สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ เราเป็นคนนึงที่มีครอบครัวก่อนวัยอันควร เราอยู่ปี1มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และตอนนี้เราก็ท้องได้7เดือนกว่า แต่เราไม่ดร็อปเรียนนะคะ ถือว่าโชคดีมากที่ทางมหาลัยและอาจารย์รวมถึงเพื่อนๆเข้าใจ แต่เรื่องที่เราจะมาพูดต่อไปนี้เป็นปัญหาที่เราเครียดมากจนปรึกษากับใครไม่ได้ แม้แต่แฟนเราเพราะเคยคุยกันแล้วเขาเองก็เครียด จนเราไม่รู้จะทำยังไง
เริ่มเลยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่าเราเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วพลาดท้องกับแฟนแต่โชคดีที่เป็นตอนม.6ปลายเทอมแล้ว พอรู้ว่าตัวเองท้องก็บอกแฟนและรอเวลาจนจบม.6 ประมาณ1เดือน แล้วหลังจากนั่นเราก็บอกพี่สาว แฟนเราเขาก็บอกพ่อกับแม่ของเขา พี่สาวเราก็หาวิธีช่วยเราที่จะบอกพ่อกับแม่ สุดท้ายก็บอกพ่อกับแม่ พ่อเราเขาก็ไม่แสดงท่าทางอะไรนะแต่ก็รู้ว่าเขาเสียใจและรับไม่ได้ปกติเขาก็เป็นคนนิ่งๆอยู่แล้ว ส่วนแม่เราโวยวายและรับไม่ได้ สุดท้ายแม่เราก็บอกให้เอาออกแต่เราไม่เอาออกและกลัวบาปมาก เลยหนีออกจากบ้าน เอาจริงๆพี่สาวเราก็รู้และพี่สาวเราเองก็ไม่อยากให้ทำบาปจึงช่วยเราและบอกว่าสักพักแม่ก็จะดีขึ้นเอง พอเราหนีออกจากบ้านมาได้1คืน เรากับแฟนไปบ้านญาติของแฟนเขา พอตอนเย็นของวันถัดมา แม่เราก็โทรมาขอให้เรากลับไปคุยกับเขาโดยเจอกันที่บ้านของแฟนเรา เรากับแฟนก็กลับจากบ้านญาติของแฟน และมาบ้านของแฟนโดยทันทีที่วางสายจากแม่ พอเดินทางมาถึงก็เย็นแล้วรอแม่อยู่สักพักหนึ่ง แม่กับพี่สาวและแฟนพี่สาวก็มา ระหว่างคุยกันแม่ของแฟนก็ขอว่าอย่าให้ทำแท้งโดยที่พ่อแม่เขาจะรับหลานเอามาเลี้ยงเอง และแม่เราก็โอเคยินยอมไป และให้เราขึ้นมาอยู่กรุงเทพกับย่าของแฟนเราโดยที่แฟนเรามาด้วยเพราะอยู่ที่นั่นไม่ได้มีแต่คนรู้จักและแม่เราค่อนข้างกลัวเสียชื่อมาก เรามาอยู่บ้านย่าของแฟนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแม่เราก็เรียกตัวให้ไปๆมาๆต่างจังหวัด กรุงเทพตลอด ไปทีนึงก็อาทิตย์หนึ่งหรือ15วัน จนครั้งสุดท้ายตอนท้องเราโตขึ้น(ปล.เราเป็นคนท้องเล็กมาก ตอนท้อง5เดือนจะ6เดือนแทบไม่ค่อยมีใครมองออก) พอเราขึ้นมาครั้งนี้เราก็ต้องหามหาลัยที่จะเรียนและสอบเข้าจนสอบได้และมาเรียนซัมเมอร์ ตอนที่เราได้มหาลัยแล้วแม่เราให้เราย้ายออกมาจากบ้านย่าของแฟนเพราะมันไกลจากมหาลัยมากให้มาอยู่หอหน้ามหาลัย เราก็เข้าใจว่ามันไกลมาก ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่เลยแต่แม่เราบอกว่าห้ามพาแฟนมาอยู่หอ ห้ามเขารู้เป็นอันขาดว่าเราอยู่หอที่ไหน เราก็เข้าใจและบอกแฟนไป แต่จริงๆแล้วเรากับเขาก็มาอยู่ด้วยกันจนได้ โดยที่เขาไม่ได้มาอาศัยห้องเราฟรีๆเขาจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ทุกๆเดือนรวมถึงค่าอินเทอร์เน็ตต่างๆ แต่เขาต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ แต่กลับไปทีนึง ไม่นานก็ขึ้นมาเพราะไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว พออยู่ที่นี่ได้สักพักหนึ่งทุกอย่างเหมือนเริ่มจะลงตัว แต่ระหว่างนั่นแม่เราก็ขึ้นมาหอเราบ้าง ทุกครั้งที่แม่ขึ้นมา แฟนเราก็ไปนอนบ้านย่าทุกครั้ง เรากับแฟนก็ยอมรับอุปสรรคตรงนี้ได้ ทีนี้เราเป็นคนไม่ชอบกรุงเทพสักเท่าไหร่ ก่อนคลอดเราเลยอยากกลับไปสูดอากาศที่บ้านเกิดของเราโดยที่แม่ของเราไม่รู้ว่าเรากลับไป เราไปนอนบ้านของแฟนเรา พอวันเดินทางเราก็ขึ้นเครื่องอะไรเรียบร้อยพอเรามาถึงบ้านของแฟนแม่เราก็โทรศัพท์มาบอกว่าอีกไม่กี่วันจะขึ้นกรุงเทพ เราใจเสียมากเลยยอมทิ้งตั๋วขากลับและกลับล่วงหน้าก่อนกำหนด2วัน อันนั่นยังเป็นอุปสรรคเล็กๆอยู่ พอมาตอนนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากคือแม่เราเขาจะมาซื้อบ้านที่กรุงเทพ แล้วจะให้เราย้ายไปอยู่บ้านโดยที่แม่จะมาแวะเวียนเป็นประจำและมีพี่สาวอยู่กับเราที่บ้านนั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเราต้องแยกออกจากแฟนเราโดยปริยาย ทีนี้แยกออกจากแฟนไม่เท่าไหร่หรอกคะ แต่วันคลอดที่ใกล้จะถึงมานี้แม่เราจะให้เราคลอดลูกเสร็จและห้ามเราเจอหน้าลูกเราอีกเลย ระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาลก็เช่นกันแม่เราจะห้ามให้พยาบาลพาลูกมาหาเรา และห้ามลูกกินนมของเราโดยที่แม่เราจะให้หมอจ่ายยาหย่านม ก่อนหน้านั่นแม่เคยคุยกับหมอว่าจะไม่ให้เราเซ็นเป็นแม่เด็กแต่หมอบอกว่ามันผิดกฏโรงพยาบาลหมอทำไม่ได้ และจะขอให้เราคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์เรา6เดือนแต่หมอไม่อนุญาติเนื่องจากเด็กจะไม่ปลอดภัย และหลังจากออกจากโรงพยาบาลแม่เราจะให้เรากลับบ้านเกิดโดยทันที1อาทิตย์เพราะกลัวทางบ้านเขาจะสงสัยที่เรามาอยู่ที่นี่ไม่กลับบ้านนานหลายเดือน โดยแม่เราจะไม่ให้เราไปดูหน้าลูกเลย เรากลัวมากๆใจเราจะขาดอยู่แล้วตอนนี้น้ำตาใหลตลอดที่พิมพ์ แม้กระทั่งนมของเราลูกเราก็ไม่ได้กิน แม่เราเหมือนจับแยกเรากับลูกกับแฟนเราตลอด เราเครียดมาก เรารู้ว่าเราผิดที่เรามีลูกก่อนวัยอันควร แต่ปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ไม่รู้จะทำยังไง มันก็ต้องยอมรับความจริง เราไม่อยากให้แม่เราจับแยกเรากับลูกเลย เราเครียดมาก แม่มาห้ามเราส่งเสียลูกเราด้วย แม่เราบอกเขาจะจัดการเองห้ามติดต่อเด็กไปเป็นอันขาด ในสายตาของแม่เราเขามองเราเป็นเพียงแค่เด็กมหาลัยไม่ได้มองว่าเราเป็นแม่คนแล้ว ทั้งที่ความจริงเราสามารถทำ2หน้าที่ในเวลาเดียวกันได้ทั้งเรียนไปเป็นแม่ของลูกไป ขอแค่ได้ทำหน้าที่แม่ เรายังไม่มีสิทธิ์จะทำเลย เรากลัวมากถ้าแม่เราซื้อบ้านจริงๆเราต้องแยกจากลูกไปเลยจริงๆ จากที่อยู่หอเราสามารถพาเขามาเลี้ยงได้บ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากแม่ของแฟนเราเขาจ้างพี่เลี้ยงให้เลี้ยงลูกของเราแล้วที่บ้านย่าของแฟนเรา และพอลูก3เดือนเขาก็จะพากลับไปอยู่ที่บ้านเกิดเรา สุดท้ายเราขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะ เพราะเราไม่รู้จะระบายยังไงเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็มีคุณคนนึงที่สนใจเรื่องราวของเราที่กำลังทรมานใจอยู่ตอนนี้ เราเสียใจมากที่เป็นแบบนี้
โดนจับแยกจากลูกจากครอบครัว
เริ่มเลยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่าเราเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วพลาดท้องกับแฟนแต่โชคดีที่เป็นตอนม.6ปลายเทอมแล้ว พอรู้ว่าตัวเองท้องก็บอกแฟนและรอเวลาจนจบม.6 ประมาณ1เดือน แล้วหลังจากนั่นเราก็บอกพี่สาว แฟนเราเขาก็บอกพ่อกับแม่ของเขา พี่สาวเราก็หาวิธีช่วยเราที่จะบอกพ่อกับแม่ สุดท้ายก็บอกพ่อกับแม่ พ่อเราเขาก็ไม่แสดงท่าทางอะไรนะแต่ก็รู้ว่าเขาเสียใจและรับไม่ได้ปกติเขาก็เป็นคนนิ่งๆอยู่แล้ว ส่วนแม่เราโวยวายและรับไม่ได้ สุดท้ายแม่เราก็บอกให้เอาออกแต่เราไม่เอาออกและกลัวบาปมาก เลยหนีออกจากบ้าน เอาจริงๆพี่สาวเราก็รู้และพี่สาวเราเองก็ไม่อยากให้ทำบาปจึงช่วยเราและบอกว่าสักพักแม่ก็จะดีขึ้นเอง พอเราหนีออกจากบ้านมาได้1คืน เรากับแฟนไปบ้านญาติของแฟนเขา พอตอนเย็นของวันถัดมา แม่เราก็โทรมาขอให้เรากลับไปคุยกับเขาโดยเจอกันที่บ้านของแฟนเรา เรากับแฟนก็กลับจากบ้านญาติของแฟน และมาบ้านของแฟนโดยทันทีที่วางสายจากแม่ พอเดินทางมาถึงก็เย็นแล้วรอแม่อยู่สักพักหนึ่ง แม่กับพี่สาวและแฟนพี่สาวก็มา ระหว่างคุยกันแม่ของแฟนก็ขอว่าอย่าให้ทำแท้งโดยที่พ่อแม่เขาจะรับหลานเอามาเลี้ยงเอง และแม่เราก็โอเคยินยอมไป และให้เราขึ้นมาอยู่กรุงเทพกับย่าของแฟนเราโดยที่แฟนเรามาด้วยเพราะอยู่ที่นั่นไม่ได้มีแต่คนรู้จักและแม่เราค่อนข้างกลัวเสียชื่อมาก เรามาอยู่บ้านย่าของแฟนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแม่เราก็เรียกตัวให้ไปๆมาๆต่างจังหวัด กรุงเทพตลอด ไปทีนึงก็อาทิตย์หนึ่งหรือ15วัน จนครั้งสุดท้ายตอนท้องเราโตขึ้น(ปล.เราเป็นคนท้องเล็กมาก ตอนท้อง5เดือนจะ6เดือนแทบไม่ค่อยมีใครมองออก) พอเราขึ้นมาครั้งนี้เราก็ต้องหามหาลัยที่จะเรียนและสอบเข้าจนสอบได้และมาเรียนซัมเมอร์ ตอนที่เราได้มหาลัยแล้วแม่เราให้เราย้ายออกมาจากบ้านย่าของแฟนเพราะมันไกลจากมหาลัยมากให้มาอยู่หอหน้ามหาลัย เราก็เข้าใจว่ามันไกลมาก ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่เลยแต่แม่เราบอกว่าห้ามพาแฟนมาอยู่หอ ห้ามเขารู้เป็นอันขาดว่าเราอยู่หอที่ไหน เราก็เข้าใจและบอกแฟนไป แต่จริงๆแล้วเรากับเขาก็มาอยู่ด้วยกันจนได้ โดยที่เขาไม่ได้มาอาศัยห้องเราฟรีๆเขาจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ทุกๆเดือนรวมถึงค่าอินเทอร์เน็ตต่างๆ แต่เขาต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ แต่กลับไปทีนึง ไม่นานก็ขึ้นมาเพราะไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว พออยู่ที่นี่ได้สักพักหนึ่งทุกอย่างเหมือนเริ่มจะลงตัว แต่ระหว่างนั่นแม่เราก็ขึ้นมาหอเราบ้าง ทุกครั้งที่แม่ขึ้นมา แฟนเราก็ไปนอนบ้านย่าทุกครั้ง เรากับแฟนก็ยอมรับอุปสรรคตรงนี้ได้ ทีนี้เราเป็นคนไม่ชอบกรุงเทพสักเท่าไหร่ ก่อนคลอดเราเลยอยากกลับไปสูดอากาศที่บ้านเกิดของเราโดยที่แม่ของเราไม่รู้ว่าเรากลับไป เราไปนอนบ้านของแฟนเรา พอวันเดินทางเราก็ขึ้นเครื่องอะไรเรียบร้อยพอเรามาถึงบ้านของแฟนแม่เราก็โทรศัพท์มาบอกว่าอีกไม่กี่วันจะขึ้นกรุงเทพ เราใจเสียมากเลยยอมทิ้งตั๋วขากลับและกลับล่วงหน้าก่อนกำหนด2วัน อันนั่นยังเป็นอุปสรรคเล็กๆอยู่ พอมาตอนนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากคือแม่เราเขาจะมาซื้อบ้านที่กรุงเทพ แล้วจะให้เราย้ายไปอยู่บ้านโดยที่แม่จะมาแวะเวียนเป็นประจำและมีพี่สาวอยู่กับเราที่บ้านนั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเราต้องแยกออกจากแฟนเราโดยปริยาย ทีนี้แยกออกจากแฟนไม่เท่าไหร่หรอกคะ แต่วันคลอดที่ใกล้จะถึงมานี้แม่เราจะให้เราคลอดลูกเสร็จและห้ามเราเจอหน้าลูกเราอีกเลย ระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาลก็เช่นกันแม่เราจะห้ามให้พยาบาลพาลูกมาหาเรา และห้ามลูกกินนมของเราโดยที่แม่เราจะให้หมอจ่ายยาหย่านม ก่อนหน้านั่นแม่เคยคุยกับหมอว่าจะไม่ให้เราเซ็นเป็นแม่เด็กแต่หมอบอกว่ามันผิดกฏโรงพยาบาลหมอทำไม่ได้ และจะขอให้เราคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์เรา6เดือนแต่หมอไม่อนุญาติเนื่องจากเด็กจะไม่ปลอดภัย และหลังจากออกจากโรงพยาบาลแม่เราจะให้เรากลับบ้านเกิดโดยทันที1อาทิตย์เพราะกลัวทางบ้านเขาจะสงสัยที่เรามาอยู่ที่นี่ไม่กลับบ้านนานหลายเดือน โดยแม่เราจะไม่ให้เราไปดูหน้าลูกเลย เรากลัวมากๆใจเราจะขาดอยู่แล้วตอนนี้น้ำตาใหลตลอดที่พิมพ์ แม้กระทั่งนมของเราลูกเราก็ไม่ได้กิน แม่เราเหมือนจับแยกเรากับลูกกับแฟนเราตลอด เราเครียดมาก เรารู้ว่าเราผิดที่เรามีลูกก่อนวัยอันควร แต่ปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ไม่รู้จะทำยังไง มันก็ต้องยอมรับความจริง เราไม่อยากให้แม่เราจับแยกเรากับลูกเลย เราเครียดมาก แม่มาห้ามเราส่งเสียลูกเราด้วย แม่เราบอกเขาจะจัดการเองห้ามติดต่อเด็กไปเป็นอันขาด ในสายตาของแม่เราเขามองเราเป็นเพียงแค่เด็กมหาลัยไม่ได้มองว่าเราเป็นแม่คนแล้ว ทั้งที่ความจริงเราสามารถทำ2หน้าที่ในเวลาเดียวกันได้ทั้งเรียนไปเป็นแม่ของลูกไป ขอแค่ได้ทำหน้าที่แม่ เรายังไม่มีสิทธิ์จะทำเลย เรากลัวมากถ้าแม่เราซื้อบ้านจริงๆเราต้องแยกจากลูกไปเลยจริงๆ จากที่อยู่หอเราสามารถพาเขามาเลี้ยงได้บ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากแม่ของแฟนเราเขาจ้างพี่เลี้ยงให้เลี้ยงลูกของเราแล้วที่บ้านย่าของแฟนเรา และพอลูก3เดือนเขาก็จะพากลับไปอยู่ที่บ้านเกิดเรา สุดท้ายเราขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะ เพราะเราไม่รู้จะระบายยังไงเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็มีคุณคนนึงที่สนใจเรื่องราวของเราที่กำลังทรมานใจอยู่ตอนนี้ เราเสียใจมากที่เป็นแบบนี้