คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ก่อนอื่น ขอบอกว่า จุดประสงค์หลักของศาสนาพุทธ สำหรับแก้ปัญหาสิ่งนี้โดยตรงครับ
ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการศึกษาธรรมะหรือวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
ขอให้คิดว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะเป็นผลบุญอย่างหนึ่งที่ทำให้ใกล้พระพุทธศาสนา อาจจะเป็นเทวทูตส่งมา
โดยปกติ เป็นการยากที่เราจะหัดว่ายน้ำในขณะที่กำลังจะจมน้ำ การศึกษาธรรมะก็เช่นกัน ถ้าศึกษาในขณะที่ความทุกข์เกิดขึ้น ต้องยากแน่นอน
และชาวพุทธส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นครับ
บางคน กว่าจะเข้าถึงธรรมะ ต้องรอให้กิจการล้มละลาย ร่างกายพิการ (เช่น อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม) ลูกตาย สามีภรรยาตาย หรือคนที่รักตาย ฯลฯ
ผมเชื่อว่า คนที่ได้ศึกษาธรรมะในขณะที่ใช้ชีวิตปกติ ไม่เจอทุกข์หนัก เป็นคนที่มีบุญมากครับ หรือว่าโชคดีอย่างที่สุด
ผมแนะนำคร่าวๆ แบบนี้ก่อน รายละเอียดที่ถูกต้องฟังจากครูบาอาจารย์นะครับ
ศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนให้ ดับทุกข์ หนีทุกข์ ละทุกข์ ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม (คนละควาหมายกับ นิโรธ ที่แปลว่าความดับทุกข์นะครับ สิ่งนั้นเป็นผล)
แต่สอนให้เรา รู้ทุกข์
เช่น เวลาเราโกรธ ให้เราดูความโกรธ ไม่ใช่เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น เช่น ไปนั่งสมถสมาธิดูลมหายใจ ไม่ต่างอะไรกับไปดูหนัง ไปกินเหล้า ไปเสพยา ฯลฯ เพื่อให้ลืมความโกรธนั้น พอออกจากสมาธิ หรือดูหนังจบ สร่างเมา ฯลฯ ก็กลับมาคิดเรื่องเดิมต่อ โกรธต่อ แบบนี้ไม่เกิดปัญญาใดๆ ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ แค่เอาไว้พักผ่อน
ดูเพื่ออะไร? เพื่อให้เห็นความจริงของชีวิต เห็นความจริงของธรรมชาติ เราเรียกว่า การเจริญสติ
เมื่อเราเห็นความจริง (ต้องศึกษาจากคลิปนะครับว่าความจริงคืออะไร) ต่อไปเราจะไม่ทุกข์ครับ หรืออาจจะไม่ทุกข์กับสิ่งใดเลย
แต่การเห็นนี้ ต้องเป็นการเห็นด้วยปัญญา (ปัญญาทางธรรม) จะพ้นทุกข์ได้จริงๆ ไม่ใช่เห็นด้วยความคิดอย่างเราๆ ที่เป็นปุถุชนนะครับ (ปัญญาทางโลก)
แต่ผมก็เชื่อว่า เพียงความคิดแบบปุถุชน เมื่อเข้าใจแล้วก็พอจะลดความทุกข์ได้
ขออภัยที่เขียนยืดยาว ลองฟังการบรรยายธรรมของอาจารย์ธีรยุทธต่อไปนี้นะครับ ตั้งใจฟังให้เข้าใจ ผมมั่นใจ 100% ว่าสามารถช่วยคุณเจ้าของกระทู้ได้แน่นอน
ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการศึกษาธรรมะหรือวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
ขอให้คิดว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะเป็นผลบุญอย่างหนึ่งที่ทำให้ใกล้พระพุทธศาสนา อาจจะเป็นเทวทูตส่งมา
โดยปกติ เป็นการยากที่เราจะหัดว่ายน้ำในขณะที่กำลังจะจมน้ำ การศึกษาธรรมะก็เช่นกัน ถ้าศึกษาในขณะที่ความทุกข์เกิดขึ้น ต้องยากแน่นอน
และชาวพุทธส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นครับ
บางคน กว่าจะเข้าถึงธรรมะ ต้องรอให้กิจการล้มละลาย ร่างกายพิการ (เช่น อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม) ลูกตาย สามีภรรยาตาย หรือคนที่รักตาย ฯลฯ
ผมเชื่อว่า คนที่ได้ศึกษาธรรมะในขณะที่ใช้ชีวิตปกติ ไม่เจอทุกข์หนัก เป็นคนที่มีบุญมากครับ หรือว่าโชคดีอย่างที่สุด
ผมแนะนำคร่าวๆ แบบนี้ก่อน รายละเอียดที่ถูกต้องฟังจากครูบาอาจารย์นะครับ
ศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนให้ ดับทุกข์ หนีทุกข์ ละทุกข์ ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม (คนละควาหมายกับ นิโรธ ที่แปลว่าความดับทุกข์นะครับ สิ่งนั้นเป็นผล)
แต่สอนให้เรา รู้ทุกข์
เช่น เวลาเราโกรธ ให้เราดูความโกรธ ไม่ใช่เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น เช่น ไปนั่งสมถสมาธิดูลมหายใจ ไม่ต่างอะไรกับไปดูหนัง ไปกินเหล้า ไปเสพยา ฯลฯ เพื่อให้ลืมความโกรธนั้น พอออกจากสมาธิ หรือดูหนังจบ สร่างเมา ฯลฯ ก็กลับมาคิดเรื่องเดิมต่อ โกรธต่อ แบบนี้ไม่เกิดปัญญาใดๆ ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ แค่เอาไว้พักผ่อน
ดูเพื่ออะไร? เพื่อให้เห็นความจริงของชีวิต เห็นความจริงของธรรมชาติ เราเรียกว่า การเจริญสติ
เมื่อเราเห็นความจริง (ต้องศึกษาจากคลิปนะครับว่าความจริงคืออะไร) ต่อไปเราจะไม่ทุกข์ครับ หรืออาจจะไม่ทุกข์กับสิ่งใดเลย
แต่การเห็นนี้ ต้องเป็นการเห็นด้วยปัญญา (ปัญญาทางธรรม) จะพ้นทุกข์ได้จริงๆ ไม่ใช่เห็นด้วยความคิดอย่างเราๆ ที่เป็นปุถุชนนะครับ (ปัญญาทางโลก)
แต่ผมก็เชื่อว่า เพียงความคิดแบบปุถุชน เมื่อเข้าใจแล้วก็พอจะลดความทุกข์ได้
ขออภัยที่เขียนยืดยาว ลองฟังการบรรยายธรรมของอาจารย์ธีรยุทธต่อไปนี้นะครับ ตั้งใจฟังให้เข้าใจ ผมมั่นใจ 100% ว่าสามารถช่วยคุณเจ้าของกระทู้ได้แน่นอน

แสดงความคิดเห็น
เครียดมากครับ อยากรู้วิธีทำอย่างไรให้ปล่อยวาง
ตอนนี้รู้สึกว่าเครียดไปหมดทุกอย่าง อยากปล่อยวางให้ได้ ณ ตอนนั้น
รู้ปัญหา พยายามแก้ไข แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็พยายามหยุดความคิด
มันยังฟุ้งซ่านไปหมด
เราเป็นคนคิดมากด้วย มีวิธีคิดวิธีปฎิบัติง่ายๆให้เห็นผลทันทีบ้างไหมครับ ว่าหยุดคิดอย่างไร ทำอย่างไรจึงสงบใจ