มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ชีวิตคนเรา ก็เฉกเช่นบทละคร เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา บทบาทชีวิตที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งกาลเวลาที่ทำให้ตัวเราเองเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะในส่วนของความคิด หรือการกระทำก็ตาม เปรียบได้กับละครบทหนึ่งที่ต้องมีจุดหักเห เพื่อดึงดูดความสนใจหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนอารมณ์ผู้ชมให้คล้อยไปตามเรื่องราวที่ผู้กำกับวางไว้
ก่อนหน้านี้ผมเคยได้แชร์เรื่องราวที่ชีวิตผลิกผัน ไปสู่การเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตามกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/34822107
และ ณ ขณะนี้ ร้านกาแฟเล็กๆ ได้เจริญเติบโตไปสู่ โฮสเทลเล็กๆ! (ฮา)
ตึง ตึ่ง ตึ๊ง Turning Point ที่ 2
หลังจากเวลาผ่านไป ด้วยความนิยมและรายได้ที่เริ่มต้นมั่นคง ผมจึงเริ่มสอบถามเจ้าของตึก ถึงการต่อสัญญาเช่าฉบับใหม่ ซึ่งสัญญาเช่าฉบับเก่ากำลังจะหมดลงในอีก 1 ปีข้างหน้า!
และผมก็ได้คำตอบกลับมาด้วยความว่างเปล่าว่า "ไว้สัญญาใกล้หมด เราค่อยมาคุยกัน" โห สัญญาใกล้หมดค่อยมาคุยกัน แปลว่าถ้าถึงเวลานั้น ค่าเช่าขึ้นเท่าไรผมก็ต้องยอม เพราะจะเตรียมการหาที่ใหม่ไม่ทัน และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เจ้าของตึกยื้อเวลาไว้ก็คือ ข้างๆ ร้านผม มีโฮสเทลเปิดอยู่ ซึ่ง "แขกเต็มแทบทุกคืน" เชดดด นี่กะเดินหมากเกมรุกได้กับได้เลยนี่หว่า (อันนี้เป็นความคิดอันมืดมัวยังกะบรรยากาศกอทแทมในหัวผมเอง)
ต้องยอมรับว่า จังหวะนั้นผมก็เริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับโฮสเทลเยอะพอสมควร เพราะเจอทุกวัน ทั้งการกินอยู่ หลับนอน การใช้ชีวิต ซึ่งทุกสิ่งถ่ายทอดผ่านแขกทุกคนที่เข้ามาแวะเวียนร้านของผมทุกวี่วัน และแล้วความคิดนี้ก็เกิดขึ้น "ทำโฮสเทลแ_่งเลยดิ" (ซึ่งต้องบอก ณ ที่นี้ว่า ผมเป็นคนสุโขทัยโดยกำเนิด)
Pre - Production
จากทุนรอนที่สั่งสม รวมกับสมบัติเก่าที่สะสม ผมกับแฟนก็เลยเริ่มต้นวางแผน เอาหล่ะๆ ไหนๆ เราก็คนสุโขทัย จังหวัดมรดกโลกเหมือนอยุธยา(ความเหมือนที่แตกต่าง) ด้วยช่วงอายุ ระยะเวลาที่ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน กลับบ้านกัน!
ในขณะที่กลางวันเราดำเนินร้านกาแฟไปตามปกติ กลางคืนเราก็เริ่มทำการพรีโพรดักชั่น เราเริ่มต้นจากการคำนวณทุนที่ต้องใช้ ถามโฮสเทลข้างๆ ถึงรายละเอียดปลีกย่อย ค่าใช้จ่ายต่างๆ จนได้ดราฟแรก แบบอัตคัต เราวางงบไว้ที่ ห้าแสนบาทถ้วน (เท่าที่มีจ่ะ) หลังจากนั้น ก็ดำเนินการเตรียมยกเลิกสัญญากับเจ้าของตึก เตรียมหาคนเช่าใหม่มา เผื่อจะได้ค่ามัดจำคืน (ซึ่งสุดท้ายไม่ได้ ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดจะเล่าให้ฟัง แต่ไม่ค่อยเกี่ยวกับเส้นเรื่องหลัก ขอเอาไปไว้เป็น side story เพื่อหากิน ณ โอกาสต่อไป ฮาาา)
สิ่งแรกที่เราเริ่มทำคือ สำรวจตลาด ในพื้นที่ที่เราจะไปเริ่มต้นธุรกิจ มีธุรกิจเดียวกันหรือไม่ ธุรกิจที่ใกล้เคียง ธุรกิจที่ส่งเสริมกันได้ จำนวนนักท่องเที่ยว และทำเล
โดยความเป็นโฮสเทล เราจึงสรุปกันว่า ทำเลน่าจอยู่ในเขตเมืองใหม่ เราหาส่วนที่ใกล้เคียงกับความต้องการคือ ใกล้การเดินทาง ใจกลางเมือง และมีสิ่งอำนวนความสะดวกแบบที่โฮสเทลไลฟ์ต้องการ ในที่สุดเราได้ทำเลที่อยากได้มา ตามนี้

และ

แต่สุดท้าย ด้วยความบังเอิญ และจังหวะที่พอดี เราได้ตึกนี้มาแทน
ซึ่ง เป็นโรงแรมเก่าที่กำลังเปิดทำการอยู่ แต่ก็เสื่อมโทรมไปมาก บวกกับเจ้าของอยู่ในธุรกิจมานาน อยากวางมือ ก็เลยปล่อยเช่า (ซึ่งรายละเอียดการเช่าอีกมากมาย ขอเก็บไว้เป็น side story ตามเคย 555)
ซึ่งโลเคชั่นตรงนี้ถือว่าโอเค มีถนนคนเดินทุกวันเสาร์ ใกล้สวนสาธารณะ ท่ารถไปแหล่งท่องเที่ยว ตลาด แม่น้ำ
ถนนคนเดิน
วิวจากดาดฟ้า
จากนั้นเราทำ 3d ง่ายๆ กับแผน ไว้เป็นแนวทางการทำงาน

ซึ่งต้องขอบคุณงานเก่าที่สอนให้ทำ pre-pro book ส่งลูกค้า และแล้วพรีโพบุ๊คของโรงแรมก็เสร็จออกมา ด้วยความหนาประมาณ ร้อยกว่าหน้า!
(ในรูปชื่อโรงแรมไม่ใช่ตามที่ข้อความเขียนนะครับ ขอไม่เซ็นเซอร์ เพราะไม่มีชื่อนี้อยู่จริง)
พาทแรกขอหยุดไว้ตรงนี้ เริ่มเมื่อยมือ ส่งท้ายด้วย Teaser เล็กๆ รูปทุบตึก
โปรดติดตามตอนต่อไป...
จากบาริสต้าหัวฟู สู่โฮสเทลเล็กๆ ที่หลายคนวาดไว้
ก่อนหน้านี้ผมเคยได้แชร์เรื่องราวที่ชีวิตผลิกผัน ไปสู่การเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตามกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/34822107
และ ณ ขณะนี้ ร้านกาแฟเล็กๆ ได้เจริญเติบโตไปสู่ โฮสเทลเล็กๆ! (ฮา)
ตึง ตึ่ง ตึ๊ง Turning Point ที่ 2
หลังจากเวลาผ่านไป ด้วยความนิยมและรายได้ที่เริ่มต้นมั่นคง ผมจึงเริ่มสอบถามเจ้าของตึก ถึงการต่อสัญญาเช่าฉบับใหม่ ซึ่งสัญญาเช่าฉบับเก่ากำลังจะหมดลงในอีก 1 ปีข้างหน้า!
และผมก็ได้คำตอบกลับมาด้วยความว่างเปล่าว่า "ไว้สัญญาใกล้หมด เราค่อยมาคุยกัน" โห สัญญาใกล้หมดค่อยมาคุยกัน แปลว่าถ้าถึงเวลานั้น ค่าเช่าขึ้นเท่าไรผมก็ต้องยอม เพราะจะเตรียมการหาที่ใหม่ไม่ทัน และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เจ้าของตึกยื้อเวลาไว้ก็คือ ข้างๆ ร้านผม มีโฮสเทลเปิดอยู่ ซึ่ง "แขกเต็มแทบทุกคืน" เชดดด นี่กะเดินหมากเกมรุกได้กับได้เลยนี่หว่า (อันนี้เป็นความคิดอันมืดมัวยังกะบรรยากาศกอทแทมในหัวผมเอง)
ต้องยอมรับว่า จังหวะนั้นผมก็เริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับโฮสเทลเยอะพอสมควร เพราะเจอทุกวัน ทั้งการกินอยู่ หลับนอน การใช้ชีวิต ซึ่งทุกสิ่งถ่ายทอดผ่านแขกทุกคนที่เข้ามาแวะเวียนร้านของผมทุกวี่วัน และแล้วความคิดนี้ก็เกิดขึ้น "ทำโฮสเทลแ_่งเลยดิ" (ซึ่งต้องบอก ณ ที่นี้ว่า ผมเป็นคนสุโขทัยโดยกำเนิด)
Pre - Production
จากทุนรอนที่สั่งสม รวมกับสมบัติเก่าที่สะสม ผมกับแฟนก็เลยเริ่มต้นวางแผน เอาหล่ะๆ ไหนๆ เราก็คนสุโขทัย จังหวัดมรดกโลกเหมือนอยุธยา(ความเหมือนที่แตกต่าง) ด้วยช่วงอายุ ระยะเวลาที่ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน กลับบ้านกัน!
ในขณะที่กลางวันเราดำเนินร้านกาแฟไปตามปกติ กลางคืนเราก็เริ่มทำการพรีโพรดักชั่น เราเริ่มต้นจากการคำนวณทุนที่ต้องใช้ ถามโฮสเทลข้างๆ ถึงรายละเอียดปลีกย่อย ค่าใช้จ่ายต่างๆ จนได้ดราฟแรก แบบอัตคัต เราวางงบไว้ที่ ห้าแสนบาทถ้วน (เท่าที่มีจ่ะ) หลังจากนั้น ก็ดำเนินการเตรียมยกเลิกสัญญากับเจ้าของตึก เตรียมหาคนเช่าใหม่มา เผื่อจะได้ค่ามัดจำคืน (ซึ่งสุดท้ายไม่ได้ ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดจะเล่าให้ฟัง แต่ไม่ค่อยเกี่ยวกับเส้นเรื่องหลัก ขอเอาไปไว้เป็น side story เพื่อหากิน ณ โอกาสต่อไป ฮาาา)
สิ่งแรกที่เราเริ่มทำคือ สำรวจตลาด ในพื้นที่ที่เราจะไปเริ่มต้นธุรกิจ มีธุรกิจเดียวกันหรือไม่ ธุรกิจที่ใกล้เคียง ธุรกิจที่ส่งเสริมกันได้ จำนวนนักท่องเที่ยว และทำเล
โดยความเป็นโฮสเทล เราจึงสรุปกันว่า ทำเลน่าจอยู่ในเขตเมืองใหม่ เราหาส่วนที่ใกล้เคียงกับความต้องการคือ ใกล้การเดินทาง ใจกลางเมือง และมีสิ่งอำนวนความสะดวกแบบที่โฮสเทลไลฟ์ต้องการ ในที่สุดเราได้ทำเลที่อยากได้มา ตามนี้
และ
แต่สุดท้าย ด้วยความบังเอิญ และจังหวะที่พอดี เราได้ตึกนี้มาแทน
ซึ่ง เป็นโรงแรมเก่าที่กำลังเปิดทำการอยู่ แต่ก็เสื่อมโทรมไปมาก บวกกับเจ้าของอยู่ในธุรกิจมานาน อยากวางมือ ก็เลยปล่อยเช่า (ซึ่งรายละเอียดการเช่าอีกมากมาย ขอเก็บไว้เป็น side story ตามเคย 555)
ซึ่งโลเคชั่นตรงนี้ถือว่าโอเค มีถนนคนเดินทุกวันเสาร์ ใกล้สวนสาธารณะ ท่ารถไปแหล่งท่องเที่ยว ตลาด แม่น้ำ
ถนนคนเดิน
วิวจากดาดฟ้า
จากนั้นเราทำ 3d ง่ายๆ กับแผน ไว้เป็นแนวทางการทำงาน
ซึ่งต้องขอบคุณงานเก่าที่สอนให้ทำ pre-pro book ส่งลูกค้า และแล้วพรีโพบุ๊คของโรงแรมก็เสร็จออกมา ด้วยความหนาประมาณ ร้อยกว่าหน้า!
(ในรูปชื่อโรงแรมไม่ใช่ตามที่ข้อความเขียนนะครับ ขอไม่เซ็นเซอร์ เพราะไม่มีชื่อนี้อยู่จริง)
พาทแรกขอหยุดไว้ตรงนี้ เริ่มเมื่อยมือ ส่งท้ายด้วย Teaser เล็กๆ รูปทุบตึก
โปรดติดตามตอนต่อไป...