เมื่อผมต้องเป็นเกษตรกรจำเปน ตอน 9 ผมได้ย่างเท้าออกมาเดินก้าวแรกแล้วนะครับ

ขอโทษ หายไปซะหลายวัน เพิ่งกลับจากจันท์ ไปดูสวนมาครับ


เวลาผ่านไปเหมือนโกหก ใครพูดก็ไม่รู้ แต่คงไม่ใช่ผมแน่ เข้าใจว่ามาจากหนังจีนกำลังภายในมากกว่า


เป็นเวลาเกือบ 7 เดือน ตั้งแต่เริ่มซื้อสวนเงาะ เมื่อต้นเดือน กันยายน 2014 มาถึง ปลายเดือน
เมษายน 2015 จนกระทั่งเริ่มปลูกทุเรียน 400 ต้น เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2015 หรือ 1515
ผมคิดว่าภาระกิจในการเปลี่ยนจากสวนเงาะมาเป็นสวนทุเรียนอย่างเต็มรูปแบบได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของผม หรือจะพูดใหม่ให้สวยหรูก็คือ ผมได้ออกมาเดินก้าวแรกแล้วนะครับ


ก้าวแรกถ้าเราได้เริ่มต้น ก้าวต่อไปก็ง่ายขึ้น  (คนคงจะหลอกเราให้เดินต่อไป)


ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเดือนแรกเป็นช่วงวิกฤต ว่าต้นทุเรียนจะตายมั้ย ผมต้องพึ่งพา
ระบบรดน้ำเป็นอย่างมาก และมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เพราะมันทำงานได้อย่างซื่อสัตย์เที่ยงตรง
ฝนจะตก แดดจะออก ก็ไม่เคยบ่น ทีแรกชาวบ้านแถวนั้นยังไม่รู้งงกันใหญ่ เพราะที่สวนไม่มีคนนอนเฝ้า
ถึงเวลาที่ตั้งไว้ ระบบน้ำก็ทำงานรดต้นทุเรียน ไม่เคยขาด จนเขาหาว่าเจ้าของบ้า ฝนตกก็ยังรดน้ำอีก
(ตอนนั้นยังไม่ได้ติดตั้งเซนเซอร์น้ำฝน) เดือนแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ผมนี้ยิ้มได้เลย ที่ยิ้มได้นี่เพราะ
เพื่อนผมชมว่าระบบรดน้ำของพี่เยี่ยมเลย และอีกอย่างต้นทุเรียนก็ไม่ตายแล้ว


ประมาณปลายๆเดือนพฤษาคม ก็ต้องมาถอดปั๊มมอเตอร์ออกทั้ง 2 ตัว เพราะฝนตกชุกทุกวัน และน้ำที่คลอง
ขึ้นมาเร็วมาก บางวันน้ำท่วมฐานที่ติดตั้งมอเตอร์เลย น้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวมากจริงๆ ในช่วงหน้าฝนที่สวน
ทุเรียนโตขึ้นมากอย่างผิดหูผิดตา แตกใบอ่อนเต็มไปหมด (ชาวสวนเขาเรียกว่า รัดใบดี) เพื่อนผมบอกกับผม
ว่า “ ทุเรียนที่สวนพี่ มันรัดใบดีจัง ไม่ได้มาใส่ปุ๋ยเลย ใบยังเขียวปี๋เลย ถ้าใส่ปุ๋ยเป็นประจำ น่าจะโตกว่านี้แยะ
ดินที่สวนนี้ ดีมากจริงๆเลย ยิ่งถ้ารากมันเดินแล้วจะยิ่งโตมากกว่านี้”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่