นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอี ประจำไตรมาสที่ 2/2559 สำรวจวันที่ 1-20 สิงหาคม 2559 จำนวน 1,320 ตัวอย่าง ว่า ดัชนีความสามารถในการแข่งขันธุรกิจเอสเอ็มอีอยู่ที่ 48.2 ปรับตัวลดลง 0.2 จุดจากไตรมาสก่อน ซึ่งอยู่ในช่วงของระยะใกล้ฟื้นตัว คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้ จะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 48.6 และ 49.1 ตามลำดับ สาเหตุที่ปรับลงเล็กน้อยเพราะดัชนีที่เป็นองค์ประกอบทั้งสุขภาพธุรกิจ ความสามารถทำธุรกิจ และความยั่งยืนของธุรกิจปรับตัวลงทุกรายการ และในไตรมาสที่ 2 เอสเอ็มอียังไม่รับรู้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม มีทั้งยอดขายและกำไรทรงตัวรวมถึงลดลงตามเศรษฐกิจโลกซบเซา โดยเฉพาะเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตรมาก จึงยังฟื้นตัวช้า แยกดูรายดัชนีพบว่าดัชนีสุขภาพธุรกิจอยู่ที่ 42 ลดลง 0.4 จุด จากไตรมาสก่อน คาดไตรมาส 3 และ 4 นี้อยู่ที่ 42.7 และ 43.1 ตามลำดับ ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจอยู่ที่ 50.9 ลดลง 0.2 จุด จากไตรมาสก่อน คาดไตรมาส 3 และ 4 นี้อยู่ที่ 51.5 และ 51.7 ตามลำดับ และดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจอยู่ที่ 51.6 ลดลง 0.1 จุด จากไตรมาสก่อน คาดไตรมาส 3 และ 4 นี้อยู่ที่ 51.8 และ 52.5 ตามลำดับ

“ในปัจจุบันธุรกิจของผู้ประกอบการยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว 45.3% มีสัญญาณฟื้นตัวแล้ว 34.5% และไม่แน่ใจ 20.2% คาดกันว่าธุรกิจจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 2560 ที่ 34.2% ไม่แน่ใจว่าจะฟื้นเมื่อใด 47.1% ฟื้นไตรมาส 2/2560 ที่ 9.2% และฟื้นไตรมาส 1/2560 ที่ 8.5% นอกจากนี้ผู้ประกอบการคาดว่าจะลงทุนอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังปี 2560 ที่ 11.8% ไม่แน่ใจจะลงทุนเมื่อใด 72.5% ลงทุนอีกครั้งในไตรมาส 1/2560 ที่ 10.2% โดยเฉลี่ยจะใช้เงินลงทุน 1.29 ล้านบาท ภาพเหล่านี้สะท้อนเอสเอ็มอียังไม่แข็งแรง ภาครัฐต้องแก้ไขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบันและให้กระจายสู่ภูมิภาคมากขึ้น“ นายธนวรรธน์กล่าว และว่า ครึ่งปีหลังปีนี้มองปัจจัยบวกต่อเอสเอ็มอี คือ การสนับสนุนจากภาครัฐ สถานการณ์การเมืองในประเทศนิ่ง การท่องเที่ยวและค้าชายแดนขยายตัวต่อเนื่อง และรัฐมีโครงการลงทุน ด้านปัจจัยลบหนี้ครัวเรือนยังสูง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการส่งออกที่ยังหดตัว คาดการขยายตัวเศรษฐกิจของเอสเอ็มอีไทยปีนี้อยู่ที่ 3.9% เมื่อปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.3%