ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 17 Antigua มรดกโลก เมืองหลวงเก่า กัวเตมาลา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=bDx4SKZchVI&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN&index=22
https://www.youtube.com/watch?v=FHAVaVNl-uc&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN&index=23

วันอังคาร ที่ 28 มิ.ย. ประมาณตี 3 เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อการเดินทางในวันนี้ พอกลับจากเข้าห้องน้ำแล้ว ป้าจึงรีบงมๆ คลำๆ เก็บของท่ามกลางความมืด ที่เราไม่ได้เก็บไว้ก่อน เพราะมีผ้าเปียกจากการไปเที่ยวน้ำตกเมื่อวาน
ตี 4 ลุงลุกขึ้นมา เราจึงรีบรวบรวมสัมภาระ ลงไปจัดต่อข้างล่าง มีแสงจันทร์ครึ่งดวงพอมองเห็นสิ่งของ เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว รอรถคันแรกที่จะออกจากหมู่บ้าน เมื่อคืนน้องจีนบอกว่า ตัวแทนขายตั๋ว บอกเขาว่า เช้าวันที่เขาจะไปฟลอเรส เขาต้องนั่งรถออกไปที่ท่ารถ ค่ารถ 15 Q เพื่อขึ้นรถที่จะมารับไปฟลอเรส ป้าบอกว่า ป้ามีแต่เงินดอลล่าร์ เขาบอกว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะ $ 2 = 15 Q
เพิ่งรู้ว่า เมื่อคืน หนุ่มๆ หายลงมานั่งดื่มเบียร์อยู่ข้างล่าง ตอนนั่งรอรถ เพราะมีกระป๋องเบียร์เปล่าๆ วางอยู่ เก้าอี้ไม่ได้เก็บขึ้น
เวลา 04.30 น เราพร้อมออกเดินทาง ลุงนอนรอในเปลยวน ถ้ารถมาเมื่อไรให้ป้าออกไปโบกรถ กำลังนั่งเพลินๆ ได้ยินเสียงตุ้บ เหมือนเสียงผลไม้ลูกใหญ่ ประมาณมะพร้าว หรือมะม่วงลูกใหญ่ ร่วงลงบนดินที่เปียกชุ่มอยู่ ป้าลองเดินออกไปดู เห็นลูกอะไรตะคุ่มๆ อยู่ใต้ต้นไม้ท่ามกลางความสลัวของแสงจันทร์ ในวันฟ้าปิด คล้ายๆ มะพร้าวอ่อนลูกเรียวๆ หรือ จะเป็นมะม่วงลูกใหญ่ ลองเก็บขึ้นมา เปลือกสากๆ หัวแตก รีบเอาไปล้าง และเช็ด เอาไฟฉายส่องดู เนื้อข้างในแดงๆ หนา หุ้มเม็ดสีดำใหญ่ 1 เม็ด รูปร่างล้อผลที่หุ้มห่อ ลองเอาลิ้นแตะดู มันออกรสหวาน จึงเก็บใส่ถุง จะเอาไปถามคนข้างนอก ว่า มัน คือ อะไร กินได้มั้ย
ใกล้ตี 5 มีรถวิ่งผ่านเข้าไปข้างใน 1 คัน มีลุ้นว่า จะมีรถขึ้นไปท่ารถแน่นอน ใกล้ตี 5 ครึ่ง ได้ยินเสียงรถวิ่งลงเขามา ป้าวิ่งออกไปตบมือเรียก รถไม่จอดแต่เลี้ยวเข้าโรงแรม เขาเดินเข้าไปคุย กับเจ้าของโรงแรม แล้วเดินออกมา ขอดูตั๋ว แล้วพยักหน้า ที่แท้ เขามารับเรานั่นเอง
บนรถมีน้องคู่สเปนกับออสเตรีย นั่งอยู่ก่อน ป้าดีใจมากที่เป็น 2 คนนี้ พวกเขาไปแอนติกัว เหมือนเรา พวกเขาเที่ยว 1 ปี เก็บข้อมูลไปเขียนปริญญานิพนธ์ ป.โท ที่ม.ในออสเตรีย มันต้องแบบนี้ เรียนภาษาต้องเดินทางไปใช้ภาษา และซึมซับวัฒนธรรมด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ใมหาวิทยาลัย จัดพาไปดูงาน เก็บเงินแพงๆ แล้วได้ดูแต่สิ่งฉาบฉวย ลุงบอกว่า ถ้าป้าเขียนรายงานยุโรปภาคภาษาอังกฤษจบ ลุงจะเป็นคนอนุมัติ ดร.ทางด้านการท่องเที่ยวให้ป้าเอง 😂 ป้าถามว่า จะเอาไปทำอะไร ลุงบอกว่า เอาไว้เขียนนำหน้าชื่อ งิ!
น้องชื่อ Elena กับ Joseph ป้าถามเรื่องกระแสไฟฟ้าเมื่อคืน พวกเขาบอกว่า เปิดไฟระหว่างเวลา 18.00-21.00 น. ป้าบอกว่า ของเรา 19.00-22.00 น. พวกเขาบอกว่า แทบไม่มีไฟฟ้าใช้ ไร้เน็ต ตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ก็ดีเหมือนกัน ป้าบอกว่า ป้าคิดถึงลูก กับคิดถึงพ่อแม่ เอเลน่า หัวเราะ บอกว่า เหมือนแม่เธอเลย คอยติดตามถามข่าวอยู่เสมอ ป้าจึงบอกว่า เมื่อไรที่เธอเป็นแม่ เธอจะรู้เอง ไม่ว่า จะวัฒนธรรมไหน แม่ย่อมห่วงลูกเสมอ 😍
พวกเขาบอกว่า เมื่อเช้า ออกจากโรงแรมไม่ได้ รั้วเป็นกำแพงสูง ปีนก็ไม่ได้ เจ้าของโรงแรมไม่ตื่น มาเปิดประตูให้ ตอนรถไปรับเขาขอให้ข้างบ้านช่วยเรียกให้
โรงแรมที่พวกเขาพักอาหารแพงมาก พวกเขาจึงไปหาอาหารเย็นที่อื่นกินกัน จ่าย 50 Q อิ่มแปร้เลย อร่อยด้วย รถวิ่งสะบัดสะบิ้งตามแรงเหวี่ยงจากความต่างระดับของก้อนหินบนถนน น้องเอเลน่า ส่ายหน้าว่า วิบากจริง ป้าบอกว่า แต่มันก็ทำให้เราหลับสนิทไม่ใช่หรือ เธอหัวเราะ แล้วบอกว่า จริงด้วย หลับแบบไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในสมองเลย 😊. ก่อนที่รถจะไปจอดที่ท่ารถ ป้าบังเอิญนึกได้ว่า โรงแรมชื่อ Casa Le Sapote แล้วก็ อ๋อ เอง ว่า ไอ้ลูกที่เก็บมาเมื่อเช้า มัน คือ ละมุดยักษ์ นี่เอง ภาษาอังกฤษ คือ Sapota พอบอกลุง ลุงดีใจใหญ่
พอรถจอด น้องเอเลน่า คุยกับ โจเซฟ ว่า ถ้าร้านนั้นเปิด ก็ดีสิ จะได้ซื้อกล้วย 2 ใบ 1Q อ้าว! เขาขายให้ป้า ใบละ 1Q ป้าก็ว่า ถูกแล้วนะ...ถ้าพูดภาษาสเปน ได้ยิ่งถูกกว่านั้นอีก เลยได้โดยสารไปกับน้องด้วย เห็นกล้วยเก่า ไม่สวยวางอยู่ ป้าหยิบก่อน มีกล้วยหอมลูกใหญ่ลูกเดียว นอกนั้นเล็กและดำ น้อง 2 คน ยืนแบบไม่ใส่ใจ แล้วก็ไม่บอกอะไร ป้าหยิบกล้วยหอม 1 กับกล้วย ที่เคยซื้อที่ฟลอเรส อีก 1 แม่ค้า พูดอะไร ป้าไม่รู้เรื่อง น้องโจเซฟ บอกว่า กล้วยอีกใบ เขาเอาไว้ทำอาหาร อ้อ....มิน่าล่ะ ที่เราซื้อมากินที่ฟลอเรส มันถึงได้ แข็งๆ มันๆ เวลาปอกก็ติดเปลือก ไม่นิ่ม และไม่หวาน ฮา าาาาาาา
เงิน 1 Q สุดท้าย ป้าขอกล้วยใบเล็กเพิ่มอีกใบ ให้น้องโจเซฟช่วยพูดให้...ได้ค่ะ เพราะเขาก็คงขายไม่ได้แล้ว พอข้ามถนนกลับไปที่รถแล้ว จึงเห็นว่า น้องๆ เขารอกล้วยล็อตใหม่ แต่เรามีแค่ Q เดียว ไม่อยากเรื่องมาก
พอคนขับรถออกมา เราจึงรู้ว่า ความจริง เราคิดถูกแล้ว ที่ว่า บริษัทจะรับผิดชอบ จัดรถไปรับเรา โดยที่เราไม่ต้องติดต่อใครอีก เพราะรถเป็นคันเดิมที่เรามาจากฟลอเรส คนขับก็เป็นคนเดิม ค่ารถไปรับก็ไม่ต้องจ่าย มิน่าล่ะ คนที่ช่วยประสานรถให้เราเมื่อคืน จึงหายไปเลย หลังจากได้ดูตั๋วครั้งที่ 2
ระหว่างรอคนขับจัดของบนหลังคา เราเอาละมุดออกมากินกัน แค่ชิมคำแรก ลุงก็ติดใจ เพราะลุงชอบอะไรที่หวานๆ สงสัยที่เแต่งงานกับป้า เพราะชื่อ อ้อย ละมั้ง? 😂
ต้องใช้ช้อนตักกินเนื้อเพราะเปลือกแข็งกินไม่ได้ คล้ายๆ มะขวิด หรือ มะตูม สุก กินชิ้นที่แตกเสี่ยงแรกหมดพอดี คนขับขึ้นรถมา ยิ้ม แล้วบอกว่า สับโปเต่ 😋 ป้าบอกว่า ใช่แล้ว ได้มาจากโรงแรม...เราเก็บเม็ดมาด้วย เอาไว้เพาะ ปลูกเป็นต้น ออกลูกแล้ว จะแจกให้ได้ปลูกกันเยอะๆ เลย. ป้าถามคนจัดคนขึ้นรถว่า ขอนั่งหน้าได้ไหม เขาว่าได้คนเดียว ลุงจึงเอาถุงอาหารจองที่นั่งหลังคนขับ แต่ตอนขึ้นสาวสหรัฐอเมริกา รีบขึ้นไปนั่งก่อน คนจัดรถให้ป้านั่งหน้า แต่ลุงมักจะเมารถ และถ้าให้ลุงนั่งกับฝรั่งไม่ดีแน่ ป้าจึงให้ลุงไปนั่งหน้าแทน สาวสหรัฐนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ เธอหันไปมองข้างหลังบ่อยๆ ป้าอยากจะบอกว่า ให้เพื่อนเธอมานั่งแทนป้า แล้วให้ป้านั่งริมก็ได้ แต่เห็นเธอเชิด เริด หยิ่ง จึงเฉย เพราะข้างหลังเป็นน้อง เอเลน่า กับ โจเซฟ ที่ไม่ใช่คนเหยียดผิว
รถออกจากท่ารถ ไปรับคนอีกโรงแรมหนึ่ง 3 แม่ลูกนั่งไปแค่โคบาน คนจัดบอกให้เด็กไปนั่งหน้า ป้าบอกว่า ป้าขอไปนั่งหน้าเอง เขาไม่บอกว่า กลัวป้าเมื่อย ตอนแรกป้าก็เข้าใจเขาผิด จนรถใกล้ออก คนขับรถบอกเราว่า วันนี้นั่งเมื่อยไปแค่โคบาน ก็จะได้เปลี่ยนรถ คนขับรถคนนี้น่ารัก เวลาถามเขามักจะตอบไม่ได้ แต่ถ้าเราพูดชื่อ ต้นไม้ หรือ ชื่อสถานที่เพี้ยน เขาจะบอกเรา วันนี้ ป้าถามว่า เขาจะขับกลับฟลอเรส หรือ เขาบอกว่า ใช่ เขาจะรับคนที่โคบาน กลับฟลอเรส
ป้าดีใจที่เราจะไปเปลี่ยนรถที่โคบาน เพราะจะได้แลกเงินที่นั่น
รถถึงโคบาน แต่ไม่ใช่จุดเดิม ป้าไปเข้าห้องน้ำกลับมา ลุงบอกว่า คนขับแนะนำให้ซื้อพายสับปะรด บอกว่า มันดีมาก ป้าเดินไปดู เขาบอกว่า อันละ 5 Q ป้าถามว่า จ่ายเป็นดอลล่าร์ได้มั้ย 3 อัน ต่อ$ 2 เขาว่า ได้เลย ป้ากอดที่ไหล่ ขอบคุณ ลุงตั้งท่าถ่ายรูป เขาดีใจ รีบโพสต์ท่าเต็มที่ เมืองท่องเที่ยวมันต้องเป็นแบบนี้แหละ ถึงจะใช่! บอกลาคนขับรถคนเก่า ขึ้นรถคันใหม่ คนขับรถคนใหม่ ไม่พูดกับเราเลย เพราะเขาพูดไม่ได้ เราคุยกัน 2 คน รถออกจากโคบานไปเจอช่วงที่เขากำลังจุดภูเขาหินสร้างถนน ฝุ่นฟุ้ง มีตำรวจตั้งด่านด้วย รถติดนานเกือบชั่วโมง แอร์ก็ไม่เปิด มีคนมาขายของ มะม่วง ถั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ดูปริมาณ กับราคา และหน้าตาผลิตภัณฑ์แล้ว ไม่มีใครสนใจจะซื้อเลย
ตั้งแต่จุดนั้น เราได้เห็นคนแต่งกายไม่เหมือนเดิม คนท้องถิ่นทั่วๆ ไป ผู้หญิงใส่กระโปรงเอวยืด บานกรอมเท้า ใส่เสื้อลูกไม้ หรือเสื้อถัก โดยมีซับในสวมก่อน เวลาอยู่บ้าน ถอดเสื้อถัก หรือ ลูกไม้ออก มีแต่เสื้อขั้นใน กับซับใน ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในเมือง อย่างโคบาน หรือเมืองท่องเที่ยวในหุบเขาที่ติดถนนใหญ่ แต่งตัวทันสมัย ใส่ยีนส์บ้าง กระโปรงรัดรูปบ้าง แต่พวกเธอไว้พุงกันเกือบ 100% ก็ลองจินตนาการกันเอาเอง แต่ผู้หญิงที่วิ่งขายของอยู่บนเขาที่กำลังสร้างถนน ใส่กางเกงรัดข้างใน สวมผ้ากันเปื้อนลูกไม้แบบกระโปรงบานตัวสั้นไว้ข้างนอก ลุงชอบมาก พยายามเล็งแล้วเล็งอีก ไม่มีโอกาสถ่ายสักที
คนขับจอดให้เข้าห้องน้ำอีกทีที่เมืองท่องเที่ยวในหุบเขาเขาเติมน้ำมันรถ ป้าถามที่มินิมาร์ท ถามว่า รับเงินดอลล่าร์มั้ย คนขายเป็นเจ้าของเองตอบว่า Si ป้าดีใจมาก เลยซื้อสบู่ 1 ก้อน ขนม 1 ถุง จ่ายแบงค์ $ 20 ได้เงินทอนมา กว่า 100 Q ดีใจรอดตายแล้ว....
ยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวง ถนนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกัวเตมาลาเหนือ มีชุมชนเก่าแก่ที่สวยงามอยู่ริมแม่น้ำ บ้านเมืองมีสีสัน มีรถเมล์หลากสี สวยงาม ลุงจ้องแต่จะจับภาพรถเมล์ แต่ถ่ายไม่ค่อยทัน สะพานลอยสร้างด้วยเหล็กเหมือนกันหมด มีบ้านบนเขาด้วย ประเทศเขาคงไม่ได้สงวนที่บนเขาเหมือนบ้านเรา เขาจึงมีเขาหัวโล้นเยอะมาก และมีการตัดไม้กันอยู่ตลอดเวลา
เวลา 14.00 น. รถจอดหมดระยะ ป้าถามน้องเอเลน่า ว่า น้องพักที่ไหน เธอบอกว่า ยังไม่ได้หา ป้าให้ช่วยถามคนขับว่า ป้าจะได้พักที่ไหน เพราะเขาเก็บตั๋วไป และในตั๋วไม่ได้ระบุโรงแรม น้องไปถาม คนขับบอกว่า เขาไม่รู้เรื่อง เขามีหน้าที่ขับรถ อยากรู้ให้โทรไปถามคนขายตั๋ว...แม่เจ้า! โทรศัพท์ไม่มีซิม จะโทรได้อย่างไร คุยกับเอเลน่า กับ โจเซฟ ถึงเรื่องราคา เราจ่ายมากว่าน้อง คนละ 5 Q แต่คนขายบอกว่า พร้อมค่าที่พัก โจเซฟบอกว่า คนกัวเตมาลา ชอบพูดโกหก แสดงว่า เราเจอเข้าแล้วสิ มีนายหน้าจัดโรงแรมมาถามเรา ป้าบอกว่า คนขายตั๋วบอกเราว่า เขาเก็บค่ารถกับค่าที่พักเราไปแล้ว และคนขับรถคนเก่าก็เก็บตั๋วเราไปแล้ว ตอนนี้เรามีแต่ตั๋วไปเอลซัลวาดอร์ เขาขอดูตั๋วเรา แล้วโทรไปที่บริษัท เขาบอกว่า ONVISA เดินไป 3 บล็อค แล้วเลี้ยวขวาไป 80 เมตร คนกัวเตฯ ที่มีน้ำใจก็ยังพอมี ....เราเดินไปตามนั้น ยังหาไม่เจอ ถามผู้หญิงที่เดินสวน...พวกเธอบอกว่า แถวนี้ไม่มี ลองไปดูที่อื่นอาจจะมี
....เราลองเดินต่อไปอีกหน่อย....มีจริงๆ
ผู้ชายถามว่า Espange or English พอบอกว่า English ผู้ชายหยุดพูด ผู้หญิงถามว่า มีอะไร ป้าจึงเล่าให้ฟัง เธอขอดูตั๋ว แล้วบอกว่า มีแต่ค่ารถ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ตั้งท่าจะขายทัวร์อย่างเดียว ผู้ชายออกตั๋วให้ใหม่ ลุงบอกว่าให้เขาหาโรงแรมราคาถูกให้ด้วย พอบอกเธอ เธอบอกว่า เธอมี แล้วเอาราคาให้ดูป้าเลือกห้องส่วนตัว ห้องน้ำรวม คืนละ 100 Q เราจะไปเที่ยวกันเอง เราถามว่า เมืองนี้เดินเที่ยวกลางคืนได้มั้ย เธอบอกว่า อันตรายมาก อย่าไปเลย เราจึงเอาของเข้าห้อง แล้วออกไปเที่ยวที่ใกล้ๆ
ก่อนอื่นต้องไปหาแลกเงินก่อน ไอวาน ที่โปเลงเก้บอกเราว่า ที่กัวเตมาลา อย่ากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม เพราะเงินจะเข้าถุงของคนร้าย ถ้าจะเบิกเงินให้เข้าไปในธนาคาร เราจึงไปขอแลกเงินที่ธนาคาร แต่รปภ.บอกว่า เดินไปอีก 5 ห้อง มัน คือ Western Union ป้าแลกแค่ $ 50 เพราะมีอยู่บ้างแล้ว พรุ่งนี้จะไปเที่ยวเมืองหลวงค่ารถไป-กลับ คนละ 40 Q แลกมาก ตอนแลกคืน ก็ขาดทุนอีก อยู่พรุ่งนี้อีกวันเดียว ค่าที่พักก็จ่ายแล้ว
(ยังมีต่อ)
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน17 Antigua มรดกโลก เมืองหลวงเก่ากัวเต
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=bDx4SKZchVI&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN&index=22
https://www.youtube.com/watch?v=FHAVaVNl-uc&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN&index=23
วันอังคาร ที่ 28 มิ.ย. ประมาณตี 3 เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อการเดินทางในวันนี้ พอกลับจากเข้าห้องน้ำแล้ว ป้าจึงรีบงมๆ คลำๆ เก็บของท่ามกลางความมืด ที่เราไม่ได้เก็บไว้ก่อน เพราะมีผ้าเปียกจากการไปเที่ยวน้ำตกเมื่อวาน
ตี 4 ลุงลุกขึ้นมา เราจึงรีบรวบรวมสัมภาระ ลงไปจัดต่อข้างล่าง มีแสงจันทร์ครึ่งดวงพอมองเห็นสิ่งของ เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว รอรถคันแรกที่จะออกจากหมู่บ้าน เมื่อคืนน้องจีนบอกว่า ตัวแทนขายตั๋ว บอกเขาว่า เช้าวันที่เขาจะไปฟลอเรส เขาต้องนั่งรถออกไปที่ท่ารถ ค่ารถ 15 Q เพื่อขึ้นรถที่จะมารับไปฟลอเรส ป้าบอกว่า ป้ามีแต่เงินดอลล่าร์ เขาบอกว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะ $ 2 = 15 Q
เพิ่งรู้ว่า เมื่อคืน หนุ่มๆ หายลงมานั่งดื่มเบียร์อยู่ข้างล่าง ตอนนั่งรอรถ เพราะมีกระป๋องเบียร์เปล่าๆ วางอยู่ เก้าอี้ไม่ได้เก็บขึ้น
เวลา 04.30 น เราพร้อมออกเดินทาง ลุงนอนรอในเปลยวน ถ้ารถมาเมื่อไรให้ป้าออกไปโบกรถ กำลังนั่งเพลินๆ ได้ยินเสียงตุ้บ เหมือนเสียงผลไม้ลูกใหญ่ ประมาณมะพร้าว หรือมะม่วงลูกใหญ่ ร่วงลงบนดินที่เปียกชุ่มอยู่ ป้าลองเดินออกไปดู เห็นลูกอะไรตะคุ่มๆ อยู่ใต้ต้นไม้ท่ามกลางความสลัวของแสงจันทร์ ในวันฟ้าปิด คล้ายๆ มะพร้าวอ่อนลูกเรียวๆ หรือ จะเป็นมะม่วงลูกใหญ่ ลองเก็บขึ้นมา เปลือกสากๆ หัวแตก รีบเอาไปล้าง และเช็ด เอาไฟฉายส่องดู เนื้อข้างในแดงๆ หนา หุ้มเม็ดสีดำใหญ่ 1 เม็ด รูปร่างล้อผลที่หุ้มห่อ ลองเอาลิ้นแตะดู มันออกรสหวาน จึงเก็บใส่ถุง จะเอาไปถามคนข้างนอก ว่า มัน คือ อะไร กินได้มั้ย
ใกล้ตี 5 มีรถวิ่งผ่านเข้าไปข้างใน 1 คัน มีลุ้นว่า จะมีรถขึ้นไปท่ารถแน่นอน ใกล้ตี 5 ครึ่ง ได้ยินเสียงรถวิ่งลงเขามา ป้าวิ่งออกไปตบมือเรียก รถไม่จอดแต่เลี้ยวเข้าโรงแรม เขาเดินเข้าไปคุย กับเจ้าของโรงแรม แล้วเดินออกมา ขอดูตั๋ว แล้วพยักหน้า ที่แท้ เขามารับเรานั่นเอง
บนรถมีน้องคู่สเปนกับออสเตรีย นั่งอยู่ก่อน ป้าดีใจมากที่เป็น 2 คนนี้ พวกเขาไปแอนติกัว เหมือนเรา พวกเขาเที่ยว 1 ปี เก็บข้อมูลไปเขียนปริญญานิพนธ์ ป.โท ที่ม.ในออสเตรีย มันต้องแบบนี้ เรียนภาษาต้องเดินทางไปใช้ภาษา และซึมซับวัฒนธรรมด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ใมหาวิทยาลัย จัดพาไปดูงาน เก็บเงินแพงๆ แล้วได้ดูแต่สิ่งฉาบฉวย ลุงบอกว่า ถ้าป้าเขียนรายงานยุโรปภาคภาษาอังกฤษจบ ลุงจะเป็นคนอนุมัติ ดร.ทางด้านการท่องเที่ยวให้ป้าเอง 😂 ป้าถามว่า จะเอาไปทำอะไร ลุงบอกว่า เอาไว้เขียนนำหน้าชื่อ งิ!
น้องชื่อ Elena กับ Joseph ป้าถามเรื่องกระแสไฟฟ้าเมื่อคืน พวกเขาบอกว่า เปิดไฟระหว่างเวลา 18.00-21.00 น. ป้าบอกว่า ของเรา 19.00-22.00 น. พวกเขาบอกว่า แทบไม่มีไฟฟ้าใช้ ไร้เน็ต ตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ก็ดีเหมือนกัน ป้าบอกว่า ป้าคิดถึงลูก กับคิดถึงพ่อแม่ เอเลน่า หัวเราะ บอกว่า เหมือนแม่เธอเลย คอยติดตามถามข่าวอยู่เสมอ ป้าจึงบอกว่า เมื่อไรที่เธอเป็นแม่ เธอจะรู้เอง ไม่ว่า จะวัฒนธรรมไหน แม่ย่อมห่วงลูกเสมอ 😍
พวกเขาบอกว่า เมื่อเช้า ออกจากโรงแรมไม่ได้ รั้วเป็นกำแพงสูง ปีนก็ไม่ได้ เจ้าของโรงแรมไม่ตื่น มาเปิดประตูให้ ตอนรถไปรับเขาขอให้ข้างบ้านช่วยเรียกให้
โรงแรมที่พวกเขาพักอาหารแพงมาก พวกเขาจึงไปหาอาหารเย็นที่อื่นกินกัน จ่าย 50 Q อิ่มแปร้เลย อร่อยด้วย รถวิ่งสะบัดสะบิ้งตามแรงเหวี่ยงจากความต่างระดับของก้อนหินบนถนน น้องเอเลน่า ส่ายหน้าว่า วิบากจริง ป้าบอกว่า แต่มันก็ทำให้เราหลับสนิทไม่ใช่หรือ เธอหัวเราะ แล้วบอกว่า จริงด้วย หลับแบบไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในสมองเลย 😊. ก่อนที่รถจะไปจอดที่ท่ารถ ป้าบังเอิญนึกได้ว่า โรงแรมชื่อ Casa Le Sapote แล้วก็ อ๋อ เอง ว่า ไอ้ลูกที่เก็บมาเมื่อเช้า มัน คือ ละมุดยักษ์ นี่เอง ภาษาอังกฤษ คือ Sapota พอบอกลุง ลุงดีใจใหญ่
พอรถจอด น้องเอเลน่า คุยกับ โจเซฟ ว่า ถ้าร้านนั้นเปิด ก็ดีสิ จะได้ซื้อกล้วย 2 ใบ 1Q อ้าว! เขาขายให้ป้า ใบละ 1Q ป้าก็ว่า ถูกแล้วนะ...ถ้าพูดภาษาสเปน ได้ยิ่งถูกกว่านั้นอีก เลยได้โดยสารไปกับน้องด้วย เห็นกล้วยเก่า ไม่สวยวางอยู่ ป้าหยิบก่อน มีกล้วยหอมลูกใหญ่ลูกเดียว นอกนั้นเล็กและดำ น้อง 2 คน ยืนแบบไม่ใส่ใจ แล้วก็ไม่บอกอะไร ป้าหยิบกล้วยหอม 1 กับกล้วย ที่เคยซื้อที่ฟลอเรส อีก 1 แม่ค้า พูดอะไร ป้าไม่รู้เรื่อง น้องโจเซฟ บอกว่า กล้วยอีกใบ เขาเอาไว้ทำอาหาร อ้อ....มิน่าล่ะ ที่เราซื้อมากินที่ฟลอเรส มันถึงได้ แข็งๆ มันๆ เวลาปอกก็ติดเปลือก ไม่นิ่ม และไม่หวาน ฮา าาาาาาา
เงิน 1 Q สุดท้าย ป้าขอกล้วยใบเล็กเพิ่มอีกใบ ให้น้องโจเซฟช่วยพูดให้...ได้ค่ะ เพราะเขาก็คงขายไม่ได้แล้ว พอข้ามถนนกลับไปที่รถแล้ว จึงเห็นว่า น้องๆ เขารอกล้วยล็อตใหม่ แต่เรามีแค่ Q เดียว ไม่อยากเรื่องมาก
พอคนขับรถออกมา เราจึงรู้ว่า ความจริง เราคิดถูกแล้ว ที่ว่า บริษัทจะรับผิดชอบ จัดรถไปรับเรา โดยที่เราไม่ต้องติดต่อใครอีก เพราะรถเป็นคันเดิมที่เรามาจากฟลอเรส คนขับก็เป็นคนเดิม ค่ารถไปรับก็ไม่ต้องจ่าย มิน่าล่ะ คนที่ช่วยประสานรถให้เราเมื่อคืน จึงหายไปเลย หลังจากได้ดูตั๋วครั้งที่ 2
ระหว่างรอคนขับจัดของบนหลังคา เราเอาละมุดออกมากินกัน แค่ชิมคำแรก ลุงก็ติดใจ เพราะลุงชอบอะไรที่หวานๆ สงสัยที่เแต่งงานกับป้า เพราะชื่อ อ้อย ละมั้ง? 😂
ต้องใช้ช้อนตักกินเนื้อเพราะเปลือกแข็งกินไม่ได้ คล้ายๆ มะขวิด หรือ มะตูม สุก กินชิ้นที่แตกเสี่ยงแรกหมดพอดี คนขับขึ้นรถมา ยิ้ม แล้วบอกว่า สับโปเต่ 😋 ป้าบอกว่า ใช่แล้ว ได้มาจากโรงแรม...เราเก็บเม็ดมาด้วย เอาไว้เพาะ ปลูกเป็นต้น ออกลูกแล้ว จะแจกให้ได้ปลูกกันเยอะๆ เลย. ป้าถามคนจัดคนขึ้นรถว่า ขอนั่งหน้าได้ไหม เขาว่าได้คนเดียว ลุงจึงเอาถุงอาหารจองที่นั่งหลังคนขับ แต่ตอนขึ้นสาวสหรัฐอเมริกา รีบขึ้นไปนั่งก่อน คนจัดรถให้ป้านั่งหน้า แต่ลุงมักจะเมารถ และถ้าให้ลุงนั่งกับฝรั่งไม่ดีแน่ ป้าจึงให้ลุงไปนั่งหน้าแทน สาวสหรัฐนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ เธอหันไปมองข้างหลังบ่อยๆ ป้าอยากจะบอกว่า ให้เพื่อนเธอมานั่งแทนป้า แล้วให้ป้านั่งริมก็ได้ แต่เห็นเธอเชิด เริด หยิ่ง จึงเฉย เพราะข้างหลังเป็นน้อง เอเลน่า กับ โจเซฟ ที่ไม่ใช่คนเหยียดผิว
รถออกจากท่ารถ ไปรับคนอีกโรงแรมหนึ่ง 3 แม่ลูกนั่งไปแค่โคบาน คนจัดบอกให้เด็กไปนั่งหน้า ป้าบอกว่า ป้าขอไปนั่งหน้าเอง เขาไม่บอกว่า กลัวป้าเมื่อย ตอนแรกป้าก็เข้าใจเขาผิด จนรถใกล้ออก คนขับรถบอกเราว่า วันนี้นั่งเมื่อยไปแค่โคบาน ก็จะได้เปลี่ยนรถ คนขับรถคนนี้น่ารัก เวลาถามเขามักจะตอบไม่ได้ แต่ถ้าเราพูดชื่อ ต้นไม้ หรือ ชื่อสถานที่เพี้ยน เขาจะบอกเรา วันนี้ ป้าถามว่า เขาจะขับกลับฟลอเรส หรือ เขาบอกว่า ใช่ เขาจะรับคนที่โคบาน กลับฟลอเรส
ป้าดีใจที่เราจะไปเปลี่ยนรถที่โคบาน เพราะจะได้แลกเงินที่นั่น
รถถึงโคบาน แต่ไม่ใช่จุดเดิม ป้าไปเข้าห้องน้ำกลับมา ลุงบอกว่า คนขับแนะนำให้ซื้อพายสับปะรด บอกว่า มันดีมาก ป้าเดินไปดู เขาบอกว่า อันละ 5 Q ป้าถามว่า จ่ายเป็นดอลล่าร์ได้มั้ย 3 อัน ต่อ$ 2 เขาว่า ได้เลย ป้ากอดที่ไหล่ ขอบคุณ ลุงตั้งท่าถ่ายรูป เขาดีใจ รีบโพสต์ท่าเต็มที่ เมืองท่องเที่ยวมันต้องเป็นแบบนี้แหละ ถึงจะใช่! บอกลาคนขับรถคนเก่า ขึ้นรถคันใหม่ คนขับรถคนใหม่ ไม่พูดกับเราเลย เพราะเขาพูดไม่ได้ เราคุยกัน 2 คน รถออกจากโคบานไปเจอช่วงที่เขากำลังจุดภูเขาหินสร้างถนน ฝุ่นฟุ้ง มีตำรวจตั้งด่านด้วย รถติดนานเกือบชั่วโมง แอร์ก็ไม่เปิด มีคนมาขายของ มะม่วง ถั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ดูปริมาณ กับราคา และหน้าตาผลิตภัณฑ์แล้ว ไม่มีใครสนใจจะซื้อเลย
ตั้งแต่จุดนั้น เราได้เห็นคนแต่งกายไม่เหมือนเดิม คนท้องถิ่นทั่วๆ ไป ผู้หญิงใส่กระโปรงเอวยืด บานกรอมเท้า ใส่เสื้อลูกไม้ หรือเสื้อถัก โดยมีซับในสวมก่อน เวลาอยู่บ้าน ถอดเสื้อถัก หรือ ลูกไม้ออก มีแต่เสื้อขั้นใน กับซับใน ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในเมือง อย่างโคบาน หรือเมืองท่องเที่ยวในหุบเขาที่ติดถนนใหญ่ แต่งตัวทันสมัย ใส่ยีนส์บ้าง กระโปรงรัดรูปบ้าง แต่พวกเธอไว้พุงกันเกือบ 100% ก็ลองจินตนาการกันเอาเอง แต่ผู้หญิงที่วิ่งขายของอยู่บนเขาที่กำลังสร้างถนน ใส่กางเกงรัดข้างใน สวมผ้ากันเปื้อนลูกไม้แบบกระโปรงบานตัวสั้นไว้ข้างนอก ลุงชอบมาก พยายามเล็งแล้วเล็งอีก ไม่มีโอกาสถ่ายสักที
คนขับจอดให้เข้าห้องน้ำอีกทีที่เมืองท่องเที่ยวในหุบเขาเขาเติมน้ำมันรถ ป้าถามที่มินิมาร์ท ถามว่า รับเงินดอลล่าร์มั้ย คนขายเป็นเจ้าของเองตอบว่า Si ป้าดีใจมาก เลยซื้อสบู่ 1 ก้อน ขนม 1 ถุง จ่ายแบงค์ $ 20 ได้เงินทอนมา กว่า 100 Q ดีใจรอดตายแล้ว....
ยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวง ถนนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกัวเตมาลาเหนือ มีชุมชนเก่าแก่ที่สวยงามอยู่ริมแม่น้ำ บ้านเมืองมีสีสัน มีรถเมล์หลากสี สวยงาม ลุงจ้องแต่จะจับภาพรถเมล์ แต่ถ่ายไม่ค่อยทัน สะพานลอยสร้างด้วยเหล็กเหมือนกันหมด มีบ้านบนเขาด้วย ประเทศเขาคงไม่ได้สงวนที่บนเขาเหมือนบ้านเรา เขาจึงมีเขาหัวโล้นเยอะมาก และมีการตัดไม้กันอยู่ตลอดเวลา
เวลา 14.00 น. รถจอดหมดระยะ ป้าถามน้องเอเลน่า ว่า น้องพักที่ไหน เธอบอกว่า ยังไม่ได้หา ป้าให้ช่วยถามคนขับว่า ป้าจะได้พักที่ไหน เพราะเขาเก็บตั๋วไป และในตั๋วไม่ได้ระบุโรงแรม น้องไปถาม คนขับบอกว่า เขาไม่รู้เรื่อง เขามีหน้าที่ขับรถ อยากรู้ให้โทรไปถามคนขายตั๋ว...แม่เจ้า! โทรศัพท์ไม่มีซิม จะโทรได้อย่างไร คุยกับเอเลน่า กับ โจเซฟ ถึงเรื่องราคา เราจ่ายมากว่าน้อง คนละ 5 Q แต่คนขายบอกว่า พร้อมค่าที่พัก โจเซฟบอกว่า คนกัวเตมาลา ชอบพูดโกหก แสดงว่า เราเจอเข้าแล้วสิ มีนายหน้าจัดโรงแรมมาถามเรา ป้าบอกว่า คนขายตั๋วบอกเราว่า เขาเก็บค่ารถกับค่าที่พักเราไปแล้ว และคนขับรถคนเก่าก็เก็บตั๋วเราไปแล้ว ตอนนี้เรามีแต่ตั๋วไปเอลซัลวาดอร์ เขาขอดูตั๋วเรา แล้วโทรไปที่บริษัท เขาบอกว่า ONVISA เดินไป 3 บล็อค แล้วเลี้ยวขวาไป 80 เมตร คนกัวเตฯ ที่มีน้ำใจก็ยังพอมี ....เราเดินไปตามนั้น ยังหาไม่เจอ ถามผู้หญิงที่เดินสวน...พวกเธอบอกว่า แถวนี้ไม่มี ลองไปดูที่อื่นอาจจะมี
....เราลองเดินต่อไปอีกหน่อย....มีจริงๆ
ผู้ชายถามว่า Espange or English พอบอกว่า English ผู้ชายหยุดพูด ผู้หญิงถามว่า มีอะไร ป้าจึงเล่าให้ฟัง เธอขอดูตั๋ว แล้วบอกว่า มีแต่ค่ารถ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ตั้งท่าจะขายทัวร์อย่างเดียว ผู้ชายออกตั๋วให้ใหม่ ลุงบอกว่าให้เขาหาโรงแรมราคาถูกให้ด้วย พอบอกเธอ เธอบอกว่า เธอมี แล้วเอาราคาให้ดูป้าเลือกห้องส่วนตัว ห้องน้ำรวม คืนละ 100 Q เราจะไปเที่ยวกันเอง เราถามว่า เมืองนี้เดินเที่ยวกลางคืนได้มั้ย เธอบอกว่า อันตรายมาก อย่าไปเลย เราจึงเอาของเข้าห้อง แล้วออกไปเที่ยวที่ใกล้ๆ
ก่อนอื่นต้องไปหาแลกเงินก่อน ไอวาน ที่โปเลงเก้บอกเราว่า ที่กัวเตมาลา อย่ากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม เพราะเงินจะเข้าถุงของคนร้าย ถ้าจะเบิกเงินให้เข้าไปในธนาคาร เราจึงไปขอแลกเงินที่ธนาคาร แต่รปภ.บอกว่า เดินไปอีก 5 ห้อง มัน คือ Western Union ป้าแลกแค่ $ 50 เพราะมีอยู่บ้างแล้ว พรุ่งนี้จะไปเที่ยวเมืองหลวงค่ารถไป-กลับ คนละ 40 Q แลกมาก ตอนแลกคืน ก็ขาดทุนอีก อยู่พรุ่งนี้อีกวันเดียว ค่าที่พักก็จ่ายแล้ว
(ยังมีต่อ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น