สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
- ถ้าลองไปดูรูปถ่ายสามจังหวัดชายแดนใต้เก่าๆซักช่วงรัชกาลที่ 5-6 จะเห็นได้ชัดว่ามุสลิมะหไม่ได้คลุมฮิญาบเลย
- การแต่งงานของมุสลิมในไทยนั้นฝ่ายชายได้เปรียบมาก เมื่อไม่กี่วันก่อนมาเลเซียยังขอให้ทางไทยปรับแก้กฎหมายเรื่องการแต่งงานของมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้ เพราะในไทยนั้นมุสลิมที่แต่งงานกับภรรยาคนที่ 2 3 4 นั้นไม่จำเป็นต้องเอาคำอนุญาตจากภรรยาคนแรกมายื่นซึ่งต่างจากของมาเลเซียที่ต้องยื่นเป็นหลักฐาน ทำให้มีมุสลิมมาเลเซียไม่น้อยที่หลบเลี่ยงกฎหมายโดยการเข้ามาแต่งงานกับสตรีไทยเป็นภรรยาที่ 2 3 4 เพราะไม่ต้องเอาคำอนุญาตจากภรรยาคนแรกมายืนยัน ซึ่งในจุดนี้มาเลเซียไม่ค่อยพอใจเพราะทำให้เกิดปัญหาคนและสัญชาติอย่างมาก
- มุสลิมไทยแต่อดีตมาไม่ได้เคร่งศาสนามากจะมีเคร่งก็แค่บางกลุ่ม การเคร่งศาสนามากขึ้นนั้นเริ่มตั้งแต่หะยีสุหลงไปร่ำเรียนศาสนาจากซาอุดิอาระเบียและกลับมาก็เกิดความไม่พอใจในการปฏิบัติของมุสลิมสามจังหวัดชายแดนใต้ จึงพยายามจะเปลี่ยนแปลงมุสลิมสามจังหวัดชายแดนใต้ให้เชื่อและปฏิบัติตามที่ตนเองได้ร่ำเรียนมาจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งแนวคิดแบบนี้คือแนวคิดของซาลาฟีย์ที่ยึดมั่นว่าอิสลามแบบสำนักตนเท่านั้นที่ถูกต้อง อิสลามสำนักอื่นนั้นล้วนแต่ผิดหมด
- แม้แต่มาเลเซียเองก็ยังมีมุสลิมที่ปฏิบัติแปลกๆอยู่เช่น
- การแต่งงานของมุสลิมในไทยนั้นฝ่ายชายได้เปรียบมาก เมื่อไม่กี่วันก่อนมาเลเซียยังขอให้ทางไทยปรับแก้กฎหมายเรื่องการแต่งงานของมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้ เพราะในไทยนั้นมุสลิมที่แต่งงานกับภรรยาคนที่ 2 3 4 นั้นไม่จำเป็นต้องเอาคำอนุญาตจากภรรยาคนแรกมายื่นซึ่งต่างจากของมาเลเซียที่ต้องยื่นเป็นหลักฐาน ทำให้มีมุสลิมมาเลเซียไม่น้อยที่หลบเลี่ยงกฎหมายโดยการเข้ามาแต่งงานกับสตรีไทยเป็นภรรยาที่ 2 3 4 เพราะไม่ต้องเอาคำอนุญาตจากภรรยาคนแรกมายืนยัน ซึ่งในจุดนี้มาเลเซียไม่ค่อยพอใจเพราะทำให้เกิดปัญหาคนและสัญชาติอย่างมาก
- มุสลิมไทยแต่อดีตมาไม่ได้เคร่งศาสนามากจะมีเคร่งก็แค่บางกลุ่ม การเคร่งศาสนามากขึ้นนั้นเริ่มตั้งแต่หะยีสุหลงไปร่ำเรียนศาสนาจากซาอุดิอาระเบียและกลับมาก็เกิดความไม่พอใจในการปฏิบัติของมุสลิมสามจังหวัดชายแดนใต้ จึงพยายามจะเปลี่ยนแปลงมุสลิมสามจังหวัดชายแดนใต้ให้เชื่อและปฏิบัติตามที่ตนเองได้ร่ำเรียนมาจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งแนวคิดแบบนี้คือแนวคิดของซาลาฟีย์ที่ยึดมั่นว่าอิสลามแบบสำนักตนเท่านั้นที่ถูกต้อง อิสลามสำนักอื่นนั้นล้วนแต่ผิดหมด
- แม้แต่มาเลเซียเองก็ยังมีมุสลิมที่ปฏิบัติแปลกๆอยู่เช่น

แสดงความคิดเห็น
อิสลามสมัยก่อนมีขันติธรรมทางศาสนามากกว่าสมัยนี้รึเปล่าครับ ปู่เย็นท่านจึงมีภรรยาต่างศาสนาได้
แล้วหลักการนี้ตอนนี้หายไปรึยังครับ ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ มลายูที่รู้สึก (นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์)
เขาบรรยายภาพของชาวมลายูชีวิตพื้นบ้านที่มีประเพณีความเชื่ออิสลามที่ผสมผสานกับวิถีชีวิตดั้งเดิม ก่อนที่อิสลามสมัยใหม่จะเข้ามาแล้วมองพวกเขาว่าเป็นพวกน่ารังเกียจ นอกรีตทั้งที่มันคืออิสลามที่ถูกปรับให้เข้ากันกับ ภูมิวัฒธรรมที่หลายหลากกลมกลืน พอพวกมลายูที่เป็นขุนนางราชการหรือมีเงิน ได้มีโอกาสไปร่ำเรียนศาสนาจาก อียิปต์ หรือ ซาอุ กลับมาก็เอาหลักการศาสนามาขจัดสิ่งที่มันนอกรีต อย่างเช่นคนภายนอกอาจจะมองว่าผญ.อิสลามถูกกดขี่จากเพศชาย ซึ่งก็เป็นความจริง แต่อิสลามในสามจังหวัดบทบาทของผญ.กลับมีอำนาจมากกว่าเพศชาย การสืบสกุลในหมู่คนจน คนที่มีสิทธิได้มรดกก็คือผญ. ถึงจะมีกฎหมายอิสลามเรื่องมรดกแต่เหตุการณ์จริงที่เกิดคือมันไม่ได้ถูกใช้ในหมู่คนอิสลามด้วยกัน(นอกจากคนรวย - ออแฆกายอ) อิสลามสามจังหวัดยังมีธรรมเนียมที่ตกทอดกันมาว่า ผญ.มีสิทธิใหญ่ที่สุดในบ้าน แต่ปัจจุบัน มีคนหนุ่มหลายคนที่มีฐานะไปเรียนศาสนากลับมาพยายามที่จะไปเปลี่ยนธรรมเนียมนี้ ออแฆกายอ คือพวกที่สร้างปัญหาอยากได้อิสลามแบบที่ตนเองต้องการ แต่ในหนังสือเล่มนี้มันบอกว่าอิสลามมันมีความหลากหลายไม่ใช่หนึ่งเดียวอย่างที่เราๆคิดกัน และคนจนๆต้องการรัฐที่ไม่มีอิทธิพลทางศาสนามากกว่าที่เราเข้าใจ ในทุกกัมปง มีการเมือง ครุสอนศาสนาทำตัวเป็นคนมีอิทธิพล ความขัดแย้งในทางเศรษฐกิจ ทำให้ชาวบ้านไม่ได้เชื่อฟังโต๊ะครู หรือ อิหม่านแบบที่เราจิตนาการถึง หมู่บ้านสมัยก่อนที่ มีปราช์ชาวบ้าน สมานกลมเกียวกันอีกแล้ว ชาวบ้านสามจังหวัดไม่ได้ไว้ใจสภาซูรอ นี่อีกแล้ว
ขณะที่เรามองว่าเด็กวัยรุ่นคือตัวสร้างปัญหา แต่ในหนังสือเล่มนี้ พวกเด็กวัยรุ่นคนจนคือคนกลุ่มเดียวในตอนนี้ที่พยายามที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีหลายศาสนา ขณะที่ผู้ใหญ๋ทั้งพุทธทั้งอิสบามพยายามจะสร้างอัตลักษณ์ของแต่ละฝ่ายให้ต่างกันมากขึ้น เรียน รร.ที่โตมาด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน
ซึ่งมันตรงกันกับงานของ อ.ฉวีวรรณ ที่ผมเคยอ่านนานแล้วเรื่อง อำนาจของผญ.ในกัมปง(หมู่บ้าน)ในสังคมอิสลามมีมาก เหมือนสังคมไทยสมัยก่อนที่ผช.ต้องแต่งเข้าบ้านผญ. เขยจะต้องทำงานกับพ่อตาแล้วถึงจะลูกสาวจะได้มรดก