด ระหว่างที่แกนอนอยู่เนี่ย ด้วยความที่มันเป็นเพิงลิเกอะครับ มันไม่มีกำแพงเนอะ คุณพ่อผมได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากทางบ่อกรวดอะครับ เดินคุยกันเงี๊ยะ คุณพ่อผมก็ลืมตาขึ้นมาดู ด้วยความที่ว่ามันเป็นไฟตะเกียงอะครับ มันสว่างไม่มากหรอกครับ ก็พยายามเพ่งมอง พอสายตาปรับความมือได้เนี่ย ก็เห็นเป็นผู้ชายสองคนเดินกอดคอกันมา เดินคุยกัน เล่นกัน ตบหัวกัน แต่จะกอดคอกันมาครับ พ่อผมก็มองครับ ก็เห็นว่าสองคนนี้เดินผ่านเพิงลิเกไป หายไปทางสวนทางด้านหลัง คุณพ่อผมก็โอเคอุ่นใจ แถวนี้คงจะมีชาวบ้านเยอะ พอวันถัดมาครับ พ่อผมเนี่ยเขามีหน้าที่ๆจะต้องไปเก็บพวกมะม่วง ลำไย อะไรที่มันพอขายได้เนี่ยต้องไปเก็บ คุณพ่อผมก็ไปเก็บปกตินะครับ ก็เดินลัดทางที่เขาอาบน้ำ เดินไปเก็บตรงสวนตรงอะไรยังงี้อะครับ ระหว่างที่เก็บอยู่เนี่ย เขาไปกับน้องสาวนะครับ น้องสาวตอนนั้นอายุประมาณสัก 10 กว่าขวบได้ ตอนที่เก็บเนี่ย เขาเห็นใครสักคนครับ ขย่มบนต้นไม้ ช่วงนั้นมันประมาณบ่ายสองบ่ายสามอะครับ ขย่มๆๆๆ พ่อผมก็แหงนหน้าขึ้นไปดู ปรากฏว่าเห็นเด็ก ขย่มอยู่บนต้นไม้แล้วก็นั่งกินมะม่วงอะครับ อยู่ประมาณสัก 2-3 คน นั่งกินมะม่วงแล้วก็หัวเราะ คิกๆๆๆ เหมือสุขใจที่ได้แกล้งคุณพ่อผมอะครับ พ่อผมก็แหงนขึ้นไปดูก็เห็นเด็กสามสี่คนเนี่ย แล้วเขาก็ยื่นมะม่วงให้นะครับ แต่เขาไม่พูดไร แต่คุณพ่อผมเล่าให้ฟังว่า ขนาดของเด็กสองสามคนเนี่ย ขนาดเท่าแก้วโอเลี้ยงครับ
คุณนัด : ขนาดไรครับ ขนาดตัวของเด็กเนี่ยนะ เห้ยย ตัวเล็กมากเลยนะ
คุณหมี : แต่ด้วยความที่ตอนนั้นพ่อผมไม่ได้คิดไรอะนะครับ พ่อผมก็ได้แต่สงสัยว่า เห้ยย ทำไมไอ้เด็กพวกนี้มันตัวเล็กจังวะ แล้วเด็กสองสามคนนี้ก็กระโดดจากต้นไม้ต้นนี้ ก็ไปต้นโน้น พ่อคุณเลยว่า หึ้ย กลับบ้านดีกว่า ชักจะไม่ค่อยดีละ แล้วเสียงเด็กหัวเราะก็ตามมาข้างหลัง คิกคักๆๆเหมือนกับมีความสุขได้แกล้งคุณพ่อผม ก็กลับมาก็เล่าให้คุณแม่ฟัง เขาก็บอก เออถ้าเจอไรมาก็เงียบๆไว้เถอะ เราต่างถิ่นมา เราอาศัยเขาอยู่ พอคืนนั้นเองครับ พ่อผมหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายเดินคุยกันมาทางบ่อกรวดอีกแล้ว เดินมาๆ แล้วก็หัวเราะกัน คุยกัน ตบหัวกันเล่น
คุณนัด : ใช่สองคนเดิมนั่นไหมครับ
คุณหมี : ใช่ครับ
คุณนัด : แล้วคุณพ่อได้บอกไหมครับว่าบทสนทนาของสองคนนั้นนะ เขาพูดไรกันมา
Credit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นาทีที่ 16:52https://www.youtube.com/watch?v=POjzXEacKUI
The Shock.....เรื่อง บ้านฉันอยู่นี่
คุณนัด : เรื่องที่จะมาเล่าให้ฟังวันนี้เนี่ย คุณพ่อเล่าให้ฟัง เกิดขึ้นแถวๆย่านบางพระ แถวไหน ครับพี่
คุณหมี : แถวชลบุรีครับผม อำเภอบางพระ เมื่อซักประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา
ตั้งชื่อมาว่าบ้านฉันอยู่นี่
คุณหมี : ขอเริ่มเรื่องเลยละกันนะครับ คือคุณพ่อผมเนี่ยเวลาจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเนี่ย ผมต้องคอยประติดประต่อเองครับ เพราะว่าคุณพ่อผมเนี่ย เวลาเลาเรื่องจะเล่าไม่ค่อยเคลียร์ ไม่ค่อยจบ แล้วแต่อารมณ์ของเขาอะครับ เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง แล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่มันไทยๆอะครับ
ย้อนไปเมื่อสัก 40-50 ปีก่อนเนี่ย คุณพ่อผม ช่วงนั้นก็อายุประมาณสัก 13-14 วัยกำลังที่ขะเข้าช่วงเป็นวัยหนุ่มอะนะครับ ครอบครัวของท่านในตอนนั้นอะครับ ไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบ คุณพ่อของคุณพ่อผมอีกทีเนี่ย เป็นคนที่ค่อนข้างเมาแล้วชอบอาละวาด ชอบตีลูกๆ ตีลูก ตีน้อง ตีแม่ ตีทั้งหมดอะครับ เวลาทานเหล้ากลับมาเนี่ยจะโดนตลอด จนกระทั้งคุณแม่ของคุณพ่อผมเนี่ย ก็คือคุณแม่เนี่ย เขาทนไม่ไหว ก็พาหนีจากตัวเมืองแปดริ้วเนี่ย มาตายเอาดาบหน้าเอาง่ายๆ ก็มีเงินอยู่ทั้งหมดตอนนั้นอยู่ประมาณ 40 บาท ก็คิดในใจว่าถ้าเงินนี้หมดอยู่ตรงไหนเนี่ย ก็จะอาศัยอยู่ที่จังหวัดนั้น ก็ดั้นด้นมาเรื่อยครับ ก็จะมีคุณย่าผม มีพี่ชาย แล้วก็มีน้องสาวคุณพ่ออีกคนนึง รวมทั้งหมดเป็น 4 คน ก็นั่งรถแดง ตอนนั้นคิดว่าจะมาจันทบุรีครับ เพราะว่าจันทบุรีในสมัยนั้นก็อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้ครับ ปลูกอะไรขายได้ก็น่าจะใช้ชีวิตได้อยู่ง่ายๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆเนี่ย ไปหยุดอยู่ตรงหนองมนครับ เพราะว่าคุณย่าเนี่ยนึกได้ว่ามีคนรู้จักอยู่แถวนี้ ก็มาเฝ้า ในยุคนั้นมันไม่มีโทรศัพท์มือถือหรืออะไรอ่ะครับ ก็ไปตายเอาดาบหน้าจริงๆอ่ะครับ ก็มาเฝ้าอยู่ตลาดหนองมน ก็ปรากฎก็เจอจริงๆครับพี่นัด เจอคนที่รู้จักเนี่ย เขาก็ถามว่าเป็นยังไงมายังไง คุณย่าผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดว่ามีปัญหามา คนๆนี้ผมขอไม่ระบุชื่อนะครับ พี่คนนี้เขาก็บอก เออ งั้นมาเฝ้าสวนให้เขาหน่อย คุณย่าผมก็โอเคเลย ก็ตอบตกลง ก็พาลูกๆกันไป ปรากฏว่าไปถึงเนี่ย ต้องนั่งรถแดงเข้าไปอีกครับ เข้าไปประมาณ 20 กว่ากิโลได้ คุณพ่อผมเล่าให้ฟังว่า มันจะเป็นลักษณะตีนภูเขาอะครับ แล้วพอไปถึงเนี่ย มันจะเป็นสวนมัน สวนป่าอ้อย แล้วก็มีสวนผลไม้แซมอยู่ ส่วนที่พักของคุณพ่อเนี่ย มันไม่ใช่บ้านนะครับพี่นัด
คุณนัด : เป็นกระต๊อบป่ะ
คุณหมี : มันเป็นเพิงลิเกเก่าอะครับ คือมันจะไม่มีกำแพง มันจะไม่มีอะไรเลย เหมือนศาลาใหญ่ๆเท่านั้นเองครับ เวลาจะขับถ่ายก็ต้องถือจอบอันนึง แล้วไปใกล้สวนหน่อย ขุดแล้วก็ทำธุระ ก็คือไม่มีห้องน้ำ ส่วนข้างหลังของเพิงลิเกเนี่ยก็จะเป็นบ่อกรวด ที่เขาจะตักหน้าดินอะไปทำอุตสาหกรรม หรือ พวกปูนอะไรอย่างงี้อะครับ บ่อกรวดเนี่ย พอฤดูฝน มันก็จะมีน้ำขัง คุณพ่อผมบอกว่า ความใหญ่ของบ่อกรวดเนี่ย จะประมาณ 2 สนามฟุตบอลได้อะครับ คือถ้าตกลงไปเนี่ยคือไม่รอด คุณพ่อผมก็โอเคต้องมาอยู่อย่างงี้ แต่ด้วยความที่ว่ายังเด็กอะครับ เลยไม่คิดอะไรมาก คุณย่าก็ปักหลักอยู่ที่นี่ อยู่ใน 2-3 วันแรกไม่มีปัญหาอะไรครับ ตอนกลางคือคุณพ่อผมบอกว่าจะหนาว หนาวมาก มันค่อนข้างที่จะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีเครื่องอำนวยอะไรอะครับ ก็ต้องจุดตะเกียง วันแรกเลยเนี่ย คุณพ่อผมเดินไปอาบน้ำครับ พี่นัดนึกถึงตามชนบทหน่ะครับ เครื่องปั๊มน้ำเขาเนี่ยจะเป็นคันเหล็กโยกอะครับ แล้วเดินไปประมาณ สัก 15 ก้าวเนี่ยก็จะเป็นบ่อน้ำ สำหรับเอาไว้ใช้ในการเกษตรต่างๆ แต่เวลาอาบเนี่ยเขาจะไม่ใช่บ่อน้ำนี้ เขาจะใช้ไอ้ตัวปั๊มน้ำนี่ละครับ ก็ต้องโยกๆๆ โยกเข้าไป แล้วน้ำที่ออกมามันก็ไม่ได้ใสเหมือนน้ำประปาทุกวันนี้อะครับ มันก็จะเป็นน้ำขุ่นๆ
คุณนัด : เพราะว่ามันเป็นน้ำใต้ดินไง มันก็จะมีเศษหิน เศษดินด้วยแหละ
คุณหมี : ใช่ครับ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าในช่วงนั้นใช้ชีวิตลำบากมาก หัวนี่เต็มไปด้วยขี้ดินทั้งนั้นเลย เพราะว่าน้ำมันไม่สะอาด ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้อะครับ ประมาณสัก 5-6 โมงเนี่ย คุณพ่อผมเดินไปอาบน้ำละ จนกระทั่งวันแรกเลยเนี่ย เขาเห็นป้าอยู่คนนึงครับ อายุราวๆสักเกือบจะ 60 เห็นจะได้ ตัวผอมๆครับ นุ่งผ้าถุงสีดำแล้วก็เสื้อสีขาว อยู่ดีๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้อะครับ มานั่งอยู่บนเข่งที่เขาเอาไว้ครอบต้นกล้าอะครับ มานั่งมองคุณพ่อผมอยู่ คุณพ่อผมก็อาบน้ำไป ก็ไม่ได้สนใจอะไรอะครับ แต่คุณป้าคนเนี่ย คุณพ่อผมจำได้ว่าแกยิ้มให้ เวลานั้นก็ประมาณ 5-6 โมงเย็นอะครับ ยังไม่ดึก ตะวันยังไม่ตกดินอะครับ ก็เห็นยังงี้ทุกวันๆ จนมีความคุ้นชิน คุณพ่อผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร อยู่ๆไปครับ ประมาณอาทิตย์ 2 อาทิตย์ คุณย่าผมเนี่ยก็เก็บมันเก็บพืชผักเอาไปขายในตลาด ทีนี้อยู่กันสามคนพี่น้องครับ ในเพิงลิเกเนี่ย คุณพ่อผมก็มาเล่าให้พี่ชายเขาฟังอ่ะครับ พี่ชายของพ่อผมชื่อ พี่แดงครับ ลุงแดง บอกพี่แดง เนี่ย เย็นๆนะเวลาผมไปอาบน้ำนะ ผมจะเห็นป้าคนเนี๊ยะ มายืนมองผมตลอดเลย
คุณนัด : เขาได้บอกลักษณะมั๊ยครับว่าคุณป้าท่านนี้ ลักษณะเป็นยังไง ใบหน้าเป็นยังไง
คุณหมี : ก็มีรอยเหี่ยวย่น ตามประสาคนแก่ทั่วไปอะครับ แต่เขาจะยิ้มตลอดเวลาเลยครับพี่นัด ยิ้มเหมือนเอ็นดูเด็กอะครับ คุณลุงอะครับ พี่ชายของพ่อผมก็บอก เห้ยย เขาชองมีงหรือเปล่า ก็แซวกันเล่นอะไรประมาณนั้นอะครับ คุณพ่อผมก็ผละจากตรงนั้นไป ก็ไปอาบน้ำเหมือนเดิมครับ แล้วคุณย่าก็กลับมา ก็โยกๆๆ แล้วคราวนี้อะครับ แกก็มานั่งบนเข่งนี้อีกครับ ทุกครั้งที่มาเนี่ย คุณพ่อผมไม่ได้สังเกตว่าแกเดินมาจากตรงไหน
คุณนัด : อยู่ดีๆก็มานั่งตรงเข่งนั่นแล้ว
คุณหมี : ก็คือยังไม่ทันสังเกตว่าแกเดินมาจากตรงไหน คุณพ่อผมก็คิดว่าคงเป็นชาวบ้านแถวนี้ละมั้ง เห็นเด็กก็คงจะเอ็นดูเด็กแบบนี้อะครับ พ่อผมก็อาบน้ำอะไรไป คราวนี้แกมาแปลกครับ แกกวักมือเรียก แต่พ่อผมก็เหมือนกึ่งๆจะกล้าก็กลัวอะครับ ก็ส่ายหัวไป ก็บอกไม่ไป ก็อาบน้ำเสร็จก็มาเล่าให้คุณแม่ของคุณพ่อผมฟัง บอกมีป้าคนนี้อ่ะ เขากวักมือเรียก คุณแม่ก็บอกว่าอย่าไปนะ ถ้าไปเนี่ยโดนจับเรียกค่าไถ่ หลอกเด็กกันไป ก็ไม่ได้คิดไรครับ แต่ว่า ในการที่เขาบอกเนี่ย คุณพ่อผมจับน้ำเสียงของคุณยายได้ครับ ว่าเหมือนแกกลัวๆอะไรสักอย่าง เหมือนแกกุมความลับไว้แต่ไม่ได้บอกลูกๆให้ฟัง คืนนั้นเองครับพี่นัด ระหว่างที่แกนอนอยู่เนี่ย ด้วยความที่มันเป็นเพิงลิเกอะครับ มันไม่มีกำแพงเนอะ คุณพ่อผมได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากทางบ่อกรวดอะครับ เดินคุยกันเงี๊ยะ คุณพ่อผมก็ลืมตาขึ้นมาดู ด้วยความที่ว่ามันเป็นไฟตะเกียงอะครับ มันสว่างไม่มากหรอกครับ ก็พยายามเพ่งมอง พอสายตาปรับความมือได้เนี่ย ก็เห็นเป็นผู้ชายสองคนเดินกอดคอกันมา เดินคุยกัน เล่นกัน ตบหัวกัน แต่จะกอดคอกันมาครับ พ่อผมก็มองครับ ก็เห็นว่าสองคนนี้เดินผ่านเพิงลิเกไป หายไปทางสวนทางด้านหลัง คุณพ่อผมก็โอเคอุ่นใจ แถวนี้คงจะมีชาวบ้านเยอะ พอวันถัดมาครับ พ่อผมเนี่ยเขามีหน้าที่ๆจะต้องไปเก็บพวกมะม่วง ลำไย อะไรที่มันพอขายได้เนี่ยต้องไปเก็บ คุณพ่อผมก็ไปเก็บปกตินะครับ ก็เดินลัดทางที่เขาอาบน้ำ เดินไปเก็บตรงสวนตรงอะไรยังงี้อะครับ ระหว่างที่เก็บอยู่เนี่ย เขาไปกับน้องสาวนะครับ น้องสาวตอนนั้นอายุประมาณสัก 10 กว่าขวบได้ ตอนที่เก็บเนี่ย เขาเห็นใครสักคนครับ ขย่มบนต้นไม้ ช่วงนั้นมันประมาณบ่ายสองบ่ายสามอะครับ ขย่มๆๆๆ พ่อผมก็แหงนหน้าขึ้นไปดู ปรากฏว่าเห็นเด็ก ขย่มอยู่บนต้นไม้แล้วก็นั่งกินมะม่วงอะครับ อยู่ประมาณสัก 2-3 คน นั่งกินมะม่วงแล้วก็หัวเราะ คิกๆๆๆ เหมือสุขใจที่ได้แกล้งคุณพ่อผมอะครับ พ่อผมก็แหงนขึ้นไปดูก็เห็นเด็กสามสี่คนเนี่ย แล้วเขาก็ยื่นมะม่วงให้นะครับ แต่เขาไม่พูดไร แต่คุณพ่อผมเล่าให้ฟังว่า ขนาดของเด็กสองสามคนเนี่ย ขนาดเท่าแก้วโอเลี้ยงครับ
คุณนัด : ขนาดไรครับ ขนาดตัวของเด็กเนี่ยนะ เห้ยย ตัวเล็กมากเลยนะ
คุณหมี : แต่ด้วยความที่ตอนนั้นพ่อผมไม่ได้คิดไรอะนะครับ พ่อผมก็ได้แต่สงสัยว่า เห้ยย ทำไมไอ้เด็กพวกนี้มันตัวเล็กจังวะ แล้วเด็กสองสามคนนี้ก็กระโดดจากต้นไม้ต้นนี้ ก็ไปต้นโน้น พ่อคุณเลยว่า หึ้ย กลับบ้านดีกว่า ชักจะไม่ค่อยดีละ แล้วเสียงเด็กหัวเราะก็ตามมาข้างหลัง คิกคักๆๆเหมือนกับมีความสุขได้แกล้งคุณพ่อผม ก็กลับมาก็เล่าให้คุณแม่ฟัง เขาก็บอก เออถ้าเจอไรมาก็เงียบๆไว้เถอะ เราต่างถิ่นมา เราอาศัยเขาอยู่ พอคืนนั้นเองครับ พ่อผมหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายเดินคุยกันมาทางบ่อกรวดอีกแล้ว เดินมาๆ แล้วก็หัวเราะกัน คุยกัน ตบหัวกันเล่น
คุณนัด : ใช่สองคนเดิมนั่นไหมครับ
คุณหมี : ใช่ครับ
คุณนัด : แล้วคุณพ่อได้บอกไหมครับว่าบทสนทนาของสองคนนั้นนะ เขาพูดไรกันมา
Credit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้