เส้นทางประชาธิปไตยของไทยต้องสะดุดลงอีกครั้ง เมื่อมีการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วยข้ออ้างเพื่อแก้ไขวิกฤตความขัดแย้ง ยับยั้งรุนแรง นำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข ที่ผ่านมาบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างยิ่ง กรณีออกมาเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจ ก่อการรัฐประหาร ไม่นับรวมการบอยคอตการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ สวนทางกับเจตนารมณ์ของพรรคที่ได้ชื่อว่าสถาบันการเมือง ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติดตามการเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อนักการเมืองรุ่นหลัง โดยเฉพาะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน
ประชาธิปัตย์กับการรัฐประหาร
ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2501 ผ่านการรัฐประหารมาหลายครั้ง แต่ละครั้งรู้สึกเสียใจมากที่ต้องเจอการแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยการใช้กำลังปฏิวัติ เนื่องจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนได้รับการอบรมสั่งสอนถึงหลักการประชาธิปไตย ย่อมไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหัวหน้าผู้ก่อการนั้น กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่ ยิ่งไม่เห็นด้วย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดแบบนี้มาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ได้รับการอบรมสั่งสอนมาแบบนี้ อุดม การณ์นี้จึงฝังอยู่ในกระดูกของพวกเรา
มองการคลี่คลายสถานการณ์ของ คสช. ครั้งนี้
คิดว่าไม่ใช่อย่างที่ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ ไปโทษพรรคเพื่อไทยว่าไม่ทำตามแผนปฏิรูปของประชาธิปัตย์ จึงโดนทำรัฐประหาร ถ้าจะโทษต้องโทษนักการเมืองทุกพรรคที่ทะเลาะกัน และไม่มีความเป็นประชาธิปไตย แล้วนักการเมือง เหล่านี้ก็นำความเท็จไปบิดเบือนปลุกระดมมวลชนให้เคียดแค้นกัน จึงทำให้ทหารทนไม่ไหว มองอย่างเป็นธรรมแล้วจะพบความแตกต่างจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. มีความตั้งใจดี ในแง่ความมั่นคง เขาจำเป็นต้องทำ ตลอดวิกฤตการเมือง 7-8 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเขาวางตัวได้ถูกต้อง พยายามให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาทางออกอย่างสงบก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่กำลังไฟไหม้ และไม่มีใครดับไฟนี้ได้ ซึ่งมันเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเลือดตกยางออกครั้งใหญ่ เนื่องจากฝ่าย นปช. และ กปปส. ต่างมีมวลชนเป็นของตนเอง แต่ก็ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องถูกเรียกไปควบคุมตัว ทั้งที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เราควรเห็นใจและให้เกียรติเขา เขาไปพักผ่อนอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ กับลูกชาย ผมไม่โทษใคร แม้จะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งควรจะสนับสนุน กปปส. อย่างเต็มที่ แต่เป็นห่วงมากที่สุดคือประชาชนที่ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนติดไปกับร่างแหนี้ด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในอุดมคติและอุดมการณ์ที่ได้รับการสั่งสอนจากรุ่นสู่รุ่น ผมไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติเลย
การเมืองไทยจะเดินไปในแนวทางไหน
จะมีแรงบีบจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก การประกาศ ตัดความช่วยเหลือของสหรัฐ หลักร้อยล้านบาท นับว่ายังน้อย ยังจะมีตามมาอีกเยอะ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องรีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราวขึ้นมารองรับแนวคิดการทำงาน โดยสิ่งสำคัญอยู่ที่การจัดทำงบประมาณประจำปี 2558 เพื่อให้เศรษฐกิจ ขับเคลื่อนต่อไปได้ หรือ คสช.อาจตั้งคณะรัฐบาลเลยก็ไม่ทราบได้ สำหรับบางกระแสข่าวที่ระบุว่ามีบางคนออกมาประจบ สอพลอ ออกโรงหนุนให้พล.อ.ประยุทธ์เป็น นายกฯนั้น หากเป็นแบบนี้จริง ผมรู้สึกเป็นห่วงพล.อ. ประยุทธ์ สถานการณ์จะกลับกลายเป็นว่าปฏิวัติเพื่อ ตัวเอง
พรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ควรเป็นอย่างไร
แม้จากเดิมที่ประชาธิปไตยไทยล้มเหลวจนทหารต้องออกมาปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุว่ายังมีความไม่ยุติธรรมอยู่ แต่ก็ยังเชื่อว่าเราจะได้เริ่มต้นใหม่ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง อยากให้ครั้งนี้คือการปฏิวัติครั้งสุดท้าย ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่อปฏิวัติ เพราะรัฐธรรมนูญถูกยกเลิกก็ต้องอยู่เฉยๆ แต่ภายในหัวใจของสมาชิกพรรค ต้องวางแผนและคิดถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นสำคัญ พรรคการเมืองอื่นควรทำอย่างไรผมไม่ทราบ แต่
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรไปยุยงอะไรอีก อยู่เฉยๆ ดีแล้ว ไม่ควรโหมไฟให้มันลุกขึ้นอีก
สิ่งที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งต่อสมาชิกว่าให้วางตัวเหมาะสม อยู่นิ่งๆ ระมัดระวังการให้สัมภาษณ์ ก็เพื่อจะรอดูสถานการณ์ว่าจะพัฒนาไปอย่างไรก่อน จึงจะได้แสดงความคิดเห็นออกมาได้อย่างถูกต้อง และหากเห็นว่าหนทางกำลังเดินไปสู่ความไม่ชอบมา พากลก็ยิ่งต้องออกมาแสดงความคิดเห็น
ประชาธิปัตย์ถูกจับตาเรื่องสัมพันธ์กับทหาร ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลปี 52 สลายม็อบแดงปี 53 รวมถึงรัฐประหารครั้งล่าสุด
ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์มีแนวทางหรือเหตุผลอย่างไร แต่ผมมองว่ากองทัพเป็นกลาง แล้วก็ไม่เชื่อว่าประชาธิปัตย์จะเอียงหมดตัวให้ทหาร อีกทั้งการวางตัวเป็นกลางของทหาร พรรคการเมืองก็คงไม่สามารถไปโน้มน้าวกองทัพให้มาเป็นพวกได้เช่นกัน แต่ทำไมสังคมถึงวิจารณ์ว่า นายอภิสิทธิ์เป็นพวกทหาร ทั้งที่ถูกฝึกมาให้เป็นประชาธิปไตยโดยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ส่วนตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่านายอภิสิทธิ์อิงแอบกับทหารจริงหรือไม่
ก้าวย่างต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์
ประชาธิปัตย์ทำให้สังคมเห็นความสวยงามของประชา ธิปไตย ในการต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปแล้ว ซึ่งควรจะหยุดตั้งแต่นายกฯประกาศยุบสภา แต่หลังจากนั้นก็ไปเรื่อยอยากให้สมาชิกพรรคโดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หันกลับไปดูสิ่งที่เคยร่วมต่อสู้มาด้วยกัน ตั้งแต่การลง พื้นที่หาเสียง กระทั่งร่วมกันทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภา ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นตามระบอบประชาธิปไตย สมาชิกพรรคเรามีความสามารถในการดึงคะแนนภาคใต้ได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องไปดึงคะแนนเสียงจากภาคเหนือ และอีสานให้ได้เช่นกัน ผ่านการใช้สาขาพรรคให้เป็นประโยชน์ ตามในข้อเสนอของนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรค ที่ให้พรรคมีการปฏิรูป ผมหวังอย่างเดียวว่าหากสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาธิปัตย์ต้องยืนหยัดในหลักการเดิมของตัวเอง อย่าตั้งกลุ่มมวลชนขึ้นมาต่อสู้แบบนี้อีก มันไปไม่รอด ขอให้กลับไปสู้แบบประชาธิปไตยในสภาผู้แทนราษฎร รู้ว่าแพ้ก็ต้องสู้ ได้ 5 ที่นั่ง 10 ที่นั่ง ก็ต้องสู้ พรรคประชา ธิปัตย์ต้องอดทน หากแพ้อีก ก็รอ 4 ปี แล้วสู้ใหม่
สถานการณ์บ้านเราจะเป็นอย่างไรต่อไป
การปฏิวัติครั้งนี้พยายามดับไฟก็จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่ายังมีควันคุกรุ่นอยู่ในใจมวลชนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งดีใจ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ดีใจ ผมสังหรณ์ใจว่ามันน่าหวาดเสียว เชื่อว่าทหารก็รู้แต่เขาจะทำอย่างไรต่อไป ผมไม่รู้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01URXhOell5Tmc9PQ==§ionid=
พิชัย รัตตกุล จี้ "ประชาธิปัตย์" หยุดโหมไฟการเมือง!
ประชาธิปัตย์กับการรัฐประหาร
ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2501 ผ่านการรัฐประหารมาหลายครั้ง แต่ละครั้งรู้สึกเสียใจมากที่ต้องเจอการแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยการใช้กำลังปฏิวัติ เนื่องจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนได้รับการอบรมสั่งสอนถึงหลักการประชาธิปไตย ย่อมไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหัวหน้าผู้ก่อการนั้น กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่ ยิ่งไม่เห็นด้วย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดแบบนี้มาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ได้รับการอบรมสั่งสอนมาแบบนี้ อุดม การณ์นี้จึงฝังอยู่ในกระดูกของพวกเรา
มองการคลี่คลายสถานการณ์ของ คสช. ครั้งนี้
คิดว่าไม่ใช่อย่างที่ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ ไปโทษพรรคเพื่อไทยว่าไม่ทำตามแผนปฏิรูปของประชาธิปัตย์ จึงโดนทำรัฐประหาร ถ้าจะโทษต้องโทษนักการเมืองทุกพรรคที่ทะเลาะกัน และไม่มีความเป็นประชาธิปไตย แล้วนักการเมือง เหล่านี้ก็นำความเท็จไปบิดเบือนปลุกระดมมวลชนให้เคียดแค้นกัน จึงทำให้ทหารทนไม่ไหว มองอย่างเป็นธรรมแล้วจะพบความแตกต่างจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. มีความตั้งใจดี ในแง่ความมั่นคง เขาจำเป็นต้องทำ ตลอดวิกฤตการเมือง 7-8 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเขาวางตัวได้ถูกต้อง พยายามให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาทางออกอย่างสงบก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่กำลังไฟไหม้ และไม่มีใครดับไฟนี้ได้ ซึ่งมันเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเลือดตกยางออกครั้งใหญ่ เนื่องจากฝ่าย นปช. และ กปปส. ต่างมีมวลชนเป็นของตนเอง แต่ก็ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องถูกเรียกไปควบคุมตัว ทั้งที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เราควรเห็นใจและให้เกียรติเขา เขาไปพักผ่อนอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ กับลูกชาย ผมไม่โทษใคร แม้จะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งควรจะสนับสนุน กปปส. อย่างเต็มที่ แต่เป็นห่วงมากที่สุดคือประชาชนที่ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนติดไปกับร่างแหนี้ด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในอุดมคติและอุดมการณ์ที่ได้รับการสั่งสอนจากรุ่นสู่รุ่น ผมไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติเลย
การเมืองไทยจะเดินไปในแนวทางไหน
จะมีแรงบีบจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก การประกาศ ตัดความช่วยเหลือของสหรัฐ หลักร้อยล้านบาท นับว่ายังน้อย ยังจะมีตามมาอีกเยอะ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องรีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราวขึ้นมารองรับแนวคิดการทำงาน โดยสิ่งสำคัญอยู่ที่การจัดทำงบประมาณประจำปี 2558 เพื่อให้เศรษฐกิจ ขับเคลื่อนต่อไปได้ หรือ คสช.อาจตั้งคณะรัฐบาลเลยก็ไม่ทราบได้ สำหรับบางกระแสข่าวที่ระบุว่ามีบางคนออกมาประจบ สอพลอ ออกโรงหนุนให้พล.อ.ประยุทธ์เป็น นายกฯนั้น หากเป็นแบบนี้จริง ผมรู้สึกเป็นห่วงพล.อ. ประยุทธ์ สถานการณ์จะกลับกลายเป็นว่าปฏิวัติเพื่อ ตัวเอง
พรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ควรเป็นอย่างไร
แม้จากเดิมที่ประชาธิปไตยไทยล้มเหลวจนทหารต้องออกมาปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุว่ายังมีความไม่ยุติธรรมอยู่ แต่ก็ยังเชื่อว่าเราจะได้เริ่มต้นใหม่ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง อยากให้ครั้งนี้คือการปฏิวัติครั้งสุดท้าย ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่อปฏิวัติ เพราะรัฐธรรมนูญถูกยกเลิกก็ต้องอยู่เฉยๆ แต่ภายในหัวใจของสมาชิกพรรค ต้องวางแผนและคิดถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นสำคัญ พรรคการเมืองอื่นควรทำอย่างไรผมไม่ทราบ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรไปยุยงอะไรอีก อยู่เฉยๆ ดีแล้ว ไม่ควรโหมไฟให้มันลุกขึ้นอีก
สิ่งที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งต่อสมาชิกว่าให้วางตัวเหมาะสม อยู่นิ่งๆ ระมัดระวังการให้สัมภาษณ์ ก็เพื่อจะรอดูสถานการณ์ว่าจะพัฒนาไปอย่างไรก่อน จึงจะได้แสดงความคิดเห็นออกมาได้อย่างถูกต้อง และหากเห็นว่าหนทางกำลังเดินไปสู่ความไม่ชอบมา พากลก็ยิ่งต้องออกมาแสดงความคิดเห็น
ประชาธิปัตย์ถูกจับตาเรื่องสัมพันธ์กับทหาร ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลปี 52 สลายม็อบแดงปี 53 รวมถึงรัฐประหารครั้งล่าสุด
ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์มีแนวทางหรือเหตุผลอย่างไร แต่ผมมองว่ากองทัพเป็นกลาง แล้วก็ไม่เชื่อว่าประชาธิปัตย์จะเอียงหมดตัวให้ทหาร อีกทั้งการวางตัวเป็นกลางของทหาร พรรคการเมืองก็คงไม่สามารถไปโน้มน้าวกองทัพให้มาเป็นพวกได้เช่นกัน แต่ทำไมสังคมถึงวิจารณ์ว่า นายอภิสิทธิ์เป็นพวกทหาร ทั้งที่ถูกฝึกมาให้เป็นประชาธิปไตยโดยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ส่วนตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่านายอภิสิทธิ์อิงแอบกับทหารจริงหรือไม่
ก้าวย่างต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์
ประชาธิปัตย์ทำให้สังคมเห็นความสวยงามของประชา ธิปไตย ในการต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปแล้ว ซึ่งควรจะหยุดตั้งแต่นายกฯประกาศยุบสภา แต่หลังจากนั้นก็ไปเรื่อยอยากให้สมาชิกพรรคโดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หันกลับไปดูสิ่งที่เคยร่วมต่อสู้มาด้วยกัน ตั้งแต่การลง พื้นที่หาเสียง กระทั่งร่วมกันทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภา ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นตามระบอบประชาธิปไตย สมาชิกพรรคเรามีความสามารถในการดึงคะแนนภาคใต้ได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องไปดึงคะแนนเสียงจากภาคเหนือ และอีสานให้ได้เช่นกัน ผ่านการใช้สาขาพรรคให้เป็นประโยชน์ ตามในข้อเสนอของนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรค ที่ให้พรรคมีการปฏิรูป ผมหวังอย่างเดียวว่าหากสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาธิปัตย์ต้องยืนหยัดในหลักการเดิมของตัวเอง อย่าตั้งกลุ่มมวลชนขึ้นมาต่อสู้แบบนี้อีก มันไปไม่รอด ขอให้กลับไปสู้แบบประชาธิปไตยในสภาผู้แทนราษฎร รู้ว่าแพ้ก็ต้องสู้ ได้ 5 ที่นั่ง 10 ที่นั่ง ก็ต้องสู้ พรรคประชา ธิปัตย์ต้องอดทน หากแพ้อีก ก็รอ 4 ปี แล้วสู้ใหม่
สถานการณ์บ้านเราจะเป็นอย่างไรต่อไป
การปฏิวัติครั้งนี้พยายามดับไฟก็จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่ายังมีควันคุกรุ่นอยู่ในใจมวลชนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งดีใจ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ดีใจ ผมสังหรณ์ใจว่ามันน่าหวาดเสียว เชื่อว่าทหารก็รู้แต่เขาจะทำอย่างไรต่อไป ผมไม่รู้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01URXhOell5Tmc9PQ==§ionid=