แปลงตึกเก่า เป็น โฮสเทล ..
(๑)
การทำธุรกิจโฮสเทลเป็น ธุรกิจใหมาล่ามาแรงในปัจจุบัน แข่งขันดุเดือด ทะเลแดง แต่อย่างน้อย เป็นการแข่งขันในกลุ่ม ผู้ประกอบการคนไทย เจ้าของธุรกิจเกินครึ่งเป็นคนไทย น้อยนักจะเป็นฝรั่งมังค่ามาลงทุน
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปขึ้นเวทีใหญ่โต เพื่อพูดเรื่องของธุรกิจนี้มา ทำให้พบวามีผู้สนใจไม่น้อยทีเดียว เอาเปนว่าจะพยายามบอกให้หมดเท่าที่เรารู้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังสนใจจะลงทุน หรือกำลังทำอยู่ ละกันนค่ะ
ไม่ใช้กูรู .. กรูก็เพิ่งรู้ ตอนกรูมาทำ
ธุรกิจโฮสเทล เอาจริงๆเป็นการเล่นเรื่องของราคา ถ้าเรามีตึกเก่า ตึกร้าง ซึ่งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นพระเอก สักนิด ก็สามารถเอามาดัดแปลงได้ ( แถมลดต้นทุนได้อย่างมากเลยทีเดียว )ทำเลเทพ ทั้งหลายคงหนีไม่พ้น แถบรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แอร์พอร์ตลิ้งง และเขตกรุงเก่า เกาะรัตนโกสินทร์
อันนี้พูดถึงในกรุงเทพก่อนนะคะ
ถ้าเป็นตามต่างจังหวัด มักนิยมเป็นตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต
เชียงใหม่นี่นับถือใจเลย เป็นจังหวัดที่โฮสเทลแต่ละที่แทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว ซอยเดียวกันต้นซอยท้ายซอย ก็มีโฮสเทลระยะประชิด
แต่เค้าค่อนข้างชัดเจน ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความชอบ สวยแซบกันคนละแบบ ส่วนมากเท่าที่เห็นจะเป็น DESIGN HOSTEL
ในกรุงเทพมหานครอันกว้างใหญ่ ย่านที่มีโฮสเทลอยู่จำนวนมากคงหนีไม่พ้น ข้าวสาร รองลงมาคือย่านเกาะรัตนโกสินทร์ ที่ขายดีไม่มีฤดูกาล
สยาม สามย่าน สีลม พญาไท เยาวราช สุขุมวิท สาทร ห้วยขวาง แต่ละทำเลต่างมีจุดขายที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันโฮสเทลในประเทศไทย มีเพียง 2,000กว่า แห่งเท่านั้น
ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ในการขยับขยายธุรกิจนี้ให้เติบโต
หากถามเรา เป็นเพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น มีความต้องการจะพักที่พัก เพียงเพื่อ นอน ใช้เน็ต และเก็บของแบบที่มีความปลอดภัย นั่นเป็นส่วนของการใช้งาน ความต้องการจริงๆของพวกเขา เท่าที่ศึกษามา มีความต้องการเห็นความเป็นอยู่ของไทยเราเลย กินผัดไทย ไข่เจียว นั่งตุ๊กๆ โหนรถเมล์ ปั่นจักรยาน ลงเรือ เรียนทำอาหารไทย ต่อยมวย
เพราะ ลูกค้าที่มาพักต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของเราให้ได้มากที่สุด
ไหนๆก็เพิ่งเริ่มต้นเรื่อง ขออนุญาตแชรข้อมูลเกี่ยวกับสถิติตัวเลขนิดนึงค่ะ
ความต้องการของลูกค้า เอเชีย และ ยุโรป มีความต่างกันอยู่พอสมควร
1. ปัจจัยต่อการตัดสินใจเลือกโฮสเทล
เอเชีย ... ดูจาก ทำเล รองลงมา เป็น ราคา และความคุ้มค่า
ยุโรป......ดูจาก ราคา รองลงมา เป็น บรรยากาศ และทำเล
2. เลือก โฮสเทล ดูจากอะไร
เอเชีย
ใช้การตัดสินใจจาก
>>> ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่โดยรอบปลอดภัย ใกล้แหล่งท่องเที่ยวกลางคืน
ยุโรป
ใช้การตัดสินใจจาก
>>> อยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่โดยรอบปลอดภัย
เอเชีย ราคาที่ยินดีจ่าย 600-1,000 บาท
ยุโรป ราคาที่ยินดีจ่าย 300-400 บาท
สิ่งที่มีอิธิพลต่อการเลือกโฮสเทล
เอเชีย รีวิว 61% เพื่อนบอกต่อ 20%
ยุโรป รีวิว 74% เพื่อนบอกต่ 19%
รู้จักโฮสเทลผ่านช่องทาง
เอเชีย ยุโรป
Agoda 59% Hostelworld 38%
Booking.com 43% Bookinh.com 34%
tripadvisor 14% Agoda 22%
Airbnb 14% Airbnb 22%
อันนี้เป็นแค่ข้อมูลร่าวที่ที่ทาง มหาวิทยาลัยมหิดลได้ทำการสำรวจเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ลูกค้า walk in ก็ถือว่ามีค่อนข้างเยอะ สำหรับธุรกิจนี้ ด้วยราคาขายที่ไม่ได้แพง ทำให้บางคนเลือกทีจะเดินทางมาดูโฮสเทล ดูห้อง ดูบรรยากาศก่อนทำการจอง
จากที่ผ่านมาลูกค้าของเราพอจะมีบ้างที่เดินเข้ามาแล้วบอก ขอ คืนนึง ด้วยความสงสัยว่า แกไม่คิดจะวางแผนมาก่อนรึไง จึงได้เข้าไปสอบถาม
ก็ได้ความว่า " ไม่ใช่เพิ่งมาถึงเมืองไทย มาสักพัก นอนอยู่ข้าวสาร แค่อยากจะเปลี่ยนย่านเฉยๆ มาดู ถ้าไม่ดีก็อยู่ที่อื่น "
ออ .. เข้าใจละ
ตอนที่เปิดโฮสเทลแรก นั่งรอลูกค้าไปสิคะ( ช่วงนั้นยังไม่ได้ทำ OTA )
OTA = Online Travel Agent การขายห้องพักผ่านระบบอินเตอร์เนต โดยผ่านตัวกลาง
พฤติกรรมของลูกค้าโฮสเทล จะไม่จองล่วงหน้าเป็นเวลานาน บางคนจองวันนี้พรุ่งนี้มา จองวันนี้เย็นๆจะมา
จ๊ะ... เอาที่พี่สบายใจ
หากพูดถึงการเดินทางเริ่มต้นของธุรกิจนี้ ทางเข้า ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ใครที่มีทุนเดิม คือมีอาคารอยู่แล้ว ถือว่าถูกล็อตเตอรี่ไปครึ่งทางละ เพราะสามารถประหยัดต้นทุรการเช่า การเซ้งได้ ทีนี้ ก็เอาเงินมาลงส่วนของดัดแปลงเพื่อให้มันเอาไปขายเป็นโฮสเทล
ส่วนคนที่ไม่มีตึก หากเห็นว่าตึกไหน ทำเลไหนสามารถทำได้ จินตนาการแล้ว กดเครื่องคิดเลขแล้ว ก็ลองเจรจากับเจ้าของตึกเพื่อทำการเช่า ( อย่างน้อยเซ็นมาสัก สี่ปีนะ ) ได้คืนทุนและมีกำไรติดตัว
หรืออีกทางออกหนึ่งง จีบเจ้าของอาคารเดิมเป็นหุ้นส่วนกันไปเลย JV หรือ Joint Venture การร่วมทุนกันเลยย
อย่างของเรา พวกเราเป็นพวกลองของ
เราเรียนคอร์ส อันนึงที่เกี่ยวกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนๆ หลังจากพรีเซ้น ไฟนอลเสร็จ เรียนจบละ ก็ถึงเวลาลองของงง
เรามีกันเจ็ดคน เยอะมาก ในการทำงานร่วมกัน แต่เราโชคดีที่เรามีหน้าที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละคนถนัดต่างกัน
สถาปนิก ออกแบบ บัญชี กฏหมาย การตลาด การเงิน และหาคน
มันช่างลงตัวเหลือเกิน .....
แต่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหานะคะ ไว้จะเล่าในตอนที่เราเริ่มทำงานด้วยกันนแล้ว ..
ถ้าพูดถึงการขายที่พักของโฮสเทลแล้วนั้น
คือการขายแบบเป็นเตียง ต่ะ เตียง เตียง 2 ชั้นนี่แหล่ะ ชั้น 2 ปีนขึ้นไปน้ะจ๊ะ
จำแนกประเภทห้องพักได้คร่าวๆ
ห้องนอนรวม 4 คน
ห้องนอนรวม 6 คน
ห้องนอนรวม 12 คน
ห้องนอนรวม เฉพาะ ผู้หญฺิง
ห้องเดี่ยว
ห้องครอบครัว
การให้น้ำหนักสัดส่วนแต่ละประเภท ไม่มีกฏตายตัว ขึ้นอยู่กับ ความต้องการของลูกค้าย่านนนั้นๆ ที่เราต้องทำการสำรวจก่อนจะเริ่มธุรกิจ
การนอนรวมกันกับคนแปลกหน้า สำหรับเราๆแล้ว คงฟังแล้วจั๊กจี้ พิลึก
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แล้ว การนอนห้องเดียวกัน ภายใต้การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ ถือว่าโอเค
เพราะหัวใจของธุรกิจโฮสเทล คือ การได้ลงมาพบปะพูดคุยกันที่ พื้นที่ส่วนกลางงง เพื่อแลกเปลี่ยน แชร์ข้อมูลกัน
แปลงตึกเก่า..เป็น " โฮสเทล "
(๑)
การทำธุรกิจโฮสเทลเป็น ธุรกิจใหมาล่ามาแรงในปัจจุบัน แข่งขันดุเดือด ทะเลแดง แต่อย่างน้อย เป็นการแข่งขันในกลุ่ม ผู้ประกอบการคนไทย เจ้าของธุรกิจเกินครึ่งเป็นคนไทย น้อยนักจะเป็นฝรั่งมังค่ามาลงทุน
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปขึ้นเวทีใหญ่โต เพื่อพูดเรื่องของธุรกิจนี้มา ทำให้พบวามีผู้สนใจไม่น้อยทีเดียว เอาเปนว่าจะพยายามบอกให้หมดเท่าที่เรารู้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังสนใจจะลงทุน หรือกำลังทำอยู่ ละกันนค่ะ
ไม่ใช้กูรู .. กรูก็เพิ่งรู้ ตอนกรูมาทำ
ธุรกิจโฮสเทล เอาจริงๆเป็นการเล่นเรื่องของราคา ถ้าเรามีตึกเก่า ตึกร้าง ซึ่งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นพระเอก สักนิด ก็สามารถเอามาดัดแปลงได้ ( แถมลดต้นทุนได้อย่างมากเลยทีเดียว )ทำเลเทพ ทั้งหลายคงหนีไม่พ้น แถบรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แอร์พอร์ตลิ้งง และเขตกรุงเก่า เกาะรัตนโกสินทร์
อันนี้พูดถึงในกรุงเทพก่อนนะคะ
ถ้าเป็นตามต่างจังหวัด มักนิยมเป็นตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต
เชียงใหม่นี่นับถือใจเลย เป็นจังหวัดที่โฮสเทลแต่ละที่แทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว ซอยเดียวกันต้นซอยท้ายซอย ก็มีโฮสเทลระยะประชิด
แต่เค้าค่อนข้างชัดเจน ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความชอบ สวยแซบกันคนละแบบ ส่วนมากเท่าที่เห็นจะเป็น DESIGN HOSTEL
ในกรุงเทพมหานครอันกว้างใหญ่ ย่านที่มีโฮสเทลอยู่จำนวนมากคงหนีไม่พ้น ข้าวสาร รองลงมาคือย่านเกาะรัตนโกสินทร์ ที่ขายดีไม่มีฤดูกาล
สยาม สามย่าน สีลม พญาไท เยาวราช สุขุมวิท สาทร ห้วยขวาง แต่ละทำเลต่างมีจุดขายที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันโฮสเทลในประเทศไทย มีเพียง 2,000กว่า แห่งเท่านั้น
ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ในการขยับขยายธุรกิจนี้ให้เติบโต
หากถามเรา เป็นเพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น มีความต้องการจะพักที่พัก เพียงเพื่อ นอน ใช้เน็ต และเก็บของแบบที่มีความปลอดภัย นั่นเป็นส่วนของการใช้งาน ความต้องการจริงๆของพวกเขา เท่าที่ศึกษามา มีความต้องการเห็นความเป็นอยู่ของไทยเราเลย กินผัดไทย ไข่เจียว นั่งตุ๊กๆ โหนรถเมล์ ปั่นจักรยาน ลงเรือ เรียนทำอาหารไทย ต่อยมวย
เพราะ ลูกค้าที่มาพักต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของเราให้ได้มากที่สุด
ไหนๆก็เพิ่งเริ่มต้นเรื่อง ขออนุญาตแชรข้อมูลเกี่ยวกับสถิติตัวเลขนิดนึงค่ะ
ความต้องการของลูกค้า เอเชีย และ ยุโรป มีความต่างกันอยู่พอสมควร
1. ปัจจัยต่อการตัดสินใจเลือกโฮสเทล
เอเชีย ... ดูจาก ทำเล รองลงมา เป็น ราคา และความคุ้มค่า
ยุโรป......ดูจาก ราคา รองลงมา เป็น บรรยากาศ และทำเล
2. เลือก โฮสเทล ดูจากอะไร
เอเชีย
ใช้การตัดสินใจจาก
>>> ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่โดยรอบปลอดภัย ใกล้แหล่งท่องเที่ยวกลางคืน
ยุโรป
ใช้การตัดสินใจจาก
>>> อยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่โดยรอบปลอดภัย
เอเชีย ราคาที่ยินดีจ่าย 600-1,000 บาท
ยุโรป ราคาที่ยินดีจ่าย 300-400 บาท
สิ่งที่มีอิธิพลต่อการเลือกโฮสเทล
เอเชีย รีวิว 61% เพื่อนบอกต่อ 20%
ยุโรป รีวิว 74% เพื่อนบอกต่ 19%
รู้จักโฮสเทลผ่านช่องทาง
เอเชีย ยุโรป
Agoda 59% Hostelworld 38%
Booking.com 43% Bookinh.com 34%
tripadvisor 14% Agoda 22%
Airbnb 14% Airbnb 22%
อันนี้เป็นแค่ข้อมูลร่าวที่ที่ทาง มหาวิทยาลัยมหิดลได้ทำการสำรวจเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ลูกค้า walk in ก็ถือว่ามีค่อนข้างเยอะ สำหรับธุรกิจนี้ ด้วยราคาขายที่ไม่ได้แพง ทำให้บางคนเลือกทีจะเดินทางมาดูโฮสเทล ดูห้อง ดูบรรยากาศก่อนทำการจอง
จากที่ผ่านมาลูกค้าของเราพอจะมีบ้างที่เดินเข้ามาแล้วบอก ขอ คืนนึง ด้วยความสงสัยว่า แกไม่คิดจะวางแผนมาก่อนรึไง จึงได้เข้าไปสอบถาม
ก็ได้ความว่า " ไม่ใช่เพิ่งมาถึงเมืองไทย มาสักพัก นอนอยู่ข้าวสาร แค่อยากจะเปลี่ยนย่านเฉยๆ มาดู ถ้าไม่ดีก็อยู่ที่อื่น "
ออ .. เข้าใจละ
ตอนที่เปิดโฮสเทลแรก นั่งรอลูกค้าไปสิคะ( ช่วงนั้นยังไม่ได้ทำ OTA )
OTA = Online Travel Agent การขายห้องพักผ่านระบบอินเตอร์เนต โดยผ่านตัวกลาง
พฤติกรรมของลูกค้าโฮสเทล จะไม่จองล่วงหน้าเป็นเวลานาน บางคนจองวันนี้พรุ่งนี้มา จองวันนี้เย็นๆจะมา
จ๊ะ... เอาที่พี่สบายใจ
หากพูดถึงการเดินทางเริ่มต้นของธุรกิจนี้ ทางเข้า ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ใครที่มีทุนเดิม คือมีอาคารอยู่แล้ว ถือว่าถูกล็อตเตอรี่ไปครึ่งทางละ เพราะสามารถประหยัดต้นทุรการเช่า การเซ้งได้ ทีนี้ ก็เอาเงินมาลงส่วนของดัดแปลงเพื่อให้มันเอาไปขายเป็นโฮสเทล
ส่วนคนที่ไม่มีตึก หากเห็นว่าตึกไหน ทำเลไหนสามารถทำได้ จินตนาการแล้ว กดเครื่องคิดเลขแล้ว ก็ลองเจรจากับเจ้าของตึกเพื่อทำการเช่า ( อย่างน้อยเซ็นมาสัก สี่ปีนะ ) ได้คืนทุนและมีกำไรติดตัว
หรืออีกทางออกหนึ่งง จีบเจ้าของอาคารเดิมเป็นหุ้นส่วนกันไปเลย JV หรือ Joint Venture การร่วมทุนกันเลยย
อย่างของเรา พวกเราเป็นพวกลองของ
เราเรียนคอร์ส อันนึงที่เกี่ยวกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนๆ หลังจากพรีเซ้น ไฟนอลเสร็จ เรียนจบละ ก็ถึงเวลาลองของงง
เรามีกันเจ็ดคน เยอะมาก ในการทำงานร่วมกัน แต่เราโชคดีที่เรามีหน้าที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละคนถนัดต่างกัน
สถาปนิก ออกแบบ บัญชี กฏหมาย การตลาด การเงิน และหาคน
มันช่างลงตัวเหลือเกิน .....
แต่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหานะคะ ไว้จะเล่าในตอนที่เราเริ่มทำงานด้วยกันนแล้ว ..
ถ้าพูดถึงการขายที่พักของโฮสเทลแล้วนั้น
คือการขายแบบเป็นเตียง ต่ะ เตียง เตียง 2 ชั้นนี่แหล่ะ ชั้น 2 ปีนขึ้นไปน้ะจ๊ะ
จำแนกประเภทห้องพักได้คร่าวๆ
ห้องนอนรวม 4 คน
ห้องนอนรวม 6 คน
ห้องนอนรวม 12 คน
ห้องนอนรวม เฉพาะ ผู้หญฺิง
ห้องเดี่ยว
ห้องครอบครัว
การให้น้ำหนักสัดส่วนแต่ละประเภท ไม่มีกฏตายตัว ขึ้นอยู่กับ ความต้องการของลูกค้าย่านนนั้นๆ ที่เราต้องทำการสำรวจก่อนจะเริ่มธุรกิจ
การนอนรวมกันกับคนแปลกหน้า สำหรับเราๆแล้ว คงฟังแล้วจั๊กจี้ พิลึก
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แล้ว การนอนห้องเดียวกัน ภายใต้การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ ถือว่าโอเค
เพราะหัวใจของธุรกิจโฮสเทล คือ การได้ลงมาพบปะพูดคุยกันที่ พื้นที่ส่วนกลางงง เพื่อแลกเปลี่ยน แชร์ข้อมูลกัน