ที่มา :
http://imgads.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000088197
กสทช.ชี้สาวโวยดีแทค ไม่ได้เปิดแค่ 2 เบอร์ แต่ยังถูกเปิดอีก 6 เบอร์ของค่ายเอไอเอส และทรูด้วย ยอมรับเรื่องอยู่ในชั้นศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่าย ดีแทค และผู้เสียหายยันข้อมูลแต่ละฝ่าย ชี้ต้องให้ศาลตัดสินดีที่สุด
วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เชิญ นายนฤพล รัตนสมาหาร ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และ น.ส.จงจิตร อยู่ไพร ผู้เสียหายกรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร มีหมายแจ้งว่า ค้างชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด 2 เลขหมาย เป็นจำนวนเงินรวม438,853.85บาท โดยใช้เวลาสอบถามข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่ายประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเวลาประมาณ 11.20 น. นายฐากร นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม พร้อมด้วย น.ส.จงจิตร นายนฤพล และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพร้อมกัน
นายฐากร กล่าวว่า จากการสอบถามเรื่องราวของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็พยายามหาทางออกเพื่อไกล่เกลี่ยร่วมกันแล้ว แต่เมื่อลงรายละเอียดแล้วก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ซึ่งในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ศาลจังหวัดมุกดาหาร จะนัดไต่สวนนัดแรก กสทช.จึงไม่อยากก้าวล่วง ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล โดยข้อมูลของผู้เสียหายนั้นเธอยืนยันว่า ไม่ได้เปิดใช้งาน ซึ่งนอกจากเบอร์ของค่ายดีแทค จำนวน 2 เลขหมายแล้ว เธอยังถูกผู้อื่นแอบอ้างเปิดเบอร์กับอีก 2 ค่าย จำนวนอีก 6 หมายเลขด้วย คือ จาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส จำนวน 2 เลขหมาย จำนวนเงินประมาณ 27,000 บาท แต่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะทางเอไอเอสตรวจสอบลายเซ็นแล้วเรื่องจึงยุติ และจากบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 4 เลขหมาย
ด้าน น.ส.จงจิตร กล่าวว่า ไม่เคยเปิดใช้หมายเลขโทรศัพท์ทั้ง 2 หมายเลข และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการใช้บริการแต่อย่างใด การที่ดีแทคกล่าวอ้างว่าตนเองไปเปิดใช้บริการที่สาขาในเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2557 ก็อยากดูกล้องวงจรปิดว่าเป็นความจริงหรือไม่ ทั้งนี้ บัตรประชาชนตัวจริงอยู่กับตัวตลอดเวลาไม่เคยทำหาย แต่ยอมรับว่าได้ให้สำเนาบัตรประชาชนตอนสมัครงานกับบริษัทที่ไปทำที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ก็มีการลงนามลายมือชื่อถูกต้องทุกครั้ง ซึ่งลายมือชื่อที่เปิดเบอร์กับดีแทคไม่ใช่ลายเซ็นของตนเอง การที่ดีแทคกล่าวอ้างว่าตนไปเปิดใช้บริการที่สาขาในเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2557 ก็อยากดูกล้องวงจรปิดว่าเป็นความจริงหรือไม่ ส่วนเบอร์ของทรู อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเพราะในขณะนี้ทราบค่าใช้ จ่ายเพียงเบอร์เดียวประมาณหมื่นกว่าบาท
ขณะที่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า น.ส.จงจิตร ยืนยันว่าไม่ได้มีการเปิดใช้บริการหมายเลขโทรศัพท์ ส่วนตัวยังติดใจที่ 2 หมายเลขที่เปิดใช้บริการกับดีแทคระบุว่า มียอดรวมวงเงินทั้ง 2 หมายเลขอยู่ที่ 5,200 บาท (หมายเลขละ 2,600 บาท) เหตุใดจึงมีค่าบริการถึง 438,853.85บาท เรื่องนี้อยากให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เนื่องจากผู้เสียหายทำงานอยู่ในต่างประเทศหากเดินทางมาเข้าสู่กระบวนการหลายครั้งอาจกระทบต่อการทำงาน จึงขอยื่นข้อเสนอให้พิสูจน์ลายมือชื่อที่ลงนามไว้ในการเปิดใช้บริการ ซึ่งหากไม่ใช่ลายมือชื่อจริงย่อมจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของผู้เสียหาย ผู้เสียหายยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยินดีที่พิสูจน์ หากพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นลายมือชื่อ น.ส.จงจิตร จริง น.ส.จงจิตร ยินดีรับผิดชอบค่าบริการ จำนวน 438,853.85 บาท แต่หากไม่ผิด ดีแทคจะรับผิดชอบอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเบอร์ทั้ง 8 หมายเลขในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ด้าน นายนฤพล ตัวแทนจากดีแทค กล่าวว่า วงเงิน 2,600 บาท เป็นวงเงินที่ใช้บริการในประเทศ เมื่อเกินวงเงินจะมีการส่งข้อความสั้นแจ้งแก่ผู้ใช้บริการเป็นระยะๆ เมื่อแจ้งไปแล้วผู้ที่อ้างว่าเป็น น.ส.จงจิตร ยืนยันว่าจะใช้งานต่อจึงให้บริการต่อไป ดีแทคเชื่อว่ากระบวนการในชั้นศาลเป็นกระบวนการพิสูจน์ความจริงได้อย่างดีที่สุด ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าหลักฐานการโต้ตอบทางโทรศัพท์เป็น น.ส.จงจิตร หรือไม่ ดังนั้น การตรวจสอบโดยศาลจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ หากพบว่ามีการแอบอ้างใช้ กสทช.และผู้ให้บริการจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง ดีแทคเข้าใจความรู้สึกของ น.ส.จงจิตร เป็นอย่างดี พยายามหาทางออกให้ได้ข้อยุติโดยเร็วโดยจะให้ความช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ดีแทคไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเดือดร้อนเสียหาย
*** ดีแทคชี้แจงรายละเอียด
ทั้งนี้ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ขอชี้แจงตามรายละเอียด ดังนี้
1.กรณีที่ลูกค้าอ้างว่าไม่เคยจดทะเบียนเปิดเบอร์กับ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด นั้น บริษัทฯ พบว่ามีหลักฐานยืนยันว่าลูกค้ามาจดทะเบียนจริง ทั้ง 2 เลขหมาย คือ 09-4994-5529 และ 09-4994-5592 โดยใช้หลักฐานเป็นบัตรประชาชนในการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ที่สำนักงานดีแทค เดอะมอลล์ บางกะปิ เจ้าหน้าที่ดีแทคได้ทำการจดทะเบียนถูกต้องตามกระบวนการขั้นตอนของบริษัทฯ โดยขอยืนยันว่า ผู้มาเปิดใช้บริการได้นำบัตรประชาชนตัวจริงมายื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอจดทะเบียนเบอร์ดังกล่าว
2.สำหรับค่าใช้จ่ายที่ถูกเรียกเก็บตามที่กล่าวอ้างนั้น จากการตรวจสอบบันทึกการใช้งานทั้ง 2 เลขหมาย ซึ่งลูกค้าเป็นผู้จดทะเบียนเปิดบริการนั้น พบว่า เป็นค่าใช้จ่ายจากการใช้งานบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (โรมมิ่ง) ในประเทศฟิลิปปินส์ และการติดต่อกลับมาประเทศไทย โดยมีการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนในการใช้งานที่เกิดขึ้นตามหลักฐานเจ้าของหมายเลขตามปกติ ทั้งนี้ในขณะที่ลูกค้ากำลังมีการใช้งานโรมมิ่งนั้น บริษัทฯ ตรวจพบในชั้นแรกว่า มีค่าบริการที่สูงเกิดขึ้นจากการใช้งานทั้ง 2 เลขหมาย ประมาณ 40,000 บาท บริษัทฯ จึงได้ติดต่อแจ้งเตือนไปยังลูกค้าเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับอัตราค่าบริการ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ หากบริษัทฯ พบว่ามีการใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูงต่อเนื่อง แต่ลูกค้ายืนยันที่จะขอใช้บริการโรมมิ่งต่อไป โดยไม่ต้องการให้บริษัทฯ ทำการระงับบริการ โดยลูกค้าแจ้งว่าอยู่ต่างประเทศ และรับทราบค่าบริการและค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะจำเป็นต้องใช้งาน
3.ลูกค้าได้มีการใช้งานต่อเนื่อง และรับทราบวิธีการเปิด-ปิด ระงับสัญญาณโรมมิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านมือถือที่ใช้งาน โดยลูกค้ามีพฤติกรรมเปิด-ปิดระงับสัญญาณโรมมิ่งด้วยตนเองอีกหลายครั้ง และมีการใช้งานเลขหมายดังกล่าวจนมีค่าบริการเพิ่มถึงประมาณ 4 แสนบาท บริษัทฯ จึงทำการระงับบริการ ต่อมา ลูกค้าได้ติดต่อมาแจ้งว่าจะขอชำระค่าบริการทั้งหมดในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2557
4.อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ ซึ่งลูกค้าได้ปฏิเสธการชำระหนี้มาโดยตลอด บริษัทฯ จึงดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2559 และศาลได้กำหนดนัดวันสืบพยานในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2559 ที่จะถึงนี้
จบกันที่ศาล “กสทช.” ชี้ สาวโวยดีแทคไม่ได้เปิดแค่ 2 เบอร์
กสทช.ชี้สาวโวยดีแทค ไม่ได้เปิดแค่ 2 เบอร์ แต่ยังถูกเปิดอีก 6 เบอร์ของค่ายเอไอเอส และทรูด้วย ยอมรับเรื่องอยู่ในชั้นศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่าย ดีแทค และผู้เสียหายยันข้อมูลแต่ละฝ่าย ชี้ต้องให้ศาลตัดสินดีที่สุด
วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เชิญ นายนฤพล รัตนสมาหาร ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และ น.ส.จงจิตร อยู่ไพร ผู้เสียหายกรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร มีหมายแจ้งว่า ค้างชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด 2 เลขหมาย เป็นจำนวนเงินรวม438,853.85บาท โดยใช้เวลาสอบถามข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่ายประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเวลาประมาณ 11.20 น. นายฐากร นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม พร้อมด้วย น.ส.จงจิตร นายนฤพล และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพร้อมกัน
นายฐากร กล่าวว่า จากการสอบถามเรื่องราวของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็พยายามหาทางออกเพื่อไกล่เกลี่ยร่วมกันแล้ว แต่เมื่อลงรายละเอียดแล้วก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ซึ่งในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ศาลจังหวัดมุกดาหาร จะนัดไต่สวนนัดแรก กสทช.จึงไม่อยากก้าวล่วง ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล โดยข้อมูลของผู้เสียหายนั้นเธอยืนยันว่า ไม่ได้เปิดใช้งาน ซึ่งนอกจากเบอร์ของค่ายดีแทค จำนวน 2 เลขหมายแล้ว เธอยังถูกผู้อื่นแอบอ้างเปิดเบอร์กับอีก 2 ค่าย จำนวนอีก 6 หมายเลขด้วย คือ จาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส จำนวน 2 เลขหมาย จำนวนเงินประมาณ 27,000 บาท แต่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะทางเอไอเอสตรวจสอบลายเซ็นแล้วเรื่องจึงยุติ และจากบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 4 เลขหมาย
ด้าน น.ส.จงจิตร กล่าวว่า ไม่เคยเปิดใช้หมายเลขโทรศัพท์ทั้ง 2 หมายเลข และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการใช้บริการแต่อย่างใด การที่ดีแทคกล่าวอ้างว่าตนเองไปเปิดใช้บริการที่สาขาในเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2557 ก็อยากดูกล้องวงจรปิดว่าเป็นความจริงหรือไม่ ทั้งนี้ บัตรประชาชนตัวจริงอยู่กับตัวตลอดเวลาไม่เคยทำหาย แต่ยอมรับว่าได้ให้สำเนาบัตรประชาชนตอนสมัครงานกับบริษัทที่ไปทำที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ก็มีการลงนามลายมือชื่อถูกต้องทุกครั้ง ซึ่งลายมือชื่อที่เปิดเบอร์กับดีแทคไม่ใช่ลายเซ็นของตนเอง การที่ดีแทคกล่าวอ้างว่าตนไปเปิดใช้บริการที่สาขาในเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2557 ก็อยากดูกล้องวงจรปิดว่าเป็นความจริงหรือไม่ ส่วนเบอร์ของทรู อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเพราะในขณะนี้ทราบค่าใช้ จ่ายเพียงเบอร์เดียวประมาณหมื่นกว่าบาท
ขณะที่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า น.ส.จงจิตร ยืนยันว่าไม่ได้มีการเปิดใช้บริการหมายเลขโทรศัพท์ ส่วนตัวยังติดใจที่ 2 หมายเลขที่เปิดใช้บริการกับดีแทคระบุว่า มียอดรวมวงเงินทั้ง 2 หมายเลขอยู่ที่ 5,200 บาท (หมายเลขละ 2,600 บาท) เหตุใดจึงมีค่าบริการถึง 438,853.85บาท เรื่องนี้อยากให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เนื่องจากผู้เสียหายทำงานอยู่ในต่างประเทศหากเดินทางมาเข้าสู่กระบวนการหลายครั้งอาจกระทบต่อการทำงาน จึงขอยื่นข้อเสนอให้พิสูจน์ลายมือชื่อที่ลงนามไว้ในการเปิดใช้บริการ ซึ่งหากไม่ใช่ลายมือชื่อจริงย่อมจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของผู้เสียหาย ผู้เสียหายยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยินดีที่พิสูจน์ หากพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นลายมือชื่อ น.ส.จงจิตร จริง น.ส.จงจิตร ยินดีรับผิดชอบค่าบริการ จำนวน 438,853.85 บาท แต่หากไม่ผิด ดีแทคจะรับผิดชอบอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเบอร์ทั้ง 8 หมายเลขในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ด้าน นายนฤพล ตัวแทนจากดีแทค กล่าวว่า วงเงิน 2,600 บาท เป็นวงเงินที่ใช้บริการในประเทศ เมื่อเกินวงเงินจะมีการส่งข้อความสั้นแจ้งแก่ผู้ใช้บริการเป็นระยะๆ เมื่อแจ้งไปแล้วผู้ที่อ้างว่าเป็น น.ส.จงจิตร ยืนยันว่าจะใช้งานต่อจึงให้บริการต่อไป ดีแทคเชื่อว่ากระบวนการในชั้นศาลเป็นกระบวนการพิสูจน์ความจริงได้อย่างดีที่สุด ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าหลักฐานการโต้ตอบทางโทรศัพท์เป็น น.ส.จงจิตร หรือไม่ ดังนั้น การตรวจสอบโดยศาลจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ หากพบว่ามีการแอบอ้างใช้ กสทช.และผู้ให้บริการจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง ดีแทคเข้าใจความรู้สึกของ น.ส.จงจิตร เป็นอย่างดี พยายามหาทางออกให้ได้ข้อยุติโดยเร็วโดยจะให้ความช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ดีแทคไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเดือดร้อนเสียหาย
*** ดีแทคชี้แจงรายละเอียด
ทั้งนี้ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ขอชี้แจงตามรายละเอียด ดังนี้
1.กรณีที่ลูกค้าอ้างว่าไม่เคยจดทะเบียนเปิดเบอร์กับ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด นั้น บริษัทฯ พบว่ามีหลักฐานยืนยันว่าลูกค้ามาจดทะเบียนจริง ทั้ง 2 เลขหมาย คือ 09-4994-5529 และ 09-4994-5592 โดยใช้หลักฐานเป็นบัตรประชาชนในการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ที่สำนักงานดีแทค เดอะมอลล์ บางกะปิ เจ้าหน้าที่ดีแทคได้ทำการจดทะเบียนถูกต้องตามกระบวนการขั้นตอนของบริษัทฯ โดยขอยืนยันว่า ผู้มาเปิดใช้บริการได้นำบัตรประชาชนตัวจริงมายื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอจดทะเบียนเบอร์ดังกล่าว
2.สำหรับค่าใช้จ่ายที่ถูกเรียกเก็บตามที่กล่าวอ้างนั้น จากการตรวจสอบบันทึกการใช้งานทั้ง 2 เลขหมาย ซึ่งลูกค้าเป็นผู้จดทะเบียนเปิดบริการนั้น พบว่า เป็นค่าใช้จ่ายจากการใช้งานบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (โรมมิ่ง) ในประเทศฟิลิปปินส์ และการติดต่อกลับมาประเทศไทย โดยมีการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนในการใช้งานที่เกิดขึ้นตามหลักฐานเจ้าของหมายเลขตามปกติ ทั้งนี้ในขณะที่ลูกค้ากำลังมีการใช้งานโรมมิ่งนั้น บริษัทฯ ตรวจพบในชั้นแรกว่า มีค่าบริการที่สูงเกิดขึ้นจากการใช้งานทั้ง 2 เลขหมาย ประมาณ 40,000 บาท บริษัทฯ จึงได้ติดต่อแจ้งเตือนไปยังลูกค้าเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับอัตราค่าบริการ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ หากบริษัทฯ พบว่ามีการใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูงต่อเนื่อง แต่ลูกค้ายืนยันที่จะขอใช้บริการโรมมิ่งต่อไป โดยไม่ต้องการให้บริษัทฯ ทำการระงับบริการ โดยลูกค้าแจ้งว่าอยู่ต่างประเทศ และรับทราบค่าบริการและค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะจำเป็นต้องใช้งาน
3.ลูกค้าได้มีการใช้งานต่อเนื่อง และรับทราบวิธีการเปิด-ปิด ระงับสัญญาณโรมมิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านมือถือที่ใช้งาน โดยลูกค้ามีพฤติกรรมเปิด-ปิดระงับสัญญาณโรมมิ่งด้วยตนเองอีกหลายครั้ง และมีการใช้งานเลขหมายดังกล่าวจนมีค่าบริการเพิ่มถึงประมาณ 4 แสนบาท บริษัทฯ จึงทำการระงับบริการ ต่อมา ลูกค้าได้ติดต่อมาแจ้งว่าจะขอชำระค่าบริการทั้งหมดในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2557
4.อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ ซึ่งลูกค้าได้ปฏิเสธการชำระหนี้มาโดยตลอด บริษัทฯ จึงดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2559 และศาลได้กำหนดนัดวันสืบพยานในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2559 ที่จะถึงนี้