
เพื่อความต่อเนื่องอ่านเรื่องราวก่อนหน้าได้ที่
EP1 :
http://pantip.com/topic/35504690
EP2 :
http://pantip.com/topic/35514916
Warm up กันมาสองตอนแล้ว มาต่อกันเลยครับ วันนี้จัดหนักครับ
EP3 “Moving Day”
ลุกจากเตียงได้ก็คว้ากล้องแล้วเดินตรงไปที่จักรยานของโรงแรม Fulfill ในทันที
ที่นี่ถีบฟรีไม่มีชาร์ต เดี๋ยวเราจะไปปั่นรอบเมืองกัน
จากข้อมูลที่ได้มาเมื่อคืน
การเดินชมเมืองเก่าสถาปัตยกรรมชิโนฯสวยๆ
จะมีถนนที่น่าสนใจอยู่3ถนนหลักๆด้วยกัน
นั่นคือ ถนนถลาง, พังงา และ ดีบุก
ตามแผนที่ด้านล่างนั้นแหละครับ

โรงแรม Fulfill ที่เราพักจะอยู่ที่ถนนรัษฎา ซึ่งถัดจากถนนพังงาลงมาด้านล่าง
วันนี้เราจะไปออกตามหา “น้องมาร์ดี” กัน
แต่ก่อนไป ผมขอเล่าเป็นการปูพื้นสักนิดก่อนนะ
เรารู้ว่ามันสายไปสำหรับการเก็บภาพ “น้องมาร์ดี” ในธีมเด็กแรกเกิดครบ1เดือน
ที่วาดโดยศิลปินกราฟิตี “Alex Face” หนึ่งในสิบสองภาพของโครงการ
F.A.T. Phuket (Food Art Town) 12 ผนัง 12 ภาพ 12 วิถีชาวภูเก็ต
ของกลุ่ม SO Phuket กลุ่มที่ต้องการผลักดันให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองแห่งศิลปะ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุบางอย่าง Alex Face ได้ลบรูปดังกล่าวออกไปแล้ว
อย่างไรก็ดี พวกเรายังคงอยากตามหาภาพที่เหลือเพื่อบันทึกไว้
เผื่อวันหน้าโดนลบไปอีกจะได้ไม่เสียดาย

น้องมาร์ดีในธีมเด็กแรกเกิด เคยอยู่ที่ตึกๆนี้
"The Chartered Bank"
บทความด้านล่างคัดลอกจาก
http://paiphuket.com/2016/04/20/food-art-phuket-old-town/
12วิถีชาวภูเก็ตที่ผูกพันกับอาหารในโอกาสต่างๆ มีอะไรบ้างนะ
1. วิวาห์บาบ๋า งานมงคลที่มีอาหารคาวหวานหลากหลายแทนคำอวยพร
2. อาหารเช้าภูเก็ต เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมผ่านรสชาติของอาหารจากเสี่ยวโบ๋ยแบบจีน จนถึงขนมจีนแบบไทย และโรตีแกงแบบมุสลิม ที่ทุกคนต้องตื่นเช้ามาชิม
3. กาแฟยามบ่ายกับวัฒนธรรม “กินโกปี้” ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเพื่อนฝูงผ่านขนมคาวหวาน และชากาแฟถ้วยโปรด
4. การคลอดลูก กับการมอบเอี๋ยวปึ่ง ไข่ต้มย้อมสีแดง และขนมอังกู๊สีแดงสด ใส่เซี่ยนหนา เดินแจกจ่ายตามบ้านแสดงความขอบคุณญาติพี่น้องในวาระต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้าน
5. ขนมเด็กวัยเรียน สะท้อนความสนุกสนาน และสีสันกับความทรงจำในวัยซุกซน
6. พ้อต่อ ขนมเต่าสีแดง เครื่องหมายแห่งการมีอายุยืน และสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาล
7. ตรุษจีน การก้าวย่างสู่ปีใหม่ ร่วมเฉลิมฉลอง และพบปะญาติพี่น้อง แจกอั่งเปาลูกหลาน นับเป็นเทศกาลที่เรียงร้อยอาหารกับวิถีชีวิตที่ชัดเจนมากที่สุด
8. กินผัก งานบุญที่โด่งดังไปทั่วโลก กับอาหารบริสุทธิ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และดีต่อสุขภาพ
9. ไหว้เทวดา ด้วยผลไม้ และขนมหวาน บนความตระการตาของสีสันกับการคารวะรู้คุณเทวดาที่อำนวยพรให้ก้าวเข้ามาสู่ปีใหม่ที่สดใส
10. รถเข็น แผงลอย อาหารอร่อยหลายเมนู สะท้อนความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายและอร่อยล้ำ
11. ครัวในบ้าน รสชาติจากมือแม่ที่คุ้นลิ้น กับสูตรเฉพาะบ้านที่อร่อยมาแต่เกิด
12. ปิกนิกริมเล และงานเดินเต่า อาหารวันหยุดของคนภูเก็ตกับการพักผ่อนในอดีตที่ทำอาหารมาอร่อยริมทะเลกันพร้อมหน้าพร้อมตา
...............
เอามาให้อ่านพอเป็นแนวทาง เผื่อจะเพิ่มความเข้าใจเมื่อเจอรูปเหล่านั้น
จริงๆแล้ว แต่ละรูปอยู่ที่ไหน ยังไง ผมก็ไม่รู้หรอก
ข้อมูลเท่าที่มีก็ลายแทงใบนึง ที่ ผบ. โหลดมาจากในอินเตอร์เน็ต
อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ ผมเจอแล้วสองรูปในตอนที่ไปทานมื้อเย็นเมื่อวาน
มันอยู่ไกล้ๆร้านตู้กับข้าว
ผมเดาว่าสองรูปนั้นน่าจะเป็นหนึ่งใน12ภาพนั้น

และนี่ก็เป็นอีกภาพที่แอบเก็บไว้ตั้งแต่คืนนั้น
แต่นั่นมันก็ยังไม่ใช่น้องมาร์ดีที่พูดถึง
ไปครับ ออกไปปั่นจักรยานตามหากับผมกันดีกว่า
ที่หน้าปากซอยรมณีย์ จะเจอสองภาพควบเลยครับ
หนึ่งในนั้นคือ น้องมาร์ดี เด็กสามตา version เต่า
มาร์ดี (Madi) คือชื่อของลูกสาวของคุณพัชรพล แตงรื่น หรือ
Alex Face
เป็นที่มาของ Character เด็กน้อยสามตาหน้าบูดคนนี้

เดาว่าเป็นภาพที่ห้ากับภาพที่หก
ถ้าอยากได้ภาพคู่กับกับ Street art สวยๆ แบบโล่งๆ ไร้สิ่งรบกวน
แนะนำว่าให้ตื่นเช้าสักนิดมาให้ถึงก่อนที่ผู้คนและรถราจะหลั่งไหลกันมา

ถีบไปถ่ายไป จนกระทั่งโทรศัพท์มันเร้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง
รับรู้และสัมผัสได้โดยไม่ต้องพึ่งคุณริว
ว่าฮูกศรีกับหมีน้อยคงจะตื่นกันแล้ว
ในตอนนั้นผมอยู่ที่
Hai Leng Ong Statue (Golden Dragon Monument)

การโทรมาของสองคนนี้ “ดังเตือนว่า ได้เวลากิน”
มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“พี่ๆ ผมหาเจอแล้ว ร้านเสี่ยวโบ๋ยในตำนานที่พี่พูดถึง ตามโลฯ ผมมาเลย”
เสียงพี่หมีโหวกเหวก ด้วยความตื่นเต้น ผ่านมาทางโทรศัพท์
มันช่างเป็นทีมเวิร์คที่น่าสะพรึงจริงๆ คนหนึ่งตระเวนเก็บภาพบรรยากาศ
ส่วนอีกคนคอยเสาะหาร้านอร่อยร้านดีร้านดัง มาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านได้ชิมได้ชมกัน
คงต้องพักเรื่อง กราฟิตี ไว้แค่นี้
ผมจะพาไปร้านที่พี่หมีพูดถึงกันก่อน
ร้านบุญรัตน์
ติ่มซำร้านนี้มีมากว่าร้อยปี สืบทอดต่อกันมาสองสามรุ่นแล้ว
ถึงวันนี้มีทั้งหมดสามสาขา เราจะไปกินที่สาขาแรก
ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน ดูได้ในแผนที่ด้านบนครับ
บางคนว่า เมื่อมากินติ่มซำร้านนี้แล้ว จะไม่อยากไปกินที่อื่นอีกเลย
ไปครับ เราไปพิสูจน์กัน

ปลากะพงอันนี้ บอกเลย อย่างเด็ด!!
รสหวาน ทานง่าย ไร้กลิ่นคาว

สาขานี้เป็นห้องแถวเล็กๆ บรรยากาศร้าน อบอุ่นมากๆ
ก็ทั้งเตา ตุ๋นต้มนึ่ง มันอยู่ในนั้นทั้งหมดนี่นา...
ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ การได้กินของอร่อยในครั้งนี้
ก็ต้องแลกมาด้วยเหงื่อ หลายหยดทีเดียว เช่นกัน
อร่อยสมคำร่ำลือ จัดกันหนักกันทีเดียว
ณ เพลานี้ มันเหมือนงูเหลือมที่เพิ่งเขมือบเหยื่อเข้าไป
มิอาจโยกย้ายไปทางไหนได้อย่างสะดวกนัก
ขอพักให้หายจุกก่อนนะ ค่อยไปกันต่อ
ระหว่างพักจุก ขอเล่าย้อนไปตอนเช้าสักหน่อย
ในเส้นทางที่ปั่นเล่นไปเรื่อยเปื่อย มีสองจุดน่าสนใจ
หนึ่งคือ Phuket Trickeye Museum
ตอนไปถึงมันเช้าเกิน เขายังไม่เปิด เลยไม่ได้เข้าไปเล่น
และอีกหนึ่งคือ
“บ้านพระพิทักษ์ชินประชา”
บ้านหลังนี้อายุนับร้อยปี เป็นอาคาร ชิโน - โปรตุกีส หลังแรกในภูเก็ต
คงเห็นเพราะในสมัยนั้นเจ้าของมีธุรกิจอยู่ที่ปีนัง
ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่จึงมาจากต่างประเทศ
คงจะขนมาทางเรือเวลากลับจากการไปทำมาค้าขาย
อีกครั้ง... เมื่อมาถึงเช้าเกิน มันยังไม่เปิดให้เข้าชมภายใน อด อีกแล้ว...
เอาละ เมื่ออิ่มคลาย เราไปกันต่อดีกว่า

ไหนๆ ก็เดินผ่าน ขอจัดอีกสักใบ ลุงกับป้า ที่เราเจอกันครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคืน

บางรูปอลังการงานสร้างมาก
การเก็บให้อยู่ในเฟรมเดียวต้องอาศัยเลนส์มุมกว้าง
หรือไม่ก็ Panorama เถื่อนๆ อย่างรูปด้านบนที่ผมทำ

ทั้งยาว ทั้งซอยแคบ แถมรถจอดบังอีก.. เหนื่อยเบยรูปนี้

เวลาก็ผ่านไปจนไกล้จะเที่ยงแล้ว เรายังไม่เจอ เด็กน้อยสามตา อีกรูปหนึ่งเลย
รูปนั้นมันเป็น Highlight เสียด้วย
(คือ ผบ. ชอบนะครับ ถ้าหาไม่เจอวันนี้ มีได้บินกลับมาอีกรอบแน่ๆ)

ที่เดินเข้าไป เพราะเวสป้าเท่านั้นเอง...

หลบมานั่งตากแอร์ แพร๊บ...
" The Circle Coffee Boutique"
แดดก็เริ่มร้อน แรงก็เริ่มตก เราเลยตัดสินใจ
คงจะต้องใช้รถยนต์ วนหากันดีกว่า
ขับวนได้สักรอบสองรอบ มันก็ยังไม่เจอ
เปลี่ยนเป้าไปทานข้าวเที่ยงกันก่อนดีกว่า
ผมถามหาพิกัดจากเพื่อนว่า
อยากทานอาหารพื้นเมืองของชาวภูเก็ต
ต้องไปที่ไหน เขาแนะนำที่นี่มา
“ร้านพื้นเมืองล๊กเกียน”

ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนดีบุกตัดกับเยาวราช
เป็นเหมือนศูนย์อาหารที่มีหลายร้านมารวมกัน
สั่งที่โต๊ะ ไปสั่งที่ร้านก็ได้
จ่ายก่อนกิน ของมาตังค์ไป
กินเสร็จก็เผ่นได้เลยไม่ต้องรอเช็คบิล
หลังจากทานเสร็จ ในเดินกลับไปที่รถ เหลือบเห็นร้านทำขนมพื้นเมือง
ดูน่าทาน อยากลอง แต่พอเข้าไปถาม เขาว่าต้องรอ30นาที
รอไม่ไหว ต้องทำตาละห้อยเดินออกมา
ไว้ลองคราวหน้าก็ได้เนาะ........
เมื่อวนไปก็หลายรอบ หาไม่เจอเสียที ความเบื่อก็เข้ามา
Missionใหม่ก็เกิด
“เราหาบิงชูกินแก้เครียดกันดีกว่า”
นั่นไง... มันก็ไม่พ้นเรื่องกิน
เนื่องด้วย เขาให้พิมพ์ได้ไม่เกิน หมื่นตัวอักษร
และตอนนี้ก็ไกล้ครบแล้ว จึงขอตัดเรื่องของวันนี้เป็นสองตอนย่อยนะครับ
คงต้องจบที่บันทัดนี้แล้วหละ ไว้เจอกันตอนหน้าครับ
รอนะแค่อึดใจเดียว...
PHUKET นอกฤดู : EP3.1 “Moving Day”
เพื่อความต่อเนื่องอ่านเรื่องราวก่อนหน้าได้ที่
EP1 : http://pantip.com/topic/35504690
EP2 : http://pantip.com/topic/35514916
Warm up กันมาสองตอนแล้ว มาต่อกันเลยครับ วันนี้จัดหนักครับ
EP3 “Moving Day”
ลุกจากเตียงได้ก็คว้ากล้องแล้วเดินตรงไปที่จักรยานของโรงแรม Fulfill ในทันที
ที่นี่ถีบฟรีไม่มีชาร์ต เดี๋ยวเราจะไปปั่นรอบเมืองกัน
จากข้อมูลที่ได้มาเมื่อคืน
การเดินชมเมืองเก่าสถาปัตยกรรมชิโนฯสวยๆ
จะมีถนนที่น่าสนใจอยู่3ถนนหลักๆด้วยกัน
นั่นคือ ถนนถลาง, พังงา และ ดีบุก
ตามแผนที่ด้านล่างนั้นแหละครับ
โรงแรม Fulfill ที่เราพักจะอยู่ที่ถนนรัษฎา ซึ่งถัดจากถนนพังงาลงมาด้านล่าง
วันนี้เราจะไปออกตามหา “น้องมาร์ดี” กัน
แต่ก่อนไป ผมขอเล่าเป็นการปูพื้นสักนิดก่อนนะ
เรารู้ว่ามันสายไปสำหรับการเก็บภาพ “น้องมาร์ดี” ในธีมเด็กแรกเกิดครบ1เดือน
ที่วาดโดยศิลปินกราฟิตี “Alex Face” หนึ่งในสิบสองภาพของโครงการ
F.A.T. Phuket (Food Art Town) 12 ผนัง 12 ภาพ 12 วิถีชาวภูเก็ต
ของกลุ่ม SO Phuket กลุ่มที่ต้องการผลักดันให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองแห่งศิลปะ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุบางอย่าง Alex Face ได้ลบรูปดังกล่าวออกไปแล้ว
อย่างไรก็ดี พวกเรายังคงอยากตามหาภาพที่เหลือเพื่อบันทึกไว้
เผื่อวันหน้าโดนลบไปอีกจะได้ไม่เสียดาย
น้องมาร์ดีในธีมเด็กแรกเกิด เคยอยู่ที่ตึกๆนี้ "The Chartered Bank"
บทความด้านล่างคัดลอกจาก
http://paiphuket.com/2016/04/20/food-art-phuket-old-town/
12วิถีชาวภูเก็ตที่ผูกพันกับอาหารในโอกาสต่างๆ มีอะไรบ้างนะ
1. วิวาห์บาบ๋า งานมงคลที่มีอาหารคาวหวานหลากหลายแทนคำอวยพร
2. อาหารเช้าภูเก็ต เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมผ่านรสชาติของอาหารจากเสี่ยวโบ๋ยแบบจีน จนถึงขนมจีนแบบไทย และโรตีแกงแบบมุสลิม ที่ทุกคนต้องตื่นเช้ามาชิม
3. กาแฟยามบ่ายกับวัฒนธรรม “กินโกปี้” ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเพื่อนฝูงผ่านขนมคาวหวาน และชากาแฟถ้วยโปรด
4. การคลอดลูก กับการมอบเอี๋ยวปึ่ง ไข่ต้มย้อมสีแดง และขนมอังกู๊สีแดงสด ใส่เซี่ยนหนา เดินแจกจ่ายตามบ้านแสดงความขอบคุณญาติพี่น้องในวาระต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้าน
5. ขนมเด็กวัยเรียน สะท้อนความสนุกสนาน และสีสันกับความทรงจำในวัยซุกซน
6. พ้อต่อ ขนมเต่าสีแดง เครื่องหมายแห่งการมีอายุยืน และสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาล
7. ตรุษจีน การก้าวย่างสู่ปีใหม่ ร่วมเฉลิมฉลอง และพบปะญาติพี่น้อง แจกอั่งเปาลูกหลาน นับเป็นเทศกาลที่เรียงร้อยอาหารกับวิถีชีวิตที่ชัดเจนมากที่สุด
8. กินผัก งานบุญที่โด่งดังไปทั่วโลก กับอาหารบริสุทธิ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และดีต่อสุขภาพ
9. ไหว้เทวดา ด้วยผลไม้ และขนมหวาน บนความตระการตาของสีสันกับการคารวะรู้คุณเทวดาที่อำนวยพรให้ก้าวเข้ามาสู่ปีใหม่ที่สดใส
10. รถเข็น แผงลอย อาหารอร่อยหลายเมนู สะท้อนความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายและอร่อยล้ำ
11. ครัวในบ้าน รสชาติจากมือแม่ที่คุ้นลิ้น กับสูตรเฉพาะบ้านที่อร่อยมาแต่เกิด
12. ปิกนิกริมเล และงานเดินเต่า อาหารวันหยุดของคนภูเก็ตกับการพักผ่อนในอดีตที่ทำอาหารมาอร่อยริมทะเลกันพร้อมหน้าพร้อมตา
...............
เอามาให้อ่านพอเป็นแนวทาง เผื่อจะเพิ่มความเข้าใจเมื่อเจอรูปเหล่านั้น
จริงๆแล้ว แต่ละรูปอยู่ที่ไหน ยังไง ผมก็ไม่รู้หรอก
ข้อมูลเท่าที่มีก็ลายแทงใบนึง ที่ ผบ. โหลดมาจากในอินเตอร์เน็ต
อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ ผมเจอแล้วสองรูปในตอนที่ไปทานมื้อเย็นเมื่อวาน
มันอยู่ไกล้ๆร้านตู้กับข้าว
ผมเดาว่าสองรูปนั้นน่าจะเป็นหนึ่งใน12ภาพนั้น
และนี่ก็เป็นอีกภาพที่แอบเก็บไว้ตั้งแต่คืนนั้น
แต่นั่นมันก็ยังไม่ใช่น้องมาร์ดีที่พูดถึง
ไปครับ ออกไปปั่นจักรยานตามหากับผมกันดีกว่า
ที่หน้าปากซอยรมณีย์ จะเจอสองภาพควบเลยครับ
หนึ่งในนั้นคือ น้องมาร์ดี เด็กสามตา version เต่า
มาร์ดี (Madi) คือชื่อของลูกสาวของคุณพัชรพล แตงรื่น หรือ Alex Face
เป็นที่มาของ Character เด็กน้อยสามตาหน้าบูดคนนี้
เดาว่าเป็นภาพที่ห้ากับภาพที่หก
ถ้าอยากได้ภาพคู่กับกับ Street art สวยๆ แบบโล่งๆ ไร้สิ่งรบกวน
แนะนำว่าให้ตื่นเช้าสักนิดมาให้ถึงก่อนที่ผู้คนและรถราจะหลั่งไหลกันมา
ถีบไปถ่ายไป จนกระทั่งโทรศัพท์มันเร้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง
รับรู้และสัมผัสได้โดยไม่ต้องพึ่งคุณริว
ว่าฮูกศรีกับหมีน้อยคงจะตื่นกันแล้ว
ในตอนนั้นผมอยู่ที่
Hai Leng Ong Statue (Golden Dragon Monument)
การโทรมาของสองคนนี้ “ดังเตือนว่า ได้เวลากิน”
มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“พี่ๆ ผมหาเจอแล้ว ร้านเสี่ยวโบ๋ยในตำนานที่พี่พูดถึง ตามโลฯ ผมมาเลย”
เสียงพี่หมีโหวกเหวก ด้วยความตื่นเต้น ผ่านมาทางโทรศัพท์
มันช่างเป็นทีมเวิร์คที่น่าสะพรึงจริงๆ คนหนึ่งตระเวนเก็บภาพบรรยากาศ
ส่วนอีกคนคอยเสาะหาร้านอร่อยร้านดีร้านดัง มาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านได้ชิมได้ชมกัน
คงต้องพักเรื่อง กราฟิตี ไว้แค่นี้
ผมจะพาไปร้านที่พี่หมีพูดถึงกันก่อน
ร้านบุญรัตน์
ติ่มซำร้านนี้มีมากว่าร้อยปี สืบทอดต่อกันมาสองสามรุ่นแล้ว
ถึงวันนี้มีทั้งหมดสามสาขา เราจะไปกินที่สาขาแรก
ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน ดูได้ในแผนที่ด้านบนครับ
บางคนว่า เมื่อมากินติ่มซำร้านนี้แล้ว จะไม่อยากไปกินที่อื่นอีกเลย
ไปครับ เราไปพิสูจน์กัน
ปลากะพงอันนี้ บอกเลย อย่างเด็ด!!
รสหวาน ทานง่าย ไร้กลิ่นคาว
สาขานี้เป็นห้องแถวเล็กๆ บรรยากาศร้าน อบอุ่นมากๆ
ก็ทั้งเตา ตุ๋นต้มนึ่ง มันอยู่ในนั้นทั้งหมดนี่นา...
ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ การได้กินของอร่อยในครั้งนี้
ก็ต้องแลกมาด้วยเหงื่อ หลายหยดทีเดียว เช่นกัน
อร่อยสมคำร่ำลือ จัดกันหนักกันทีเดียว
ณ เพลานี้ มันเหมือนงูเหลือมที่เพิ่งเขมือบเหยื่อเข้าไป
มิอาจโยกย้ายไปทางไหนได้อย่างสะดวกนัก
ขอพักให้หายจุกก่อนนะ ค่อยไปกันต่อ
ระหว่างพักจุก ขอเล่าย้อนไปตอนเช้าสักหน่อย
ในเส้นทางที่ปั่นเล่นไปเรื่อยเปื่อย มีสองจุดน่าสนใจ
หนึ่งคือ Phuket Trickeye Museum
ตอนไปถึงมันเช้าเกิน เขายังไม่เปิด เลยไม่ได้เข้าไปเล่น
และอีกหนึ่งคือ “บ้านพระพิทักษ์ชินประชา”
บ้านหลังนี้อายุนับร้อยปี เป็นอาคาร ชิโน - โปรตุกีส หลังแรกในภูเก็ต
คงเห็นเพราะในสมัยนั้นเจ้าของมีธุรกิจอยู่ที่ปีนัง
ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่จึงมาจากต่างประเทศ
คงจะขนมาทางเรือเวลากลับจากการไปทำมาค้าขาย
อีกครั้ง... เมื่อมาถึงเช้าเกิน มันยังไม่เปิดให้เข้าชมภายใน อด อีกแล้ว...
เอาละ เมื่ออิ่มคลาย เราไปกันต่อดีกว่า
ไหนๆ ก็เดินผ่าน ขอจัดอีกสักใบ ลุงกับป้า ที่เราเจอกันครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคืน
บางรูปอลังการงานสร้างมาก
การเก็บให้อยู่ในเฟรมเดียวต้องอาศัยเลนส์มุมกว้าง
หรือไม่ก็ Panorama เถื่อนๆ อย่างรูปด้านบนที่ผมทำ
ทั้งยาว ทั้งซอยแคบ แถมรถจอดบังอีก.. เหนื่อยเบยรูปนี้
เวลาก็ผ่านไปจนไกล้จะเที่ยงแล้ว เรายังไม่เจอ เด็กน้อยสามตา อีกรูปหนึ่งเลย
รูปนั้นมันเป็น Highlight เสียด้วย
(คือ ผบ. ชอบนะครับ ถ้าหาไม่เจอวันนี้ มีได้บินกลับมาอีกรอบแน่ๆ)
ที่เดินเข้าไป เพราะเวสป้าเท่านั้นเอง...
หลบมานั่งตากแอร์ แพร๊บ... " The Circle Coffee Boutique"
แดดก็เริ่มร้อน แรงก็เริ่มตก เราเลยตัดสินใจ
คงจะต้องใช้รถยนต์ วนหากันดีกว่า
ขับวนได้สักรอบสองรอบ มันก็ยังไม่เจอ
เปลี่ยนเป้าไปทานข้าวเที่ยงกันก่อนดีกว่า
ผมถามหาพิกัดจากเพื่อนว่า
อยากทานอาหารพื้นเมืองของชาวภูเก็ต
ต้องไปที่ไหน เขาแนะนำที่นี่มา
“ร้านพื้นเมืองล๊กเกียน”
ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนดีบุกตัดกับเยาวราช
เป็นเหมือนศูนย์อาหารที่มีหลายร้านมารวมกัน
สั่งที่โต๊ะ ไปสั่งที่ร้านก็ได้
จ่ายก่อนกิน ของมาตังค์ไป
กินเสร็จก็เผ่นได้เลยไม่ต้องรอเช็คบิล
หลังจากทานเสร็จ ในเดินกลับไปที่รถ เหลือบเห็นร้านทำขนมพื้นเมือง
ดูน่าทาน อยากลอง แต่พอเข้าไปถาม เขาว่าต้องรอ30นาที
รอไม่ไหว ต้องทำตาละห้อยเดินออกมา
ไว้ลองคราวหน้าก็ได้เนาะ........
เมื่อวนไปก็หลายรอบ หาไม่เจอเสียที ความเบื่อก็เข้ามา
Missionใหม่ก็เกิด “เราหาบิงชูกินแก้เครียดกันดีกว่า”
นั่นไง... มันก็ไม่พ้นเรื่องกิน
เนื่องด้วย เขาให้พิมพ์ได้ไม่เกิน หมื่นตัวอักษร
และตอนนี้ก็ไกล้ครบแล้ว จึงขอตัดเรื่องของวันนี้เป็นสองตอนย่อยนะครับ
คงต้องจบที่บันทัดนี้แล้วหละ ไว้เจอกันตอนหน้าครับ
รอนะแค่อึดใจเดียว...