พูดได้เลยว่าทุกวันนี้ปัญหาภาคใต้ส่วนมากถูกขับเคลื่อนด้วยเงินและอำนาจ !?

มันยากที่จะไม่ใช่มลายู

ระยะหลัง ได้ยินการบอกเล่าของคนพุทธ หรือคนกลุ่มน้อยในพื้นที่สามจังหวัดไปในทางที่หมดจิตหมดใจมากขึ้นทุกที วันนี้เจอพี่คนจีนที่อยู่ที่นี่มาสามสิบปีคนหนึ่งถามว่าช่วงนี้เป็นไงบ้าง อยู่ที่นี่สบายใจดีอยู่ไหม คิดจะย้ายไปที่อื่นบ้างไหม แกคงได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรามาบ้างแหละถึงได้ถามตรงๆเอาแบบนี้ วันเดียวกันเพื่อนอาจารย์คนหนึ่งใน ม.อ.ตานี ก็บ่นๆให้ฟังว่าเขาเกิดที่นี่ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปู่ย่า ไม่ใช่คนมาจากอยุธยา แต่เขาไม่ใช่มุสลิม ยังถือว่าเป็นคนที่นี่เป็นมลายูได้ไหม

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อน นักศึกษาใน ม.อ.ตานีหลายคนโพสข้อความแสดงความไม่สบายใจ บางคนผิดหวังกับการมาเรียนที่นี่ หลายคนตั้งใจจริงๆอยากมาอยู่ มาเรียนรู้ สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดไม่ใช่สถานการณ์ความรุนแรง แต่กลับเป็นนักศึกษาด้วยกันเองที่กีดกันความเป็นอื่น อะไรที่ไม่ใช่อิสลาม มลายู จะค่อยๆถูกลดความสำคัญ ถูกผลักออก ถูกทำให้ไร้ตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆทั้งที่ ม.อ.ไม่ใช่มหาวิทยาลัยอิสลาม

พี่คนแรกเปรยว่าถ้า อ.อันอยากไป ก็คงไปได้ แต่พี่ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนแล้ว สามสิบปีที่ผ่านมาการแบ่งแยกกันมันแย่ลงเรื่อยๆ วันก่อนพี่เล่นกับเด็กมุสลิมตัวเล็กๆ แม่เค้ารีบพาลูกออกไป บอกเด็กว่าอย่าเล่นกับซีแย พูดนายู แต่พี่เขาฟังเข้าใจ

เด็กพุทธกลุ่มหนึ่งมาจากนคร ไปไหนไปเป็นกลุ่ม เราถามว่าไม่มีเพื่อนมุสลิมเหรอ เขาบอกว่ามี แต่ที่สนิทกันมีไม่เยอะ เราถามว่าไม่หัดพูดนายูเหรอ เขาบอกว่าอยากพูดมากๆ แต่พอหัดแล้วก็โดนล้อ โดนหัวเราะใส่ บางทีสอนคำสัปดนให้ก็มี อยู่มาสามปีเขาเลยพูดไม่ได้และยอมแพ้ไป

พระภิกษุรูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่าโดนกับตัวเอง คือโดนเด็กวัยรุ่นมุสลิมล้อ ขึ้นรถเมล์ปตน.-ยะลา ก็ถูกแกล้งตบหัว แกบอก "เขาสอนกันมาให้เกลียดเรา"

เคยอ่านสเตตัสน้องนักกิจกรรมมลายูหนุ่มๆคนหนึ่งที่เถียงสู้คนอื่นเชิงหลักการไม่ได้ เลยโพสสเตตัสว่าถ้าใครไม่พอใจก็ให้ออกจากสามจังหวัดไป น้องคนนี้เราอันเฟรนด์ไปแล้วไม่ใช่เพราะสเตตัสนี้ แต่เพราะสเตตัสอีกอันที่เหยียดเพศเพื่อนเรา

หลังๆภาคประชาสังคมกระแสหลักก็เคลื่อนไหวกันไปในทิศทางที่เชิดชูวัฒนธรรมเชิงเดี่ยว หรือวัฒนธรรมกระแสหลักกันมากขึ้น ไม่พูดถึงวัฒนธรรมแบบอื่น คนอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่นี้ การเคลื่อนไหวเรื่องความเป็นปาตานีก็เหมือนกัน เต็มไปด้วยความลักลั่นย้อนแย้ง ไม่ต้องพูดถึงงานภาครัฐหรอกค่ะ เพราะนั่นงมๆงุมๆกันไปเรื่อยเปื่อยมานานแล้ว ความหลากหลายและวัฒนธรรมนี่เป็นอะไรที่ไม่เคยอยู่ในระบบคิดของรัฐไทยอยู่แล้ว

ที่พูดนี่ จะบอกว่าได้ยินมากับหูทั้งนั้นนะคะ บางทีเขาไม่พูดนอกกลุ่มหรอกคนเหล่านั้น เพราะเขารู้สึกไม่ปลอดภัย

เพื่อนคนนึงที่กรุงเทพฯถามเราว่า ทำไมเขาถึงทำกับคนอื่นแบบเดียวกับที่ตัวเองก็ถูกทำ ซึ่งเราก็พูดไม่ออกนะ มันอนาถใจเกินไป

มีหนังสือชื่อว่า "มันยากที่จะเป็นมลายู" ก็คงจะต้องมีอีกเล่มที่ชื่อ "มันยากที่จะไม่ใช่มลายู" ด้วย ความคิดคับแคบ ใจที่คับแคบ มันไม่เลือกคน ไม่เลือกชาติ ภาษา ศาสนาหรือสถานที่ ได้แต่หวังว่าจะเห็นปัญหาพวกนี้กันสักที และเห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกันบ้าง

ที่นี่มีความงดงามมากมาย ความน่าเกลียดอัปลักษณ์ก็เยอะ และของอย่างหลังบางทีก็มาแบบแนบเนียนมาก อ้างความดี อ้างศีลธรรม แม้แต่ศาสนาก็ถูกเอามาทำให้ความทุเรศทุรังเหล่านั้นชอบธรรมด้วย ที่สำคัญ ไม่มีใครอยากวิพากษ์ตัวเอง

-มลายูต้องเป็นอิสลาม?คือหนังสือที่ซื้อ4เล่มหนาๆ ทั้งซื้อในไทย ซื้อจากมาเลย์ ซื้อจากอิหร่าน(ให้เค้าแปลให้อีกที ไม่รู้ไปใหนละเล่มนั้น) ไม่มีเล่มใหนบอกว่ามลายูต้องเป็นอิสลามนี่หน่า เริ่มแรกคนมลายูเป็นพราหมณ์-ฮินดู นับถือผี แล้วเปลี่ยนมาเป็นพุทธ แล้วค่อยมาเป็นอิสลามทีหลัง เพราะงั้นเวลาคนบอกว่า คุณไม่ใช่มลายูเพราะคุณเป็นพุทธนี่ตบบ้องหูสักทีได้เลยนะคุณ เพราะฉะนั้นเรื่องความแตกต่างทางศาสนาไม่สามารถทำให้คุณเป็นหรือไม่เป็นคนมลายูได้เลย
-อะไรคือมลายู? ถ้านับตามหนังสือประวัติศาสตร์ที่ซื้อๆมาอ่าน ตามคำบอกเล่าคนแก่ ตามคำบอกเล่านักวิชาการที่เคยได้ฟัง มลายูนี่เป็นคำในเชิงวัฒนธรรมมากกว่า ไม่มีใครสามารถบอกได้แน่ชัดว่ามลายูนี่ต้องหน้าตาประมาณใหนเพราะทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่หน้าคล้ายๆกันทั้งนั้นเลยนะผสมกันร้อยพ่อพันแม่กันทั้งนั้น ตามบันทึกประวัติศาสตร์ชาวอาหรับเองหรือชาวไทยเองเค้าเรียกชาวมลายูทั้งนั้นตั้งแต่ นครศรีธรรมราชลงมาถึงรัฐยะโหร์มาเลเซียนู้นแหน่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าศาสนาอะไร อยุ่ในพื้นที่นี้ก็เป็นมลายูทั้งนั้น อย่าอ้างศาสนาแล้วบอกว่าไม่เป็นมลายูเลย
-มลายูดูได้จากใหน? ไม่ได้ดูจากเพลงอนาชีด ไม่ได้ดูจากการอ่านคัมภีร์กุรอ่าน ไม่ได้ดูจากการใส่ผ้าคลุม ไม่ได้ดูจากการใส่ชุดโต๊บ ใส่หมวกสารบันหรอกครับคุณ วัฒนธรรมลายูจริงๆก่อนเปลี่ยนมานับถืออิสลามนั้น เรามีงานรื่นเริงกินเหล้า เต้นรำ เล่นเครื่องดนตรี ไม่ใช่ดนตรีร็อคนะ เครื่องดนตรีโบราณๆอะแหละจำไมไ่ด้ละชื่ออะไรคล้ายๆของอินโด ไม่ก็แถวๆเกาะบอร์เนียวอะแหละ เพราะฉะนั้น วัฒนธรรมมลายูไม่จำเป็นต้องเป็นก้ะร้องอนาชีด ไม่จำเป็นต้องเป็นบังเล่นลิเกฮูลู แต่อาจจะเป็นไอบ่าวเล่นรองแงง ไอสาวรำโนราห์ ก็คือมลายูทั้งสิ้นตามข้อมูลทั้งหมด
-ความรุนแรงเกิดจากศาสนา? เปล่า ตั้งแต่เด็กจนโตเราชอบการเมืองนะสนใจติดตามจนบางครั้งเกือบเสียการเรียนด้วยซ้ำ แต่รู้มั้ยเราเจออะไร? ทุกการกระทำของความขัดแย้งไม่มีอะไรเกี่ยวกับศาสนาเลยเกี่ยวอำนาจอิทธิพล บารมี การแสวงหาผลกำไรจากยาเสพติด อาวุธเถื่อน การผลาญงบประมาณ การสร้างสถานการ์ณ หรือแม้กระทั่งการแทรกแซงจากต่างชาติ ทั้งตะวันตก ตะวันออก บางทีเราอาจจะโดนกลุ่มคนบางกลุ่มหลอกเราทั้งชีวิตตั้งแต่ระบบการศึกษา การโฆษณาชวนเชื่อทางสื่อต่างๆก็ได้ว่าไอนี่จะแบ่งแยกดินแดน ไอโน้นเป็นโจร ไอนั้นวางระเบิด เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับศาสนาเลย แต่ใช้การตีความทางศาสนาในทางเข้าข้างตนมาเป็นเครื่องมือทำให้ไอบังกับบ่าว ไอสาวกับไอก้ะทะเลาะกัน ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าบรรพบุรุษมันคนเดียวกันพี่น้องกันอะง่ายๆเลย
-อย่าให้คนอื่นเขาหลอกให้ทะเลาะกันแล้วเขาได้ประโยชน์ แล้วก็ต้องย้อนถามตัวเองกับคนอื่นว่าแบ่งแยกเพื่อ???
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่