“นายกฯ คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า?
ดร.เขียน ธีระวิทย์
----------------------------------------------------
เมื่อผมอายุไม่ถึง 7 ขวบ ผมชอบเอาหนังสติ๊กไปยิงนกกระจิบที่ชอบบินมาหาแมลงกินที่พุ่มไม้ใกล้บ้าน ผมเคยยิงมันตายแล้วคิดภูมิใจว่ามีฝีมือยิงแม่น
ภายหลังโตเป็นผู้ใหญ่ ผมจึงสำนึกได้ว่าผมทำบาป ยิงนกตาย พรากมันจากพ่อ-แม่-ลูก-คู่รักของมันโดยไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย
เมื่อผมเรียนวิชารัฐศาสตร์จบปริญญาตรี-เอกใหม่ๆ
ผมเชื่อว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยดีเลิศ
ผมไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้พฤติกรรมในการเลือกตั้งของไทยว่า
เขาเลือกผู้แทนกันมาอย่างไร
ผมเคยเขียนบทความลงในวารสารต่างๆ ยืนหยัดความเชื่อของผมว่าการทำรัฐประหารเป็นงานเลวร้ายที่จะอ้างเหตุผลใดๆ มาลบล้างไม่ได้ทั้งสิ้น
เมื่อผมเกษียณอายุราชการแล้ว ผมเห็นคนพันธุ์ทักษิณยึดอำนาจรัฐในไทย โดยผ่านการเลือกตั้งสกปรก ผมเห็นพวกเขาโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจปกครองประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวก
จนที่สุดผมได้ข้อสรุปว่าคนไทยจะแตกแยกกันทุกหย่อมหญ้าและประเทศชาติจะล่มจมในที่สุด
ถ้าหากเราจะหวังลมๆ แล้งๆ รอคอยพระสยามเทวาธิราชมากอบกู้สถานการณ์ให้
การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจโดยทหารเป็นทางออกที่เลวร้ายน้อยที่สุด แล้วสถานการณ์ก็บังคับให้ทหารทำรัฐประหารจริงๆ ถึง 2 ครั้ง ซึ่งผมก็เห็นชอบด้วย นั่นคือผมได้เปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองอย่างชัดเจน จากเดิมที่ว่าทหารต้องห้ามในการทำรัฐประหาร มาเป็นทหารมีสิทธิ์ธรรมชาติที่จะทำรัฐประหารได้
ถ้าเรามีประชาธิปไตยจอมปลอมที่ไม่ยึดหลักกฎหมายในการปกครองประเทศ
สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ผมมีเวลาวิเคราะห์ปัญหาการเมืองไทยมากขึ้น ผมดูจากของจริงมากกว่าเชื่อตามตำรา ผมเห็นคนไทยในวงการวิชาการ สื่อมวลชน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองจำนวนมาก มีทัศนคติทางการเมืองเหมือนผมมันสมองยังไม่โตยิงนกกระจิบเล่นโดยไม่รู้จักคิดให้รอบคอบว่าแล้วใครจะได้อะไร
จะเอาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่
แล้วได้ประชาธิปไตยจอมปลอมที่ใครเป็นใหญ่กันแน่
รณรงค์ชวนคนอื่นให้ออกเสียงไม่รับช่วงรัฐธรรมนูญโดยไม่คิดให้รอบคอบว่าถ้าไม่รับฉบับนี้แล้วผลจะเป็นอย่างไร
ปัจจุบัน มีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลายว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกตั้ง “ไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก”
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแชมป์ล่าสุดที่ออกมาสอนคนให้เชื่อเช่นนั้น ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มและฟุ้งซ่านประชาธิปไตยในแผ่นกระดาษนั้น ผมตกหลุมตำราวิชาการฝรั่งไม่ลึกเท่ากับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์
เรามีตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา เรามีนายกรัฐมนตรี 9 คน
(ไม่รวมที่เป็นไม่เกิน 2 เดือน)
เป็น “คนนอก” 5 คน ได้แก่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คุณอานันท์ ปันยารชุน พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนที่เป็น “คนใน” มี 9 คน คือ พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เราเห็นแล้วยังว่าใครทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ใครทำลายประเทศชาติมากกว่ากันมีใครมองไม่เห็นบ้าง
“นายกฯ คนนอก” เช่น พลเอกเปรม และคุณอานันท์ นั้นมีคุณูปการต่อประเทศชาติมากเพียงใด
พลเอกประยุทธ์ใช้เวลา 2 ปีเศษกอบกู้ประเทศเรา ซึ่งจมปลักอยู่กับกองเพลิงแห่งความขัดแย้งให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้
เรียกว่าเป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นเรายังมองไม่เห็น
ส่วน “นายกฯ คนใน” นั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติกอบกู้ชื่อเสียงของนักการเมืองในสายตาของผมมีคนเดียว คือ คุณชวน หลีกภัย
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้นพูดเก่ง มีหลักการ-หลักวิชา เหมาะกับการเป็นผู้นำของประเทศประชาธิปไตยตะวันตก
ท่านมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมือง
กรณีการประชุมสุดยอดอาเซียน + 6 ที่โรงแรมรอยอลคลิฟบิชรีสอร์ทที่พัทยา (10 เมษายน 2552) ซึ่งถูกม็อบเสื้อแดงบุกขับไล่อภิสิทธิ์และผู้นำต่างประเทศหนีกระเจิงตั้งแต่วันแรก และต้องล้มเลิกการประชุมคราวนั้นประเทศไทยเสียหายอย่างใหญ่หลวงอย่างประเมินค่ามิได้ การประชุมที่สำคัญยิ่งครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าภาพจะต้องมีข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน
ถ้าไม่มีก็ต้องถือว่าบริหารงานข่าวกรองไม่เป็น
ท่านน่าจะรู้ว่าลำพังกำลังตำรวจนั้นเชื่อถือไม่ได้
และงานสำคัญเช่นนั้นจะเลื่อนหรือยกเลิกก็ไม่ได้
ทำไมท่านไม่ขอกำลังทหารมาช่วย ถ้าท่านมัวกังวลใจว่า
เอาทหารมาใช้งานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในไม่เป็นประชาธิปไตย ก็หมายความว่าท่านเอาหลักวิชาประชาธิปไตยมาประยุกต์ใช้กับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่เป็น
เช่นเดียวกับที่ท่านถูกม็อบเสื้อแดงไล่ต้อนซุกรถหนีออกมาจากกระทรวงมหาดไทย
2 วันต่อมาและการสลายการชุมนุมที่ยืดเยื้อของม็อบเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ (12 มีนาคม – 19 พฤษภาคม 2553)
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่านตัดสินใจ แก้ปัญหาไม่เป็น
สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเห็นภัยจากระบอบประชาธิปไตยสามานย์มากขึ้น
สหรัฐฯ ได้ชื่อว่าเป็น แชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่มีประเทศใดเสมอเหมือนในการทำร้ายคนบริสุทธิ์ทั่วโลก
ใครเป็นผู้นำไล่ล่าสังหารซัดดัม ฮุสเซ็นของอิรัก
ใครไปโค่นล้มรัฐบาลมูอัมมาร์ อัล กัดคาฟี่ของลิเบีย
ทำให้ 2 ประเทศนี้ประสบภาวะสงครามแหลกลานมาจนถึงทุกวันนี้ ยังมีอัฟกานิสถาน ซีเรีย และอื่นๆ อีกมากมาย
ฉะนั้น คนไทยทั้งหลายจงอย่าหลงใหลคลั่งไคล้ระบอบประชาธิปไตยให้มากนักเลย มีคนสร้างประเด็นความขัดแย้งให้พวกเราตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เพิ่งผ่านประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง”
คนที่เล่นการเมืองเป็นอาชีพของไทยมีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมดต้องการผูกขาดอำนาจแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดของประเทศก็ได้แล้ว
แม้พรรคการเมืองจะคัดสรร “คนนอก” มาอยู่ในบัญชีผู้แข่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158-159 ก็ไม่ยอม
คนดีๆ มีความสามารถมากมายไม่อยากไปแย่งตำแหน่งนั้นกับนักการเมืองหรอก บางคนแม้ท่านจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปเชิญก็ยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำ
คิดได้หรือไม่ว่าท่านกำลังเรียกร้องคนไทยทั่วประเทศให้ตัดสิทธิ์ของคนอาชีพอื่นมากกว่า 99%
มิให้เขาได้ผู้นำที่ดีมีความสามารถ เพราะเขาไม่ยอมสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นักการเมืองได้ทำให้สกปรกไปแล้ว
“คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ตอบคำถามนี้ได้ไหม?
กลัวทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม?
ทหารไม่ใช่คนไทยหรือไร?
ทหารรักชาติไม่เป็นหรือ?
ท่านกลัวทหารเอารถถังมาหนุนหลังปกครองประเทศหรือ?
ทุกวันนี้ท่านก็ด่าทหารกันอย่างเสรีอยู่แล้ว ทำไมไม่กลัวล่ะ? ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวทหาร
ผมกลัวนายกฯ ที่ไม่บังคับใช้กฎหมายมากกว่าเพราะคนไม่เคารพกฎหมายทำให้ผมเดือดร้อนด้วย
แทนที่จะมารณรงค์ต่อต้าน “นายกฯ คนนอก”เรามาช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยอย่าแบ่งแยก “คนใน”
“คนนอก” ดีกว่าคอยต่อต้านนายกคนต่อๆ ไป ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
และ/หรือ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งคัดด้วย
เขียน ธีระวิทย์
แถวนี้มันเถื่อนไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ครับแม้จะเป็นคนจริงก็โดนตัดตอนจนหายไปได้ ไม่มีใครพูดผมพูดไปเรื่อยเองแหละครับ พูดจาๆดีกันหน่อยนะครับทุกๆท่านยังอยากอยุ่ด้วยกันไปนานๆมามอบความรักต่อประเทศชาติและความสามัคคีต่อชาวไทยทุกๆคน(ไม่ใช่ทุกข์ทุกคนนะครับ)กันเถอะครับ เป็นไปได้อย่าพากระทู้ผมปลิวนะครับขี้เกียจซื้อซิมใหม่อีก 50 บาท อ้อถ้าจำไม่ผิดมิสเตอร์เดอร์วอลเปเปอร์นาม่าออกมาคุยเรื่องนี้เหมือนกันครับแต่แบบไหนไปดูเอาเองนะครับถ้าใจถึงก็เอามาลงเม้นแล้วกันครับส่วนผมนั้นบอกได้แค่ว่า

นะครับถือว่าเข้าใจตรงกันนะ ระหว่างนี้ผมก็ไปเป็น

พลางๆก่อนว่างๆจะลงมาส่องครับ
“นายกฯ คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ดร.เขียน ธีระวิทย์
ดร.เขียน ธีระวิทย์
----------------------------------------------------
เมื่อผมอายุไม่ถึง 7 ขวบ ผมชอบเอาหนังสติ๊กไปยิงนกกระจิบที่ชอบบินมาหาแมลงกินที่พุ่มไม้ใกล้บ้าน ผมเคยยิงมันตายแล้วคิดภูมิใจว่ามีฝีมือยิงแม่น
ภายหลังโตเป็นผู้ใหญ่ ผมจึงสำนึกได้ว่าผมทำบาป ยิงนกตาย พรากมันจากพ่อ-แม่-ลูก-คู่รักของมันโดยไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย
เมื่อผมเรียนวิชารัฐศาสตร์จบปริญญาตรี-เอกใหม่ๆ
ผมเชื่อว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยดีเลิศ
ผมไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้พฤติกรรมในการเลือกตั้งของไทยว่า
เขาเลือกผู้แทนกันมาอย่างไร
ผมเคยเขียนบทความลงในวารสารต่างๆ ยืนหยัดความเชื่อของผมว่าการทำรัฐประหารเป็นงานเลวร้ายที่จะอ้างเหตุผลใดๆ มาลบล้างไม่ได้ทั้งสิ้น
เมื่อผมเกษียณอายุราชการแล้ว ผมเห็นคนพันธุ์ทักษิณยึดอำนาจรัฐในไทย โดยผ่านการเลือกตั้งสกปรก ผมเห็นพวกเขาโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจปกครองประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวก
จนที่สุดผมได้ข้อสรุปว่าคนไทยจะแตกแยกกันทุกหย่อมหญ้าและประเทศชาติจะล่มจมในที่สุด
ถ้าหากเราจะหวังลมๆ แล้งๆ รอคอยพระสยามเทวาธิราชมากอบกู้สถานการณ์ให้
การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจโดยทหารเป็นทางออกที่เลวร้ายน้อยที่สุด แล้วสถานการณ์ก็บังคับให้ทหารทำรัฐประหารจริงๆ ถึง 2 ครั้ง ซึ่งผมก็เห็นชอบด้วย นั่นคือผมได้เปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองอย่างชัดเจน จากเดิมที่ว่าทหารต้องห้ามในการทำรัฐประหาร มาเป็นทหารมีสิทธิ์ธรรมชาติที่จะทำรัฐประหารได้
ถ้าเรามีประชาธิปไตยจอมปลอมที่ไม่ยึดหลักกฎหมายในการปกครองประเทศ
สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ผมมีเวลาวิเคราะห์ปัญหาการเมืองไทยมากขึ้น ผมดูจากของจริงมากกว่าเชื่อตามตำรา ผมเห็นคนไทยในวงการวิชาการ สื่อมวลชน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองจำนวนมาก มีทัศนคติทางการเมืองเหมือนผมมันสมองยังไม่โตยิงนกกระจิบเล่นโดยไม่รู้จักคิดให้รอบคอบว่าแล้วใครจะได้อะไร
จะเอาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่
แล้วได้ประชาธิปไตยจอมปลอมที่ใครเป็นใหญ่กันแน่
รณรงค์ชวนคนอื่นให้ออกเสียงไม่รับช่วงรัฐธรรมนูญโดยไม่คิดให้รอบคอบว่าถ้าไม่รับฉบับนี้แล้วผลจะเป็นอย่างไร
ปัจจุบัน มีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลายว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกตั้ง “ไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก”
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแชมป์ล่าสุดที่ออกมาสอนคนให้เชื่อเช่นนั้น ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มและฟุ้งซ่านประชาธิปไตยในแผ่นกระดาษนั้น ผมตกหลุมตำราวิชาการฝรั่งไม่ลึกเท่ากับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์
เรามีตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา เรามีนายกรัฐมนตรี 9 คน
(ไม่รวมที่เป็นไม่เกิน 2 เดือน)
เป็น “คนนอก” 5 คน ได้แก่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คุณอานันท์ ปันยารชุน พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนที่เป็น “คนใน” มี 9 คน คือ พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เราเห็นแล้วยังว่าใครทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ใครทำลายประเทศชาติมากกว่ากันมีใครมองไม่เห็นบ้าง
“นายกฯ คนนอก” เช่น พลเอกเปรม และคุณอานันท์ นั้นมีคุณูปการต่อประเทศชาติมากเพียงใด
พลเอกประยุทธ์ใช้เวลา 2 ปีเศษกอบกู้ประเทศเรา ซึ่งจมปลักอยู่กับกองเพลิงแห่งความขัดแย้งให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้
เรียกว่าเป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นเรายังมองไม่เห็น
ส่วน “นายกฯ คนใน” นั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติกอบกู้ชื่อเสียงของนักการเมืองในสายตาของผมมีคนเดียว คือ คุณชวน หลีกภัย
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้นพูดเก่ง มีหลักการ-หลักวิชา เหมาะกับการเป็นผู้นำของประเทศประชาธิปไตยตะวันตก
ท่านมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมือง
กรณีการประชุมสุดยอดอาเซียน + 6 ที่โรงแรมรอยอลคลิฟบิชรีสอร์ทที่พัทยา (10 เมษายน 2552) ซึ่งถูกม็อบเสื้อแดงบุกขับไล่อภิสิทธิ์และผู้นำต่างประเทศหนีกระเจิงตั้งแต่วันแรก และต้องล้มเลิกการประชุมคราวนั้นประเทศไทยเสียหายอย่างใหญ่หลวงอย่างประเมินค่ามิได้ การประชุมที่สำคัญยิ่งครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าภาพจะต้องมีข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน
ถ้าไม่มีก็ต้องถือว่าบริหารงานข่าวกรองไม่เป็น
ท่านน่าจะรู้ว่าลำพังกำลังตำรวจนั้นเชื่อถือไม่ได้
และงานสำคัญเช่นนั้นจะเลื่อนหรือยกเลิกก็ไม่ได้
ทำไมท่านไม่ขอกำลังทหารมาช่วย ถ้าท่านมัวกังวลใจว่า
เอาทหารมาใช้งานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในไม่เป็นประชาธิปไตย ก็หมายความว่าท่านเอาหลักวิชาประชาธิปไตยมาประยุกต์ใช้กับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่เป็น
เช่นเดียวกับที่ท่านถูกม็อบเสื้อแดงไล่ต้อนซุกรถหนีออกมาจากกระทรวงมหาดไทย
2 วันต่อมาและการสลายการชุมนุมที่ยืดเยื้อของม็อบเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ (12 มีนาคม – 19 พฤษภาคม 2553)
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่านตัดสินใจ แก้ปัญหาไม่เป็น
สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเห็นภัยจากระบอบประชาธิปไตยสามานย์มากขึ้น
สหรัฐฯ ได้ชื่อว่าเป็น แชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่มีประเทศใดเสมอเหมือนในการทำร้ายคนบริสุทธิ์ทั่วโลก
ใครเป็นผู้นำไล่ล่าสังหารซัดดัม ฮุสเซ็นของอิรัก
ใครไปโค่นล้มรัฐบาลมูอัมมาร์ อัล กัดคาฟี่ของลิเบีย
ทำให้ 2 ประเทศนี้ประสบภาวะสงครามแหลกลานมาจนถึงทุกวันนี้ ยังมีอัฟกานิสถาน ซีเรีย และอื่นๆ อีกมากมาย
ฉะนั้น คนไทยทั้งหลายจงอย่าหลงใหลคลั่งไคล้ระบอบประชาธิปไตยให้มากนักเลย มีคนสร้างประเด็นความขัดแย้งให้พวกเราตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เพิ่งผ่านประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง”
คนที่เล่นการเมืองเป็นอาชีพของไทยมีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมดต้องการผูกขาดอำนาจแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดของประเทศก็ได้แล้ว
แม้พรรคการเมืองจะคัดสรร “คนนอก” มาอยู่ในบัญชีผู้แข่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158-159 ก็ไม่ยอม คนดีๆ มีความสามารถมากมายไม่อยากไปแย่งตำแหน่งนั้นกับนักการเมืองหรอก บางคนแม้ท่านจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปเชิญก็ยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำ
คิดได้หรือไม่ว่าท่านกำลังเรียกร้องคนไทยทั่วประเทศให้ตัดสิทธิ์ของคนอาชีพอื่นมากกว่า 99%
มิให้เขาได้ผู้นำที่ดีมีความสามารถ เพราะเขาไม่ยอมสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นักการเมืองได้ทำให้สกปรกไปแล้ว
“คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ตอบคำถามนี้ได้ไหม?
กลัวทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม?
ทหารไม่ใช่คนไทยหรือไร?
ทหารรักชาติไม่เป็นหรือ?
ท่านกลัวทหารเอารถถังมาหนุนหลังปกครองประเทศหรือ?
ทุกวันนี้ท่านก็ด่าทหารกันอย่างเสรีอยู่แล้ว ทำไมไม่กลัวล่ะ? ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวทหาร
ผมกลัวนายกฯ ที่ไม่บังคับใช้กฎหมายมากกว่าเพราะคนไม่เคารพกฎหมายทำให้ผมเดือดร้อนด้วย
แทนที่จะมารณรงค์ต่อต้าน “นายกฯ คนนอก”เรามาช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยอย่าแบ่งแยก “คนใน”
“คนนอก” ดีกว่าคอยต่อต้านนายกคนต่อๆ ไป ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
และ/หรือ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งคัดด้วย
เขียน ธีระวิทย์
แถวนี้มันเถื่อนไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ครับแม้จะเป็นคนจริงก็โดนตัดตอนจนหายไปได้ ไม่มีใครพูดผมพูดไปเรื่อยเองแหละครับ พูดจาๆดีกันหน่อยนะครับทุกๆท่านยังอยากอยุ่ด้วยกันไปนานๆมามอบความรักต่อประเทศชาติและความสามัคคีต่อชาวไทยทุกๆคน(ไม่ใช่ทุกข์ทุกคนนะครับ)กันเถอะครับ เป็นไปได้อย่าพากระทู้ผมปลิวนะครับขี้เกียจซื้อซิมใหม่อีก 50 บาท อ้อถ้าจำไม่ผิดมิสเตอร์เดอร์วอลเปเปอร์นาม่าออกมาคุยเรื่องนี้เหมือนกันครับแต่แบบไหนไปดูเอาเองนะครับถ้าใจถึงก็เอามาลงเม้นแล้วกันครับส่วนผมนั้นบอกได้แค่ว่า