“เอกชน” ประเมินเลือกตั้ง พ.ย.61 - มาตรการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ดันเงินสะพัดเข้าระบบเศรษฐกิจคึก หนุนจีดีพีปี 2561 ขยับเพิ่ม 0.5-1% มองเป็นปัจจัยบวกอุ้มจิตวิทยานักลงทุน ดัชนีเอสเอ็มอีทรงตัวเริ่มผงกหัวขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการและงานวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การประกาศความชัดเจนในการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 ของรัฐบาลนั้น คาดว่าจะทำให้มีเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากกิจกรรมการหาเสียง และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมกับเงินที่จะเกิดจากการใช้จ่ายจากบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะมีเงินเข้าสู่ระบบอย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยเงินในส่วนนี้คาดว่าจะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ 2-3 รอบ คิดเป็นวงเงิน 7 หมื่นล้านบาท - 1 แสนล้านบาท
และเมื่อรวมกับเงินลงทุนในโครงการต่างๆ ของรัฐ ทำให้คาดว่าในปี 2561 จะมีเงินหมุนเวียนในระบบอย่างน้อย 2-3 แสนล้านบาท ตรงนี้จะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยเสริมเศรษฐกิจของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 0.5-1% จากปัจจุบันคาดว่าจีดีพีในปี 2561 จะขยายตัวได้ 4.2% ขณะที่ปี 2560 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.9% และปี 2562 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.5%
นอกจากนี้ การประกาศการเลือกตั้งที่ชัดเจน เป็นการยืนยันเรื่องการเดินหน้าตามแผนโรดแมปของรัฐบาล ซึ่งเป็นผลบวกในแง่จิตวิทยาของนักลงทุน สะท้อนจากการปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,700 จุด ของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ตอบรับข่าวดังกล่าวเป็นอย่างดี และคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังช่วยสนับสนุนจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าในปี 2561 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,900 จุด” นายธนวรรธน์กล่าว
ด้าน นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ในภาคเอสเอ็มอี ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 1.5 พันราย ในช่วง 25 ก.ย.-12 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีสถานการณ์ทางธุรกิจที่ทรงตัว ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 61.6% ระบุว่ายอดขายในปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 68.8% ระบุว่าธุรกิจฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว โดยมีเพียง 10.4% เท่านั้น ที่ยังไม่รู้สึกว่าธุรกิจฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าภาพรวมการขยายตัวของจีดีพีในภาคเอสเอ็มอีในปี 2560 จะอยู่ที่ 4.5% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 4.2% ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปี 2560 สำหรับคาดการณ์การขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจเอสเอ็มอีไทยในปี 2561 อยู่ที่ 4.4%, ปี 2562 อยู่ที่ 4.6%.
http://www.thaipost.net/?q=node/37079
ทุกอย่างสอดรับกันไปหมด...
ยิ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด
ถูกทางตรงเป้าหมายเลยค่ะ


ปรบมือให้ลุงตู่ทั้งวันเลยนะคะ...
~มาลาริน~**เรื่องดีๆมีมาให้อ่านอีกค่ะ เลือกตั้ง-บัตรสวัสดิการหนุน ศก.สะพัดดันจีดีพีขึ้น0.5-1% ธุรกิจเอสเอ็มอีส่อแววฟื้น
“เอกชน” ประเมินเลือกตั้ง พ.ย.61 - มาตรการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ดันเงินสะพัดเข้าระบบเศรษฐกิจคึก หนุนจีดีพีปี 2561 ขยับเพิ่ม 0.5-1% มองเป็นปัจจัยบวกอุ้มจิตวิทยานักลงทุน ดัชนีเอสเอ็มอีทรงตัวเริ่มผงกหัวขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการและงานวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การประกาศความชัดเจนในการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 ของรัฐบาลนั้น คาดว่าจะทำให้มีเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากกิจกรรมการหาเสียง และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมกับเงินที่จะเกิดจากการใช้จ่ายจากบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะมีเงินเข้าสู่ระบบอย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยเงินในส่วนนี้คาดว่าจะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ 2-3 รอบ คิดเป็นวงเงิน 7 หมื่นล้านบาท - 1 แสนล้านบาท
และเมื่อรวมกับเงินลงทุนในโครงการต่างๆ ของรัฐ ทำให้คาดว่าในปี 2561 จะมีเงินหมุนเวียนในระบบอย่างน้อย 2-3 แสนล้านบาท ตรงนี้จะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยเสริมเศรษฐกิจของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 0.5-1% จากปัจจุบันคาดว่าจีดีพีในปี 2561 จะขยายตัวได้ 4.2% ขณะที่ปี 2560 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.9% และปี 2562 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.5%
นอกจากนี้ การประกาศการเลือกตั้งที่ชัดเจน เป็นการยืนยันเรื่องการเดินหน้าตามแผนโรดแมปของรัฐบาล ซึ่งเป็นผลบวกในแง่จิตวิทยาของนักลงทุน สะท้อนจากการปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,700 จุด ของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ตอบรับข่าวดังกล่าวเป็นอย่างดี และคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังช่วยสนับสนุนจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าในปี 2561 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,900 จุด” นายธนวรรธน์กล่าว
ด้าน นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ในภาคเอสเอ็มอี ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 1.5 พันราย ในช่วง 25 ก.ย.-12 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีสถานการณ์ทางธุรกิจที่ทรงตัว ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 61.6% ระบุว่ายอดขายในปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 68.8% ระบุว่าธุรกิจฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว โดยมีเพียง 10.4% เท่านั้น ที่ยังไม่รู้สึกว่าธุรกิจฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าภาพรวมการขยายตัวของจีดีพีในภาคเอสเอ็มอีในปี 2560 จะอยู่ที่ 4.5% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 4.2% ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปี 2560 สำหรับคาดการณ์การขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจเอสเอ็มอีไทยในปี 2561 อยู่ที่ 4.4%, ปี 2562 อยู่ที่ 4.6%.
http://www.thaipost.net/?q=node/37079
ทุกอย่างสอดรับกันไปหมด...
ยิ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด
ถูกทางตรงเป้าหมายเลยค่ะ
ปรบมือให้ลุงตู่ทั้งวันเลยนะคะ...