ย้อนไปในวัยเด็ก ฉันอายุประมาณ 6 ขวบ ยังไม่ขึ้นป.1. ด้วยซ้ำ ฉันนั่งรอใครสักคนมารับที่โรงเรียน
แต่ละคนพ่อก็มารับ บางทีแม่ก็มาบ้าง ฉันก็นั่งรอ ก็ได้แต่คิด ทำไมนานจัง อยากกลับบ้าน
จนมีคนหนึ่งที่ฉันคุ้นตา... เดินขาเป๋มาหน้าโรงเรียน แขนซ้ายไม่ดี ขาซ้ายก็ไม่ดี ใช้งานได้แต่ข้างขวา
ฉันวิ่งเข้าไปกอด มันอบอุ่นที่สุดสำหรับฉัน แม้ฉันจะรอเขามารับช้ากว่าเพื่อนก็ตาม ฉันเดินน้ำหน้าวิ่งตามประสาเด็ก เขาค่อยๆเดินกะเผลกๆตามก้นฉันไป
รู้ไหม ? ในความรู้สึกตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยที่สุดในโลก ฉันไม่กลัวหมากัด ฉันไม่กลัวรถใครมาชนก้นฉัน
เพราะฉันมีพ่ออยู่ข้างหลัง ใครมองว่าคนข้างหลังฉันไม่สมบูรณ์ แต่สำหรับฉันตอนนั้นแล้ว มันสมบูรณ์มาก
ขึ้นมาป.1 ฉันเริ่มคิด ทำไมเพื่อนได้นั่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ทำไมพ่อเขาขี่รถได้ ทำไมพ่อฉันเดินได้อย่างเดียว
ฉันถามแม่ แม่บอกว่าพ่อพิการ ฉันเริ่มเข้าใจความหมายคำว่า พ่อพิการมาตั้งแต่ป.1 เวลาครูสอนเรื่องอาชีพ
ฉันไม่รู้จะตอบใครๆว่าพ่อฉันทำอะไร พ่อฉันได้แต่เลี้ยงไก่อยู่บ้าน ครูบอกฉันอาชีพเลี้ยงไก่ไม่มี ฉันจึงเขียนไปว่า อาชีพพ่อคือ พิการ
ฉันเริ่มไม่อยากให้พ่อมารับกลับบ้าน ฉันเริ่มรู้สึกถึงความอายเพื่อน พ่อมารับ ฉันก็วิ่งหนี ตะโกนด่าพ่อ ว่า

ไม่ต้องมารับกรู กรูจะให้แม่กรูมารับ
จากนั้น พ่อฉันก็เดินกะเผลกๆกลับบ้านไป คิดดูแล้วก็ใช้เวลานานเนอะกว่าจะมารับลูก แต่ต้องเสียเวลาเพราะลูกอย่างฉันไม่กลับบ้านด้วย
แม่ต้องรีบมารับ ทั้งๆที่แม่ฉันทำงานอยู่
แม่ฉันถามว่า อายไหมที่มีพ่อแบบนี้ อยากได้อะไรเหมือนเพื่อนไหมเพราะตอนนั้นฉันอิจฉาเพื่อนสนิทของฉันมาก เพราะพ่อเขาไปทำงานเมืองนอก
ซื้อของเล่นมาให้ เวลาฉันอยากเล่นต้องแกล้งไปเที่ยวหาเพื่อนไปนั่งดูเพื่อนเล่น ฉันไม่ได้นั่งรถยนต์เหมือนคนอื่นๆ ตอนนั้นฉันอยากรู้มากเวลาเป็นคนนั่ง
เบาะหน้ารถจะรู้สึกอย่างไร จะเห็นทางชัดมั้ย เพราะฉันได้แต่นั่งเบาะหลัง เวลาไปเที่ยวกับพ่อของเพื่อน
พ่อบอกฉันว่า ถ้าพ่อไม่โดนเขายิงซะก่อนนะ ฉันจะได้ทุกอย่างครบหมด ย้อนไปเมื่อฉันอายุ 2 เดือน พ่อฉันถูกลูกหลงยิง
จากคนเมาเหล้าจึงต้องศูนย์เสียสมองในส่วนด้านซ้ายไป...
พอฉันเริ่มเข้าวัยรุ่น เริ่มมีแฟน ฉันอายแฟนมาก ไม่ยอมเล่าเกี่ยวกับพ่อแม่ฉันให้แฟนฟังเลย จนวันหนึ่งที่เขารู้ว่าบ้านฉันเป็นอย่างไร
เขาก็บอกเลิก เพราะบ้านเขารวย ตอนนั้นฉันโกรธพ่อมาก โกรธจนถึงขั้นบอกพ่อไปว่า ถ้าไปรับเงินเดือนคนพิการที่โรงเรียน เวลาเจอหน้าฉัน
ต้องแกล้งไม่รู้จักฉัน และฉันจะไม่ไปทักเลย แม่ฉันรู้ก็เข้ามาว่า บอกว่ามันไม่ดี อย่าทำอย่างนี้
วันพ่อฉันแทบไม่เคยไปไหว้ พ่อฉันมอมแมม เสื้อผ้าสกปรก ฉันไม่อยากซักผ้าให้ ตอนนั้นฉันยอมรับว่า ฉันรังเกียจพ่อ
ชีวิตฉันจะมีแต่แม่เท่านั้น เพราะพ่อฉันไม่ปรกติเหมือนพ่อคนอื่น ไปส่งฉันที่ไหนก็ไม่ได้ แม่บอกว่า ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงทิ้งพ่อไปแล้ว
แต่ที่อยู่ก็เพราะ ฉัน เพราะฉันเป็นเด็กดี ฉันเป็นเด็กดีอย่างที่แม่ว่าจริงหรอ ???
จนวันที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัย 18ปี ที่ผ่านมา.. มันทำให้ฉันเริ่มคิดทุกอย่างเป็นขึ้นเรื่อยๆ
ฉันเริ่มเห็นพ่อแก่ลงทุกวัน จากที่เดินได้คล่อง ตอนนี้เริ่มสะดุดบ่อยๆ โอกาสที่พ่อล้มแล้วเดินได้ต่อไม่มีเลย
ล้มคือต้องนอนอย่างเดียว ฉันมองหน้าพ่อที่ยิ้มให้ฉันเสมอ เหมือนพ่อดีใจที่เห็นเวลาฉันกลับมาบ้าน
กับข้าวที่พ่อเคยเดินไปซื้อให้ฉันตอนฉันอยู่ ป5 ป6คือ แกงเผ็ด รู้ไหมตอนนี้ฉันอยู่ ปี2 แกงเผ็ดยังห้อยอยู่ที่ตู้กับข้าวเหมือนเดิม
พ่อฉันไม่เคยลืมเลยว่าฉันชอบอะไร เงินทุกเดือนที่พ่อได้จากเบี้ยคนพิการ พ่อจะเก็บไว้ให้ฉันเสมอ เวลาฉันกลับบ้านพอกลับไปเรียน
ฉันจะมีเงินพ่อติดมือไปทุกครั้ง มันไม่มากเหมือนที่คนอื่นได้ แต่มันมากพอแล้วที่พ่อตั้งใจเก็บรอฉันทุกเดือน
ฉันยังคิดอยู่เสมอว่า กลับบ้านไปอีกครั้งฉันจะยังเห็นรอยยิ้มแบบนั้นไหม
ฉันอยากขอโทษพ่อที่เมื่อก่อนฉันอาย ฉันทนอายที่พ่อเป็นแบบนี้เกือบ 15 ปี
ไม่กล้าไหว้พ่อ ไม่กล้าเดินใกล้พ่อ ด่าพ่อ จนบางครั้งที่ไม่น่าอภัยคือการเกลียดพ่อ
ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าถ้าไม่มีพ่อ ฉันคงไม่เป็นฉันในวันนี้
ใครที่มีพ่อร่างกายสมบูรณ์ดีทุกอย่าง พาไปรับไปส่งได้ ดูแลเขาไว้ดีๆนะคะ อย่าสร้างความลำบากใจให้เขามาก
คุณโชคดีมากนะ ที่ยังได้กระโดดขี่คอพ่อตอนเด็กๆ ได้รับไออุ่นที่พ่ออุ้มตอนเด็กๆ มากกว่าฉัน ที่ยังไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย
แต่ยังดี ที่วันนั้นพ่อยังไม่จากฉันไป ฟ้ายังใจดี ที่ทำให้ฉันได้เห็นหน้าพ่อก่อน
***ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ****
เรื่องราวซึ้งๆของพ่อที่ฉันไปแก้ไขอะไรไม่ได้...!!
แต่ละคนพ่อก็มารับ บางทีแม่ก็มาบ้าง ฉันก็นั่งรอ ก็ได้แต่คิด ทำไมนานจัง อยากกลับบ้าน
จนมีคนหนึ่งที่ฉันคุ้นตา... เดินขาเป๋มาหน้าโรงเรียน แขนซ้ายไม่ดี ขาซ้ายก็ไม่ดี ใช้งานได้แต่ข้างขวา
ฉันวิ่งเข้าไปกอด มันอบอุ่นที่สุดสำหรับฉัน แม้ฉันจะรอเขามารับช้ากว่าเพื่อนก็ตาม ฉันเดินน้ำหน้าวิ่งตามประสาเด็ก เขาค่อยๆเดินกะเผลกๆตามก้นฉันไป
รู้ไหม ? ในความรู้สึกตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยที่สุดในโลก ฉันไม่กลัวหมากัด ฉันไม่กลัวรถใครมาชนก้นฉัน
เพราะฉันมีพ่ออยู่ข้างหลัง ใครมองว่าคนข้างหลังฉันไม่สมบูรณ์ แต่สำหรับฉันตอนนั้นแล้ว มันสมบูรณ์มาก
ขึ้นมาป.1 ฉันเริ่มคิด ทำไมเพื่อนได้นั่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ทำไมพ่อเขาขี่รถได้ ทำไมพ่อฉันเดินได้อย่างเดียว
ฉันถามแม่ แม่บอกว่าพ่อพิการ ฉันเริ่มเข้าใจความหมายคำว่า พ่อพิการมาตั้งแต่ป.1 เวลาครูสอนเรื่องอาชีพ
ฉันไม่รู้จะตอบใครๆว่าพ่อฉันทำอะไร พ่อฉันได้แต่เลี้ยงไก่อยู่บ้าน ครูบอกฉันอาชีพเลี้ยงไก่ไม่มี ฉันจึงเขียนไปว่า อาชีพพ่อคือ พิการ
ฉันเริ่มไม่อยากให้พ่อมารับกลับบ้าน ฉันเริ่มรู้สึกถึงความอายเพื่อน พ่อมารับ ฉันก็วิ่งหนี ตะโกนด่าพ่อ ว่า
จากนั้น พ่อฉันก็เดินกะเผลกๆกลับบ้านไป คิดดูแล้วก็ใช้เวลานานเนอะกว่าจะมารับลูก แต่ต้องเสียเวลาเพราะลูกอย่างฉันไม่กลับบ้านด้วย
แม่ต้องรีบมารับ ทั้งๆที่แม่ฉันทำงานอยู่
แม่ฉันถามว่า อายไหมที่มีพ่อแบบนี้ อยากได้อะไรเหมือนเพื่อนไหมเพราะตอนนั้นฉันอิจฉาเพื่อนสนิทของฉันมาก เพราะพ่อเขาไปทำงานเมืองนอก
ซื้อของเล่นมาให้ เวลาฉันอยากเล่นต้องแกล้งไปเที่ยวหาเพื่อนไปนั่งดูเพื่อนเล่น ฉันไม่ได้นั่งรถยนต์เหมือนคนอื่นๆ ตอนนั้นฉันอยากรู้มากเวลาเป็นคนนั่ง
เบาะหน้ารถจะรู้สึกอย่างไร จะเห็นทางชัดมั้ย เพราะฉันได้แต่นั่งเบาะหลัง เวลาไปเที่ยวกับพ่อของเพื่อน
พ่อบอกฉันว่า ถ้าพ่อไม่โดนเขายิงซะก่อนนะ ฉันจะได้ทุกอย่างครบหมด ย้อนไปเมื่อฉันอายุ 2 เดือน พ่อฉันถูกลูกหลงยิง
จากคนเมาเหล้าจึงต้องศูนย์เสียสมองในส่วนด้านซ้ายไป...
พอฉันเริ่มเข้าวัยรุ่น เริ่มมีแฟน ฉันอายแฟนมาก ไม่ยอมเล่าเกี่ยวกับพ่อแม่ฉันให้แฟนฟังเลย จนวันหนึ่งที่เขารู้ว่าบ้านฉันเป็นอย่างไร
เขาก็บอกเลิก เพราะบ้านเขารวย ตอนนั้นฉันโกรธพ่อมาก โกรธจนถึงขั้นบอกพ่อไปว่า ถ้าไปรับเงินเดือนคนพิการที่โรงเรียน เวลาเจอหน้าฉัน
ต้องแกล้งไม่รู้จักฉัน และฉันจะไม่ไปทักเลย แม่ฉันรู้ก็เข้ามาว่า บอกว่ามันไม่ดี อย่าทำอย่างนี้
วันพ่อฉันแทบไม่เคยไปไหว้ พ่อฉันมอมแมม เสื้อผ้าสกปรก ฉันไม่อยากซักผ้าให้ ตอนนั้นฉันยอมรับว่า ฉันรังเกียจพ่อ
ชีวิตฉันจะมีแต่แม่เท่านั้น เพราะพ่อฉันไม่ปรกติเหมือนพ่อคนอื่น ไปส่งฉันที่ไหนก็ไม่ได้ แม่บอกว่า ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงทิ้งพ่อไปแล้ว
แต่ที่อยู่ก็เพราะ ฉัน เพราะฉันเป็นเด็กดี ฉันเป็นเด็กดีอย่างที่แม่ว่าจริงหรอ ???
จนวันที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัย 18ปี ที่ผ่านมา.. มันทำให้ฉันเริ่มคิดทุกอย่างเป็นขึ้นเรื่อยๆ
ฉันเริ่มเห็นพ่อแก่ลงทุกวัน จากที่เดินได้คล่อง ตอนนี้เริ่มสะดุดบ่อยๆ โอกาสที่พ่อล้มแล้วเดินได้ต่อไม่มีเลย
ล้มคือต้องนอนอย่างเดียว ฉันมองหน้าพ่อที่ยิ้มให้ฉันเสมอ เหมือนพ่อดีใจที่เห็นเวลาฉันกลับมาบ้าน
กับข้าวที่พ่อเคยเดินไปซื้อให้ฉันตอนฉันอยู่ ป5 ป6คือ แกงเผ็ด รู้ไหมตอนนี้ฉันอยู่ ปี2 แกงเผ็ดยังห้อยอยู่ที่ตู้กับข้าวเหมือนเดิม
พ่อฉันไม่เคยลืมเลยว่าฉันชอบอะไร เงินทุกเดือนที่พ่อได้จากเบี้ยคนพิการ พ่อจะเก็บไว้ให้ฉันเสมอ เวลาฉันกลับบ้านพอกลับไปเรียน
ฉันจะมีเงินพ่อติดมือไปทุกครั้ง มันไม่มากเหมือนที่คนอื่นได้ แต่มันมากพอแล้วที่พ่อตั้งใจเก็บรอฉันทุกเดือน
ฉันยังคิดอยู่เสมอว่า กลับบ้านไปอีกครั้งฉันจะยังเห็นรอยยิ้มแบบนั้นไหม
ฉันอยากขอโทษพ่อที่เมื่อก่อนฉันอาย ฉันทนอายที่พ่อเป็นแบบนี้เกือบ 15 ปี
ไม่กล้าไหว้พ่อ ไม่กล้าเดินใกล้พ่อ ด่าพ่อ จนบางครั้งที่ไม่น่าอภัยคือการเกลียดพ่อ
ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าถ้าไม่มีพ่อ ฉันคงไม่เป็นฉันในวันนี้
ใครที่มีพ่อร่างกายสมบูรณ์ดีทุกอย่าง พาไปรับไปส่งได้ ดูแลเขาไว้ดีๆนะคะ อย่าสร้างความลำบากใจให้เขามาก
คุณโชคดีมากนะ ที่ยังได้กระโดดขี่คอพ่อตอนเด็กๆ ได้รับไออุ่นที่พ่ออุ้มตอนเด็กๆ มากกว่าฉัน ที่ยังไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย
แต่ยังดี ที่วันนั้นพ่อยังไม่จากฉันไป ฟ้ายังใจดี ที่ทำให้ฉันได้เห็นหน้าพ่อก่อน
***ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ****