เมื่อไหร่ภาวนาพุทโธหรืออานาปานสติ?

เมื่อไหร่ภาวนาพุทโธหรืออานาปานสติสำหรับผมเมื่อจิตว้าวุ่นไม่สงบมากๆ จะใช้การภาวนา พุทโธๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆไม่ดูลมหายใจ แต่ถ้าวันไหนจิตสงบจะใช้การเจริญอานาปานสติหรือควบคู่กัน

๑. เมื่อจิตว้าวุ่น ไม่สงบ
การภาวนา “พุทโธ ๆ ๆ ๆ” ซ้ำ ๆ เร็ว ๆ คล้ายกับการ “กล่อมจิต” เป็น การใช้พุทโธเป็นเกาะ ไม่ให้จิตวิ่งไปคิดเรื่องอื่น
ครูบาอาจารย์มักบอกว่า “พุทโธให้ติดหัวใจ เหมือนเกาะเสาไม่ให้พัดลมพัดไป”
ตรงนี้ยังไม่ต้องไปดูลมละเอียด เพราะจิตยังไม่ยอมอยู่ พุทโธเป็นเหมือนยาแก้ฟุ้งซ่านชั้นต้น

๒. เมื่อจิตเริ่มสงบ
พอพุทโธต่อเนื่อง จิตเริ่มรวม ความคิดซ่าน ๆ ลดลง
ตอนนี้จะเปลี่ยนมา รู้ลมเข้าออก + พุทโธกำกับ ก็ได้ เช่น “หายใจเข้า–พุท หายใจออก–โธ”
หรือถ้าเห็นว่าลมชัดเจนแล้ว จิตตั้งมั่น ก็ใช้ อานาปานสติ โดยไม่ต้องภาวนาคำก็ได้

๓. เมื่อจิตสงบมาก
บางครั้งคำว่า พุทโธ จะค่อย ๆ เลือนหายไปเอง เหลือแต่ “ผู้รู้ ผู้ดู” หรือแค่ความรู้ตัวกับลมหายใจ
ตรงนี้ถือว่าเป็น สัญญาณว่าจิตเริ่มเข้าสู่สมาธิ ไม่ต้องไปฝืนท่องต่อ ให้ตามสภาวะเป็นไปเอง
ครูบาอาจารย์บางท่านบอกว่า “พุทโธเหมือนคันไถ เมื่อต้นข้าวงอกแล้วก็วางคันไถได้”

๔. ควบคู่หรือสลับกันได้
ไม่มีข้อห้ามว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งตลอด
หลวงปู่มั่นเคยสอนศิษย์ว่า “ให้พุทโธเป็นหลัก ถ้าใจพอจะอยู่กับลมได้ก็เจริญอานาปานสติ”
ดังนั้น เลือกใช้ได้ตามสภาวะ เช่น
วันไหนจิตฟุ้งมาก → พุทโธต่อเนื่อง ไม่ต้องดูลม
วันไหนจิตสงบ → อานาปานสติ หรือพุทโธกำกับลมก็ได้

สรุปก็คือ
พุทโธ = ยาระงับฟุ้งซ่าน
อานาปานสติ = ยาละเอียดพาจิตเข้าสมาธิ
ใช้ได้สลับกัน ไม่ผิดธรรมะ เพราะทั้งหมดอยู่ในหมวด สติปัฏฐาน ๔ เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่