ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีแรงบันดาลใจในการเขียนกระทู้ที่นี่ เพราะอยากแชร์ประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน
ปกติเราเป็นคนทำขนมปัง กับพวกเบเกอรี่ มีร้านประจำซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์เบเกอร์รี่ แถวพาหุรัด ร้านนี้มี 2 สาขา ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
แต่เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 59 ร้านประจำนี้ดันปิดทั้งสองสาขา คนเลยแห่กันไปซื้อของอีกร้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน ชื่อร้านนี้ ขึ้นต้นด้วย ข.
เราก็เข้าไปซื้อแปรงทาขนม จ่ายเงินเรียบร้อยไม่มีอะไร อ๋อ เจ้าของร้านก็เป็นคุณป้า หรือจะเรียกอาซิ่มก็ได้ มีลูกสาวที่โตแล้ว มาช่วยขาย ลูกสาวดูเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ หน้าตา ผิวพรรณดี ร้านนี้ก็มีลูกน้องช่วยขายของเยอะ
ประเด็นของกระทู้นี้อยู่ที่ลูกสาวอาซิ่มนี่แหละค่ะ พอเราซื้อแปรงทาขนมเสร็จ ก็เดินออกจากร้าน พอดีเห็นหน้าร้านมีวางขายลูกเกด ก็ถามราคากับลูกจ้างที่ร้าน โอเคโลละ 130 บาท เราก็หยิบลูกเกด เดินไปจ่ายเงินในร้านกับเจ้าของ ร้านนี้แคบมาก แต่จะมีโต๊ะเก็บเงินอยู่กลางร้าน ข้างเสา (ใครเคยไปคงนึกภาพออก) ยัยลูกสาวก็ยืนอยู่ตรงโต๊ะเก็บเงินนี้แหละ ระหว่างนี้ลูกค้าในร้านเยอะมาก (เพราะอีกร้านปิดนั่นเอง ร้านนี้เลยขายดีไปเลย) เราก็วางเงิน 130 บาทบนโต๊ะลิ้นชักเก็บเงินนี้ ลูกน้องเค้าก็หยิบถุงมาให้เรา เราก็บอกว่า มาเดี๋ยวพี่ใส่เอง เพราะลูกน้องก็ติดลูกค้าคนอื่น
ระหว่างนั้นลูกน้องก็จะหยิบเงินบนโต๊ะที่เราวางไว้ 130 บาทให้ยัยลูกสาวเจ้าของร้าน แต่ยัยลูกสาวบอกว่าไม่ต้อง แวบแรกเราคิดในใจว่าเค้าคงกลัวลูกน้องหยิบเงินไปเอง อะไรประมาณนี้ เราใส่ถุงเสร็จก็หันหลังกลับ เดินไปไม่ถึงสองก้าว ยัยลูกสาวเรียกเรากลับไป ให้หยิบเงินบนโต๊ะ 130 บาท ใส่ในถาดพลาสติกเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ซึ่งวางอยู่ใกล้ตัวยัยลูกสาวมาก เรียกว่าวางอยู่ตรงพุงยัยนั่นเลยล่ะ
เราก็งง แต่ก็เดินกลับไปหยิบเงินใส่ในถาดให้เค้านะ พร้อมกับถามว่า ถูกต้องแล้วใช่มั้ยคะ ยัยลูกสาวเจ้าของร้าน ไม่มองหน้าเรา แต่กลับพูดเสียงดังมากๆแบบตะคอกว่า "เออ!" ขอบอกว่าเสียงดังมากๆๆๆๆๆ เราตกใจ เลยพูดว่า อะไรกันทำไมต้องเสียงดัง ยัยลูกสาวคนนี้ทำไงรู้มั้ยคะ มันกระชากถุงลูกเกดจากมือเราไป พร้อมหยิบเงิน 130 บาทจากในถาดออกมาโยนบนโต๊ะ แบบว่ากูไม่ขายแล้ว เอาเงินคืนไปเลย เราก็ตกใจหนักเข้าไปอีก เราพูดว่า อะไร มาซื้อของดีๆ มันก็บอกแบบตะโกนเสียงดังลั่นร้านอีกว่า "ไม่ชอบให้เอาเงินวางบนโต๊ะ!!!!!!"
งงมั้ยคะคุณ เราเลยบอกว่า ไม่บอกแล้วใครจะไปรู้ล่ะ (คิดตอนหลังว่าสงสัยอยากทำแบบที่ญี่ปุ่น ที่มีถาดใส่เงินบนแคชเชียร์ แต่ที่ปุ่นยังเขียนภ.อังกฤษบนถาดนะ แบบว่าให้วางเงินในนี้ แต่นี่อะไร ร้านขายของธรรมดา ป้ายอะไรก็ไม่ติด แล้วร้านขายของแบบนี้ ก็แบบซื้อมาขายไปอย่างรวดเร็วด้วยเงินสด) ลูกค้าวางเงินให้บนโต๊ะผิดตรงไหน และยังมาโมโหใส่ลูกค้าที่มาซื้อของ กระชากของกลับ โยนเงินคืน ตอนนั้นลูกค้าที่เต็มร้านคงมองเราว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็พูดว่า ทุกคนดูนะคะ มาซื้อของดีๆ แต่เจอแบบนี้ เราโกรธและงงมากๆๆๆๆ ที่สุดในโลก ตอนหลังคนที่เป็นแม่เดินมาจากหลังร้าน แล้วก็พูดว่าอะไรกันๆ แต่พูดเสียงธรรมดา และไม่มีการเคลียร์อะไรใดๆ ให้ทั้งสิ้น ไม่มีแม้คำขอโทษ ณ ตอนนั้น (ถ้าอยากให้วางเงินใส่ถาดจริงๆ ก็ยื่นถาดมารับเงินสิ ไม่บอกแล้วใครจะไปรู้)
เราก็เดินออกมาถ่ายรูปหน้าร้านไว้ แต่ขอไม่โพสต์รูปนะคะ เชื่อว่าใครเคยไปแถวนั้น คงรู้จักร้านนี้ดี เปิดมานานหลายสิบปีแล้ว เจ้าของที่เป็นแม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ยัยลูกสาวนี่สิ แรงส์มากๆ
เรากลับบ้านมาเล่าให้แฟนฟัง แฟนไปที่ร้านเลยค่ะ ไปถามว่ามาตะคอกแฟนผมทำไม เค้ามาซื้อของดีๆ มันบอกว่าไม่ชอบให้วางเงินบนโต๊ะ (มันบ้าป่าววะ) แฟนเราถามกลับว่าแล้วคุณมีป้ายบอกมั้ย แล้วเค้าโกงคุณรึเปล่า คุณถึงไปตะคอกเค้าน่ะ มันก็บอกว่าป่าวไม่ได้โกง แฟนเราพูดต่อ ว่าผมก็ค้าขายเหมือนกัน ลูกค้าเอาเงินมาให้ครบนี่ก็ดีใจแล้ว ไม่กี่สิบบาทก็ต้องขอบคุณลูกค้า นี่คุณขายของยังไง มีสติดีรึเปล่า มาขายของใช้อารมณ์กับลูกค้าแบบนี้ มันบอกต่อว่า "เสียความรู้สึก" (ที่เราวางเงินบนโต๊ะ) จนตอนหลังแม่เค้าเดินมายกมือไหว้แฟนเรา และขอโทษๆ แฟนเราเห็นแก่คนแก่ เลยยอมยุติแค่นั้น แต่นังเจ้าตัวลูกสาว ไม่พูดแม้แต่คำขอโทษ คิดว่า ณ เวลานั้น คนในร้านคงหยุดการเคลื่อนไหว มองกันเป็นตาเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องราวเป็นแบบนี้ค่ะ เราไม่รู้ว่าเคยมีใครเจอรึเปล่า แต่เราคิดว่าลูกสาวเค้าไม่ธรรมดา คงต้องเคยมีปรี๊ดแตกกับลูกค้าคนอื่นมาบ้างล่ะ ที่แฟนเราไปที่ร้าน เพราะอยากให้เค้ารู้สึกว่า ไม่ควรมาทำแบบนี้กับลูกค้าที่มาซื้อของ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้ขโมย ไม่ได้โกงเงิน และเค้าจะได้รู้สึกว่าทำไปแล้ว เค้าจะต้องโดนแบบนี้บ้าง และกรุณาอย่าทำกับลูกค้าคนอื่นอีก เราคนนึงล่ะ ขอไม่ซื้อของร้านนี้อีกต่อไป ยอมซื้อร้านอื่นแม้ราคาจะสูงกว่า แต่ศักดิ์ศรีคนเรามันซื้อไม่ได้ค่ะ เล่นตะคอกใส่เสียงดังมาก กระชากของในมือ โยนเงินคืนมาให้ รับไม่ได้จริงๆ ยังงงอยู่ว่านางเป็นอะไร
ประสบการณ์แย่ๆ จากร้านอุปกรณ์เบเกอรี่เก่าแก่ ย่านพาหุรัด
ปกติเราเป็นคนทำขนมปัง กับพวกเบเกอรี่ มีร้านประจำซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์เบเกอร์รี่ แถวพาหุรัด ร้านนี้มี 2 สาขา ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
แต่เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 59 ร้านประจำนี้ดันปิดทั้งสองสาขา คนเลยแห่กันไปซื้อของอีกร้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน ชื่อร้านนี้ ขึ้นต้นด้วย ข.
เราก็เข้าไปซื้อแปรงทาขนม จ่ายเงินเรียบร้อยไม่มีอะไร อ๋อ เจ้าของร้านก็เป็นคุณป้า หรือจะเรียกอาซิ่มก็ได้ มีลูกสาวที่โตแล้ว มาช่วยขาย ลูกสาวดูเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ หน้าตา ผิวพรรณดี ร้านนี้ก็มีลูกน้องช่วยขายของเยอะ
ประเด็นของกระทู้นี้อยู่ที่ลูกสาวอาซิ่มนี่แหละค่ะ พอเราซื้อแปรงทาขนมเสร็จ ก็เดินออกจากร้าน พอดีเห็นหน้าร้านมีวางขายลูกเกด ก็ถามราคากับลูกจ้างที่ร้าน โอเคโลละ 130 บาท เราก็หยิบลูกเกด เดินไปจ่ายเงินในร้านกับเจ้าของ ร้านนี้แคบมาก แต่จะมีโต๊ะเก็บเงินอยู่กลางร้าน ข้างเสา (ใครเคยไปคงนึกภาพออก) ยัยลูกสาวก็ยืนอยู่ตรงโต๊ะเก็บเงินนี้แหละ ระหว่างนี้ลูกค้าในร้านเยอะมาก (เพราะอีกร้านปิดนั่นเอง ร้านนี้เลยขายดีไปเลย) เราก็วางเงิน 130 บาทบนโต๊ะลิ้นชักเก็บเงินนี้ ลูกน้องเค้าก็หยิบถุงมาให้เรา เราก็บอกว่า มาเดี๋ยวพี่ใส่เอง เพราะลูกน้องก็ติดลูกค้าคนอื่น
ระหว่างนั้นลูกน้องก็จะหยิบเงินบนโต๊ะที่เราวางไว้ 130 บาทให้ยัยลูกสาวเจ้าของร้าน แต่ยัยลูกสาวบอกว่าไม่ต้อง แวบแรกเราคิดในใจว่าเค้าคงกลัวลูกน้องหยิบเงินไปเอง อะไรประมาณนี้ เราใส่ถุงเสร็จก็หันหลังกลับ เดินไปไม่ถึงสองก้าว ยัยลูกสาวเรียกเรากลับไป ให้หยิบเงินบนโต๊ะ 130 บาท ใส่ในถาดพลาสติกเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ซึ่งวางอยู่ใกล้ตัวยัยลูกสาวมาก เรียกว่าวางอยู่ตรงพุงยัยนั่นเลยล่ะ
เราก็งง แต่ก็เดินกลับไปหยิบเงินใส่ในถาดให้เค้านะ พร้อมกับถามว่า ถูกต้องแล้วใช่มั้ยคะ ยัยลูกสาวเจ้าของร้าน ไม่มองหน้าเรา แต่กลับพูดเสียงดังมากๆแบบตะคอกว่า "เออ!" ขอบอกว่าเสียงดังมากๆๆๆๆๆ เราตกใจ เลยพูดว่า อะไรกันทำไมต้องเสียงดัง ยัยลูกสาวคนนี้ทำไงรู้มั้ยคะ มันกระชากถุงลูกเกดจากมือเราไป พร้อมหยิบเงิน 130 บาทจากในถาดออกมาโยนบนโต๊ะ แบบว่ากูไม่ขายแล้ว เอาเงินคืนไปเลย เราก็ตกใจหนักเข้าไปอีก เราพูดว่า อะไร มาซื้อของดีๆ มันก็บอกแบบตะโกนเสียงดังลั่นร้านอีกว่า "ไม่ชอบให้เอาเงินวางบนโต๊ะ!!!!!!"
งงมั้ยคะคุณ เราเลยบอกว่า ไม่บอกแล้วใครจะไปรู้ล่ะ (คิดตอนหลังว่าสงสัยอยากทำแบบที่ญี่ปุ่น ที่มีถาดใส่เงินบนแคชเชียร์ แต่ที่ปุ่นยังเขียนภ.อังกฤษบนถาดนะ แบบว่าให้วางเงินในนี้ แต่นี่อะไร ร้านขายของธรรมดา ป้ายอะไรก็ไม่ติด แล้วร้านขายของแบบนี้ ก็แบบซื้อมาขายไปอย่างรวดเร็วด้วยเงินสด) ลูกค้าวางเงินให้บนโต๊ะผิดตรงไหน และยังมาโมโหใส่ลูกค้าที่มาซื้อของ กระชากของกลับ โยนเงินคืน ตอนนั้นลูกค้าที่เต็มร้านคงมองเราว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็พูดว่า ทุกคนดูนะคะ มาซื้อของดีๆ แต่เจอแบบนี้ เราโกรธและงงมากๆๆๆๆ ที่สุดในโลก ตอนหลังคนที่เป็นแม่เดินมาจากหลังร้าน แล้วก็พูดว่าอะไรกันๆ แต่พูดเสียงธรรมดา และไม่มีการเคลียร์อะไรใดๆ ให้ทั้งสิ้น ไม่มีแม้คำขอโทษ ณ ตอนนั้น (ถ้าอยากให้วางเงินใส่ถาดจริงๆ ก็ยื่นถาดมารับเงินสิ ไม่บอกแล้วใครจะไปรู้)
เราก็เดินออกมาถ่ายรูปหน้าร้านไว้ แต่ขอไม่โพสต์รูปนะคะ เชื่อว่าใครเคยไปแถวนั้น คงรู้จักร้านนี้ดี เปิดมานานหลายสิบปีแล้ว เจ้าของที่เป็นแม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ยัยลูกสาวนี่สิ แรงส์มากๆ
เรากลับบ้านมาเล่าให้แฟนฟัง แฟนไปที่ร้านเลยค่ะ ไปถามว่ามาตะคอกแฟนผมทำไม เค้ามาซื้อของดีๆ มันบอกว่าไม่ชอบให้วางเงินบนโต๊ะ (มันบ้าป่าววะ) แฟนเราถามกลับว่าแล้วคุณมีป้ายบอกมั้ย แล้วเค้าโกงคุณรึเปล่า คุณถึงไปตะคอกเค้าน่ะ มันก็บอกว่าป่าวไม่ได้โกง แฟนเราพูดต่อ ว่าผมก็ค้าขายเหมือนกัน ลูกค้าเอาเงินมาให้ครบนี่ก็ดีใจแล้ว ไม่กี่สิบบาทก็ต้องขอบคุณลูกค้า นี่คุณขายของยังไง มีสติดีรึเปล่า มาขายของใช้อารมณ์กับลูกค้าแบบนี้ มันบอกต่อว่า "เสียความรู้สึก" (ที่เราวางเงินบนโต๊ะ) จนตอนหลังแม่เค้าเดินมายกมือไหว้แฟนเรา และขอโทษๆ แฟนเราเห็นแก่คนแก่ เลยยอมยุติแค่นั้น แต่นังเจ้าตัวลูกสาว ไม่พูดแม้แต่คำขอโทษ คิดว่า ณ เวลานั้น คนในร้านคงหยุดการเคลื่อนไหว มองกันเป็นตาเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องราวเป็นแบบนี้ค่ะ เราไม่รู้ว่าเคยมีใครเจอรึเปล่า แต่เราคิดว่าลูกสาวเค้าไม่ธรรมดา คงต้องเคยมีปรี๊ดแตกกับลูกค้าคนอื่นมาบ้างล่ะ ที่แฟนเราไปที่ร้าน เพราะอยากให้เค้ารู้สึกว่า ไม่ควรมาทำแบบนี้กับลูกค้าที่มาซื้อของ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้ขโมย ไม่ได้โกงเงิน และเค้าจะได้รู้สึกว่าทำไปแล้ว เค้าจะต้องโดนแบบนี้บ้าง และกรุณาอย่าทำกับลูกค้าคนอื่นอีก เราคนนึงล่ะ ขอไม่ซื้อของร้านนี้อีกต่อไป ยอมซื้อร้านอื่นแม้ราคาจะสูงกว่า แต่ศักดิ์ศรีคนเรามันซื้อไม่ได้ค่ะ เล่นตะคอกใส่เสียงดังมาก กระชากของในมือ โยนเงินคืนมาให้ รับไม่ได้จริงๆ ยังงงอยู่ว่านางเป็นอะไร