頑張ったよ。僕のアイドル พยายามแล้วนะ พ่อซุปเปอร์สตาร์ของฉัน ตอนที่ 1

頑張ったよ。僕のアイドル
พยายามแล้วนะ พ่อซุปเปอร์สตาร์ของฉัน


นนท์เป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาๆ แต่นับตั้งแต่ได้เจอกับประกาศิตจากเจ้านายให้ “ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นซะ! แล้วฉันจะให้เธอไปเป็นล่ามให้นักร้องญี่ปุ่นที่กำลังจะออกเอเชียทัวร์!” ชีวิตราบเรียบตามประสาพนักงานกินเงินเดือนของนนท์ก็ประสบพบพานแต่ความไม่ธรรมดาอีกต่อไป เมื่อเขาต้องผ่านการกร่ำเคี่ยวอย่างหนักเพื่อออกเดินทางไปในแถบเอเชียพร้อมกับนักร้องชื่อดังที่เป็นที่คลั่งไคล้ของสาวๆ ค่อนโลก! นับตั้งแต่เตรียมตัวเรียนภาษาญี่ปุ่นจากเมืองไทยกับอาจารย์สาวหน้าตาไม่เอาไหนที่บังเอิญหลงใหลในตัวนักร้องชื่อดังคนดังกล่าว จนก้าวเข้าไปในบริษัทเพื่อฝึกฝนในการเป็นล่ามที่ดี ถึงแม้จะเริ่มต้นด้วยความไม่ชอบหน้า (เพราะหล่อกว่า ก๊าก) แต่ขณะที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน เขาก็พบนิสัยอย่างหนึ่งของอาโอยามะ โทโมอากิ หรือที่ใครๆ เรียกขานกันว่าโทโมะ ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังนั่นคือ … !?!  และนิสัยนี้ของโทโมะทำให้นนท์หวั่นไหวอย่างมาก!!
เส้นทางสู่ล่ามของนนท์จะเป็นอย่างไร สุดท้ายนนท์จะได้เป็นล่ามให้โทโมะได้หรือไม่? ดีแค่ไหน? ความหวั่นไหวของนนท์จะเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หรือจะกลายเป็นความจริง!?! เชิญอ่านได้เลยค่ะ อ่านจบจะลงตะกร้า เก็บไว้ดอง รึเกิดถูกใจกรรมการขึ้นมา ไม่ว่าจะประการไหนก็รบกวนขอคำวิจารณ์ให้ด้วยนะคะ ยิ่งยาวยิ่งดีค่ะ จะได้เป็นกำลังใจในการแต่งต่อไปค่ะ

            ** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม องค์กร หรือบุคคลที่มีอยู่จริง **
    ** วิธีการเรียนภาษานี้เป็นเรื่องที่ได้ทดลอง ทดสอบมาแล้วและใช้ได้ผลจริง (แต่ตอนนี้เมื่อไม่ได้ใช้มานานก็อ่อนลง) แต่ระยะเวลาในการฝึกเพื่อให้ได้ผล และผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามผู้ปฏิบัติ **




ตอนที่ 1 

“ติ๊ด ติ๊ด”
เสียงนาฬิกาปลุกดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนที่มีความกว้างพอจะนอนได้คนเดียวอย่างสบายๆ เมื่อผนวกกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่แรงขึ้นจนแยงตา ส่งผลให้เจ้าของร่างที่นอนแปะอยู่บนเตียงอย่างสุขีค่อยๆ งัวเงียลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกา แล้วต้องกระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงแทบไม่ทัน
"ตายห่ะ จะ 8 โมงแล้ว" 
นนท์สบถ เขารีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปจากอพาร์ทเมนต์ขนาดกลางเก่ากลางใหม่อันเป็นที่พักของเขานับตั้งแต่เรียนจบ แล้วขับรถมุ่งตรงไปยังที่ทำงานอย่างรวดเร็ว
นนท์หรือชื่อจริงว่านนทวิทย์เป็นคนที่ไม่เคยใช้ชีวิตโลดโผนโจนทะยาน เมื่อเขาเรียนจบชั้นมัธยมขนาดกลางแห่งหนึ่งในตัวเมือง ก็โชคดีสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ และเมื่อสำเร็จการศึกษาเขาก็เข้าไปทำงานในบริษัทขนาดกลางแห่งหนึ่งที่เน้นเรื่องการค้าระหว่างประเทศในตำแหน่งเซลล์ของบริษัท โดยเจ้านายซึ่งเป็นคนรับเขาเข้ามาบอกว่า ที่เลือกเขามาทำหน้าที่เซลล์ เพราะเขาพูดได้หลายภาษา นนท์ก็ทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ และยังคงทำต่อไป แม้เพื่อนร่วมรุ่นจะเริ่มขยับขยายหาช่องทางย้ายงานกันแล้ว แต่นนท์ก็ยังทำงานที่เก่าอยู่นั่นเอง
นนท์จอดรถตรงที่จอดเป็นประจำ แม้ว่าเขาจะมาสายโด่แต่ก็ไม่มีใครมาแย่งที่จอดรถ เพราะพนักงานร่วมออฟฟิศมีกันอยู่ไม่กี่คน ต่างคนต่างก็มีจุดประจำเป็นของตนเอง แล้วยังพอมีที่ว่างให้ลูกค้าหรือแขกเหรื่อมาจอดได้ด้วย    
"ไง ไอ้นนท์ เฉียดฉิวเลยสิ" เปรม - เพื่อนรุ่นพี่เอ่ยแซวเมื่อเห็นท่าทางกระหืดกระหอบของนนท์ขณะตอกบัตร เปรมนั่งอยู่ใกล้เครื่องตอกบัตรมากที่สุด เขาทำงานเป็นเซลล์เช่นเดียวกับนนท์ จึงสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอันดี
"เฉียดฉิวอะไรกันพี่เปรม” นนท์หอบแฮ่ก มองกระดาษตอกบัตรที่ขึ้นสีแดงเถือกอย่างเซ็งจิต “พี่ปัดมารึยังพี่?"
เขาถามถึงเจ้านายอย่างระแวง ปัทมาหรือพี่ปัดของน้องๆ เป็นผู้หญิงวัยสี่สิบต้นๆ ดูเผินๆ เหมือนเป็นคนใจดี มั่นคง และสนับสนุนลูกน้องให้ก้าวหน้าไปตามเส้นทางที่เจ้าตัวถนัด แต่ก็เป็นเจ้านายที่มีความเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัย ช่วงเดือนสองเดือนมานี้เขามาสายหลายครั้งแล้ว จึงเป็นธรรมดาอยู่นั่นเองที่เขาจะเกิดความหวาดกลัว
"พี่ปัดมาแล้วจ้า แล้วพี่เขาก็บอกให้พี่นนท์ไปหาที่ห้องด้วยถ้าพี่นนท์มาถึง" เสียงนุ่มๆ ของครีม เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่เข้าทำงานทีหลังเขาไม่ถึงปีดังแทรกเข้ามา หน้าที่หลักของครีมคือเป็นฝ่ายซัพพอร์ทฝ่ายเซลล์ ซึ่งก็คือพวกเขานั่นเอง เธอนั่งห่างออกไปอีกสองสามโต๊ะ แต่เสียงที่เปรมกับนนท์คุยกันนั้นดังพอที่คนรอบข้างจะได้ยินถนัด นนท์หน้าซีด  
"แย่แล้ว ไอ้นนท์ สงสัยพี่ปัดคงกะเล่นงานแกแน่เลยว่ะ" เปรมเย้า เล่นเอาใจเสียๆ ของนนท์แฟ่บลงไปอีกเป็นกอง
“ใช่ปากแน่เหรอพี่ ที่พูดน่ะ”
นนท์กัดฟันพูด เปรมเห็นเพื่อนรุ่นน้องเคืองจริงเลยสงบปาก
"ไปเหอะ พี่นนท์ เรื่องมันจะได้จบๆ" ครีมกระตุ้น 
นนท์เดินเข้าไปใกล้พาร์ติชั่นที่คั่นเป็นสัดส่วนตรงกลางฟลอร์ตามแรงกระตุ้นของครีมอย่างหวาดเกรง ที่ทำงานของเขาเป็นตึกสามชั้นกลางเก่ากลางใหม่ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กนัก ชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เขาทำงานอยู่คือฝ่ายเซลล์และฝ่ายซัพพอร์ตเซลล์ ชั้นสองเป็นแผนกบัญชี และชั้นสามเป็นที่เก็บเอกสาร ปัทมามีห้องทำงานประจำอยู่ชั้นสอง แต่เพราะช่วงนี้ฝ่ายเซลล์เจอปัญหาหลายอย่าง ปัทมาจำเป็นต้องลงมาดูงานทางฝ่ายเซลล์อย่างจริงจัง หัวหน้างานจึงจัดการสละพื้นที่ตรงกลางฟลอร์ เรียกคนมาวางพาร์ติชั่นกั้นเขตให้เป็นสัดเป็นส่วนสำหรับปัทมาโดยเฉพาะ
ตอนนี้ในหัวของนนท์มีแต่ความหวาดกลัวว่าจะโดนเพ้ยเอาเรื่องมาสาย เพราะมันก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่หัวหน้างานจะเรียกเขาเข้าไปพบ นอกจากเรื่องนี้ ...

หญิงวัยย่างสี่สิบเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกพาร์ติชั่น
"เข้ามาสิ นนท์"
นนท์เดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ความเย็นของแอร์ยังไม่สามารถบรรเทาเม็ดเหงื่อที่ไหลพร่างพรูด้วยความเครียดกังวลได้ เงียบกันไปครู่หนึ่ง นนท์จึงเงยหน้าสบตาปัทมาอย่างลังเล แล้วพูดโพล่งออกไปว่า
"เอ่อ ... เห็นครีมบอกว่าพี่ปัดต้องการพบผม" 
"ใช่ ... พี่มีเรื่องอยากคุยกับเธอ"
"ถ้าเป็นเรื่องที่ผมมาสายบ่อยๆ ... ผมจะพยายามปรับปรุงตัวไม่ให้มาสายอีก" นนท์รีบพูด
ปัทมาเลิกคิ้ว เธอพูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า
"อ้าว! เธอมาสายบ่อยๆ เหรอ พี่ไม่ยักสังเกต"
นนท์ชักอยากตบปากตัวเองเป็นกำลัง
"งั้นอย่างนี้ก็ต้องลงโทษสินะ" ปัทมายิ้มเย็น
นนท์อึ้ง ในใจลุ้นระทึกว่าจะเจออะไร อีกใจหนึ่งก็นึกสาปแช่งความปากเสียของตนเอง
"เธอพูดได้กี่ภาษานะ ... นนท์"
นนท์เงยหน้าขึ้นมองปัทมาด้วยความงง ปัทมาเป็นคนรับเขาเข้ามา และเป็นคนบอกเองกับปากว่าเลือกเขามาทำหน้าที่เซลล์เพราะเขาพูดได้หลายภาษา แต่มันนานหลายปีมากแล้วจนปัทมาอาจจะลืม แต่ที่สำคัญ … บทลงโทษมันเกี่ยวอะไรกับพูดได้กี่ภาษาฟะ
"ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ส่วนภาษาเกาหลีได้นิดหน่อยครับ"
เพราะเขาทำงานในส่วนที่ต้องใช้ภาษาในการติดต่อประสานงาน ทำให้เขาต้องขวนขวายเรียนไว้หลายๆ ภาษา แม้จะไม่ถึงขั้นแตกฉานทุกภาษา แต่ก็พอไปได้แล้วกัน
"ไปหัดเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกภาษาไป๊"
คราวนี้นนท์รู้สึกงุนงงเพิ่มขึ้นไปอีก ทำไมฉันต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย ถ้าบอกให้ไปเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มยังพอเข้าใจ ก็ช่วงนี้มันช่วงเกาหลีบูมนี่ แต่ที่งงหนักไปกว่านั้นคือ การเรียนภาษานี่มันเกี่ยวอะไรกับบทลงโทษที่มาสายวะ !?!
"ทำไมผมต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยครับ?" นนท์สงสัยจนอดปากไว้ไม่อยู่ 
"เพราะว่าฉันจะส่งเธอไปเป็นล่ามให้นักร้องญี่ปุ่นน่ะสิ"  ปัทมาเฉลย 
"ทะ ทำไมต้องเป็นผม ... ?"
ในใจของนนท์แล่นพล่านไปด้วยความสับสน
ทำไมฉันต้องไปเป็นล่าม แล้วไปเป็นล่ามให้นักร้องญี่ปุ่นเนี่ยนะ นักร้องญี่ปุ่นคนไหน!?! เพลงต่างประเทศที่รู้จักก็มีแต่เพลงของสกอร์เปี้ยน ซึ่งลุงๆ ก็เพิ่งจัดคอนเสิร์ตอำลาไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เพลงญี่ปุ่นที่รู้จักก็มีแต่โดราเอมอน กับพวกเพลงประกอบโฆษณาที่เปิดผ่านๆ หูแค่นั้น     
"เป็นบทลงโทษยังไงล่ะ" ปัทมาเผยยิ้มปริศนา "ไปทำงานได้แล้ว"
"แล้วเรื่องที่พี่ปัดเรียกผมมาคุยนี่ ..." นนท์พยายามรวบรวมสติ
"ก็เรื่องนี้นั่นแหละ นักร้องญี่ปุ่นคนนี้ชื่ออาโอยามะ โทโมอากิน่ะ รู้จักไหม?" 
นนท์สั่นหัวดิก 
"ลองไปหาข้อมูลดูสิ ฉันให้เวลาเธอเรียนภาษาญี่ปุ่นหนึ่งปี แล้วไปฝึกงานที่นั่นก่อนหนึ่งปี ถึงตอนนั้นโทโมะก็คงพร้อมจะออกเอเชีย ทัวร์แล้วล่ะ"
"แล้วทำไมพี่ปัดถึงเลือกผม?" ถึงนนท์ไม่เคยรู้จักนักร้องคนนี้ แต่คนที่มีเป้าหมายถึงขั้นเอเชียทัวร์ก็แสดงว่าต้องมีชื่อเสียงพอสมควร  เขาไม่ใช่ล่ามมืออาชีพ ภาษาก็ไม่ได้เลอเลิศอะไรมากมาย แล้วทำไมปัทมาถึงเลือกเขามาทำหน้าที่นี้ล่ะ จะเรียกว่าส้มหล่นดีรึเปล่านะ?
"งานนี้คนรู้จักเขาไหว้วานมาให้ช่วยหาคนให้หน่อย ฉันเห็นเธอคุณสมบัติตรง ก็เลยจะส่งเธอไป พยายามเข้านะ" ปัทมายิ้มแปลกๆ
“ทั้งๆ ที่ฝ่ายเซลล์กำลังมีปัญหานะครับ แล้วยังจะส่งผมไปอีกเหรอ? ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับงานที่ทำอยู่เลยซักนิด”
เขาเป็นเซลล์นาเฟ้ย ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นล่ามซะหน่อย
“แย่หน่อยนะที่ข้อเสนอเรื่องงานนี้มาตอนที่ฝ่ายเซลล์กำลังมีปัญหาพอดี ฉันเองก็ลังเลอยู่ว่าจะให้เธอไปดีไหม แต่ฉันไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป ถ้าเธอทำงานนี้ เธอจะได้ฝึกทั้งภาษา การทำงานร่วมกับคนต่างชาติ ความอดทน ที่สำคัญคือ … ความพยายาม”  ปัทมาเน้นหนักตรงคำสุดท้าย “ส่วนปัญหาทางเซลล์ ฉันก็ช่วยสางอยู่ คิดว่าปัญหานี้คงผ่านพ้นไปได้”
"ง่า ... ครับ"  
นนท์ไม่รู้จะโต้แย้งอะไรอีก เขาเดินงงๆ ออกไปจากพื้นที่ที่กั้นเป็นห้องทำงานของปัทมาโดยมีสายตาของเปรมกับครีมมองตามด้วยความอยากรู้ และถ้าเรื่องนี้หลุดออกจากปากเขาไป เชื่อได้เลยว่ามันจะต้องเป็นข่าวแพร่สะพัดไปทั่วบริษัทภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง อย่ากระนั้นเลย บอกแค่ว่าหัวหน้าให้ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเพราะต้องใช้ติดต่อกับลูกค้าแค่นั้นดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่