เรื่องของมือวางระเบิด

กระทู้สนทนา
.


==================
เรื่องของมือวางระเบิด
==================
Psycho G.



              ชายชราวัยเจ็ดสิบกว่าปีผู้กำลังหลังขดหลังแข็งในสวนยางพาราข้างถนนนานชั่วนาตาปี มองเด็กชายวัยเกือบสิบขวบผู้เดินผ่านไปในเวลาเย็นๆทุกวัน มองแล้วอดชื่นชมไม่ได้ เด็กชายคนนี้มาตรงเวลาทุกวัน ท่าทางเป็นเด็กขยันเรียน ดูจากใบหน้าสงบมุ่งมั่นเกินวัยแต่ดูหงอยเหงาเศร้าสร้อยเป็นนิจ  ชายชราก็นั่งอยู่กับงานประจำของตัวเองทุกวันเช่นกัน ภาระรอคอยยาวนานราวไม่มีวันจบสิ้น

             “ระเบิดรถรับส่งเด็กนักเรียน”

             นั่นคือ คำสั่งจาก “เจ้านายใหญ่” ทำให้ชายหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างซุบผอมได้แต่อ้าปากค้างกับคำสั่งนั้นอย่างไม่เข้าใจในขณะรู้สึกเย็นยะเยียบทั่วไขสันหลัง เหงื่อไหลตามแผ่นหลังจากเปียกโชก มองดูจักรยานยนต์ที่ขโมยมาและได้รับการติดตั้งระเบิดในตัวรถมากไว้เท่าที่จะทำได้

             ภารกิจนี้ไม่ซับซ้อน พวก”เจ้านายใหญ่” ประชุมกันแล้วเห็นว่าการซุ่มโจมตี ฐานปฏิบัติการทหาร การดักทำร้ายชาวบ้านผู้ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว การฆ่าพระสงฆ์  วางระเบิดในแหล่งชุมชน การยิงครูทิ้ง  ซุ่มโจมตีตำรวจทหาร เป็นเรื่องเบาเกินไปแล้ว จะต้องหาอะไรที่ชั่วช้าเลวทรามต่ำช้าให้มากกว่านี้เพื่อเป็นบัตรผ่านเรียกร้องให้ชาวโลกหันมาสนใจ  

             ใช่...ให้ชาวโลกหันมาสนใจ แม้จะมากับเสียงสาปแช่งประณาม แต่หน่วยเหนือไม่ได้สะทกสะท้านกับคำก่นด่า เพราะถือว่าเป็นเพียงแผนขั้นต้น เมื่อโลกสนใจแล้วแผนต่อไปคืออ้างความชอบทำและจำเป็นเพื่ออุดมการณ์   เขาไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังของอุดมการณ์สูงส่งชอบธรรมเพียงไร  กว่าจะรู้ตัวเขาก็กลายมาเป็นแกนนำสำคัญผู้มีชื่อเสียงในการเป็นมือระเบิดคนสำคัญขององค์กรไปเสียแล้ว   แต่เมื่อเบื้องบนสั่งมาตามขั้นตอน เขาจำเป็นต้องทำ ทั้งที่ไม่รู้ว่าอุดมการณ์มันวิเศษสูงส่งขนาดถึงขั้นต้องลงทุนทำกับเด็กๆแบบนี้หรือไม่

             “คนเรามันต้องเสียสละกันบ้าง..เพื่อให้ได้มา”   นั่นเป็นคำสั่งสำทับมาแถมท้าย

             ชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้งเหมือนโลกทั้งโลกเคลื่อนมาอยู่บนหัว เอื้อมมือสั่นเทาไปหยิบขวดเหล้าขาวผสมสมุนไพรบางอย่าง และสารเคมีต้องห้ามบางชนิด หยิบเม็ดยาสีขาวใส่ปากก่อนเทเหล้าในขวดตามเข้าไปแบบไม่ต้องใช้แก้ว เพื่อทำให้จิตใจกล้าหาญด้านดำทำอะไรก็ได้โดยไม่แยแสผิดชอบชั่วดี

             ความดีความชอบสำหรับงานนี้คือได้รับการเข้ามาตรวจเยี่ยมด้วยตัวเองของ “หัวหน้าใหญ่”  ช่างดูน่าภาคภูมิใจเหลือเกิน และชื่อของเขาจะได้รับเกียรติบันทึกลงในหนังสือรายงานปฏิบัติการของขบวนการ เพื่อเป็นเกียรติประวัติยาวนานต่อตัวเองและครอบครัวต่อไป   ดังนั้น เขาต้องทำ….


             บริเวณหัวโค้งหักศอกของเส้นทางอันตราย  ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เขาเอารถจักรยานยนต์ล้มขวางเส้นทางของรถรับส่งนักเรียน เพราะรู้เวลารถวิ่งผ่านเป็นประจำ  ก่อนวิ่งหนีไปซุ่มอยู่ในป่าข้างทางด้วยใจเต้นระทึก สารกล่อมประสาททำให้ความรู้สึกนึกคิดเลือนรางหม่นมัว คนขับรถตู้รับส่งนักเรียน เมื่อมองเห็นรถจักรยายนต์ล้มขวางอยู่ก็ขับรถอ้อมหลบหลีกไปโดยคงไม่คิดว่าจะมีใครชั่วมากพอถึงกับจะระเบิดรถนักเรียนไร้เดียงสา

             จังหวะที่รถเฉียดใกล้รถจักรยานยนต์ ชายหนุ่มกดนิ้วลงบนมือถือ..ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

             แรงระเบิดสะท้านสะเทือนฉีกรถตู้เป็นชิ้นๆ เปลวไฟและกลุ่มควันพวยพุ่งเต็มท้องฟ้า เสียงร้องของเด็กระงมทำให้เขาต้องชะเง้อคอขึ้นมามอง

             เศษสมุดหนังสือหลายเล่มลอยขึ้นไปในอากาศท่ามกลางกลุ่มควันพลิกไปมาราวมือมรณะกำลังเปิดอ่าน  บนพื้นถนนเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมสิบกว่าคนร่างกายฉีกขาดกระจัดกระจาย สีแดงฉานของเลือดย้อมถนนจนกลายเป็นสีแดง เศษชิ้นส่วนของเด็กเหล่านั้นกระจายไปทั่วทิศ ทั้งเศษเนื้อ เศษอวัยวะตับไตไส้พุง ลำไส้ของเด็กคนหนึ่งลอยมาแปะเต็มหน้าของเขาจังหวะหันไปมองพอดี มันเกี่ยวตะหวัดรอบศีรษะแล้วปลายข้างหนึ่งสะบัดทิ่มเข้ามาเต็มปากทิ่มลึกเข้าไปในลำคอ เขาสำลักเสียงร้อง ตะกายตะกุยเศษลำไส้ออกจากปากเหวี่ยงทิ้งไปแทบไม่ทัน  รู้สึกถึงรสคาวจัดชวนคลื่นเหียนชวนสะอิดสะเอียนยังคงติดอยู่ในปาก

             หลังจากโก่งคออาเจียนออกมาจนแทบหมดไส้หมดพุง สิ่งที่พุ่งออกมาจากลำคอเป็นเศษชิ้นส่วนของเนื้อเน่าเหม็นอย่างไม่น่าเป็นไปได้   หลังจากนั้นชายหนุ่มเริ่มเห็นบางอย่างมันผิดปกติและรู้สึกถึงความผิดปกติอันน่าขนลุก  

             ร่างของเด็กๆ ไม่ได้พากันล้มฟุบลงบนพื้นถนน อย่างควรจะเป็น พวกเขายืนโงนเงนส่ายไปมาเหมือนหุ่นชักใยทั้งที่บางคนหัวขาดแขนขาดรุ่งริ่ง บางคนก็ยืนอยู่ด้วยขาข้างเดียวท่ามกลางกลุ่มควันและเปลวเพลิง  เด็กบางคนเดินวนมือไขว่คว้าไปในความว่างเปล่าเดินวนเป็นวงกลมไปมา เพราะศีรษะขาดหายไปทำให้มองไม่เห็นทาง ต่อมาพวกเขาเหล่านั้นเริ่มพากันทำท่าเหมือนจะหันหน้ามามองยังบริเวณที่เขาแอบมองอยู่เป็นจุดเดียว ราวกับจะรู้ว่าตัวต้นเหตุซุ่มดูอยู่ตรงนี้

             เขาตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง ตาเหลือกโพลงจ้องมองภาพเบื้องหน้าราวโดนมนตร์สะกดใบหน้ายังเต็มไปด้วยเลือดซึ่งติดมากับลำไส้ มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมเด็กพวกนั้นไม่พากันเสียชีวิต

             ร่างอันไม่สมประกอบของพวกเด็กๆ เริ่มมุ่งหน้ามายังแนวไม้ข้างทาง บางคนขาทั้งสองฉีกขาดรับน้ำหนักตัวไม่ไหวลมฟาดลงกับก็พยายามใช้มือตะกุยตะกายลากตัวมาตามพื้นถนนอย่างไม่ละความพยายาม ท่าทางจะมุ่งมั่นและตั้งใจเรียนถึงมีความพยายามได้ขนาดนี้ เด็กบางคนพยายามต่อหัวที่เพิ่งหาเจอเข้ากับลำคอขาดวิ่นและเลือดหลั่งพลั่กๆท่วมตัว แต่มันไม่ได้ต่อง่ายแบบต่อโลโก้ เพราะส่วนประกอบขาดหายจากแรงระเบิด แต่พวกเขาทั้งหมดก็มุ่งตรงมา....สร้างภาพวาดระบายสีนรกบนพื้นถนนด้วยสีเลือดเศษเนื้อยาวเป็นแนวตรงเข้ามาราวมีจิตรกรจากอเวจีเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานอันเต็มไปด้วยความสยดสยอง

             กลุ่มควันจางลง   เด็กคนเดินนำหน้าเข้ามาในระยะมองเห็นชัดเจน    หัวใจและความรู้สึกของชายหนุ่มตกวูบลงทันที หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมาจากทรวงอก รู้สึกเหมือนจะเป็นลม แต่สายตายังค้างจ้องมองต่อไป

             นั่นมันลูกชายของเขาเอง.... ลูกชายผู้เรียนอยู่ระดับประถมของโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่ง เขาระเบิดรถโรงเรียนที่ลูกชายกำลังเรียนอยู่เข้าให้แล้ว เป็นไปได้อย่างไร

             ใบหน้าของเด็กชายตัวเล็กๆคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด หัวข้างซ้ายขาดหายไปส่วนหนึ่งจนมองเห็นสมองสีเทาบางส่วนเต้นระริก สองมือยังหอบเศษกระเป๋านักเรียนในอ้อมแขนเสื้อผ้าขาดวิ่นบางส่วนยังติดไฟลุกไหม้  เขารู้ว่าลูกชายเป็นคนรักหนังสือและชอบอ่านหนังสือมาก แต่ตอนนี้หนังสือหลายเล่มเริ่มทยอยหลุดร่วงลงไปบนพื้นถนน เพราะกระเป๋านักเรียนขาดหายไปบางส่วนจากแรงระเบิด ดินสอยางลบหลุดออกมาจากรอยฉีกขาดกลิ้งไปมาบนพื้นเหมือนมีชีวิต

             “ทำไม พ่อทำแบบนี้.....ทำไม”     เสียงเหมือนคนจะขาดใจดังจากปากชุ่มเลือด สายตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยแววตัดพ้อต่อว่าและเสียใจ ชายหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดวูบขึ้นมาในใจทันที นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป ทำไมลูกชายของเขาอยู่ในรถตู้คันนี้

             พวกเด็กๆด้านหลังเคลื่อนตัวมาสมทบ พวกเขาเริ่มส่งเสียงต่อว่าด่าทอระงม ร่างอันยับเยินขาดวิ่นรายล้อมเข้ามาราวกำลังจะลงทัณฑ์นรก

             “คุณลุงสาแก่ใจมากใช่ไหม...”

             “พวกเราไม่รู้เรื่องอุดมการณ์อะไรนั่นของพวกลุงนะคะ ทำแบบนี้กับพวกเราทำไม”

             “ผมเจ็บคอจังเลย หายใจไม่สะดวก คุณลุงทำหัวของผมหายไปไหนไม่รู้ ไปหามาคืนผมเสียดีๆ ไอ้ลุงบ้า”

             “โอ้ย.....”

             แผดร้องโหยหวนเป็นสัตว์ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส  โลกทั้งใบพลิกครืนถล่มลง


             “เป็นอะไรของแกวะ...”

             มือของใครบางคนเหวี่ยงโครมมาเต็มหัว เขาทะลึ่งพรวดพราดลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางคนตื่นกลัวและประสาทเสีย อึดใจต่อมาจึงรู้ว่ากำลังอยู่ในบ้านพักชั้นเดียวกลางป่า โดยมีเพื่อนคนหนึ่งกำลังตรวจดูความเรียบร้อยของจักรยานยนต์มรณะ

             “ข้าฝันไปว่ะ...ฝันบ้าๆ”    ชายหนุ่มยกมือสั่นเทาลูบใบหน้าไปเหมือนจะขัดถูภาพน่ากลัวออกจากความคิด คงเผลอหลับไปไม่รู้ตัวเพราะฤทธิ์ยากล่อมประสาททั้งหลาย

             “เดี๋ยวนายใหญ่จะมาเยี่ยมแก เป็นเกียรติมากเลยโว้ย ไม่ค่อยมีใครได้รับเกียรติมากขนาดนี้”

             ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดของเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากนัก หันไปหยิบขวดเหล้ากรอกปาก นึกถึงสภาพลูกชายในความฝันที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ แล้วใจหายทั้งที่รู้ว่าความจริงลูกชายได้ตายไปเมื่อปีที่แล้ว.....ถ้าลูกชายถูกระเบิดจริงๆ จะเจ็บปวดร้าวรานขนาดไหนกัน เขาไม่อยากคิดเพราะรู้สึกว่าทำให้ความอ่อนแอกำลังมาเยือน


             ในวันที่ลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะถูกรถชน บางทีถ้าเขาอยู่ด้วย และนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลทันก็มีโอกาสรอด แต่เขาทำไม่ได้ เพราะกลายเป็นคนมีค่าหัวไปเสียแล้ว จากการเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ยิงพลเรือน ยิงคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หลายคน... หลายครั้ง...ต่อหลายครั้ง อย่างนี้มีหรือจะไปเดินในเมืองได้แบบสบายใจ

             หลังการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจจากนายใหญ่ เขาก็พร้อมจะออกปฏิบัติงาน ด้วยกำลังใจเกินร้อย คำพูดของนายใจสร้างความฮึกเหิมแบบไม่กลัวตายราวกับกำลังจะไปกอบกู้โลกหรือสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่

             และการระเบิดรถนักเรียนจะต้องไม่พลาด ลูกหลานของใครช่างมัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดู เขาควรได้รับคำขอบคุณไม่ใช่หรือ


             เขามองกระจกมองหลังขณะรักษาความเร็วของรถจักรยานยนต์ให้พอเหมาะ เห็นรถตู้รับส่งนักเรียนวิ่งตามมาในระยะห่างพอประมาณ ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน จะต้องไม่คิดอะไรให้หนักหัว จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วเผ่นไปกบดานในค่ายกลางป่า เพื่อรับคำยกย่องชมเชยจากเพื่อนๆ จากวีรกรรมอันองอาจห้าวหาญสมชายชาตรี บางทีอาจได้ร่วมรับประทานอาหารกับนายใหญ่ให้คนอื่นอิจฉาเล่น

             เข้าโค้งหักศอก เขารีบจอดรถและจอดให้รถล้มลงบนพื้นมองเผินๆ เหมือนเป็นการล้มจากอุบัติเหตุ ก่อนวิ่งเข้าไปในแนวป่า ซึ่งทันเวลาที่รถตู้รับส่งนักเรียนวิ่งมาถึงจุดหมายพอดี

             เขาหลับตากดนิ้วลงบนปุ่มกดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

             ในขณะนิ้วกดลงไป เขาหันไปมองรถตู้เหมือนถูกบางอย่างกระชากความรู้สึกให้หันไปมอง แล้วใจก็หายวูบอีกครั้ง   ลูกชายคนเดียวของเขากำลังโผล่ชะเง้อมองมาจากหน้าต่างข้างคนขับ  ใบหน้าของเด็กชายยิ้มให้อย่างไร้เดียงสา แล้วเสียงระเบิดพลันดังกึกก้องสะท้านป่า

             “ไม่.................”

             เขาแผดร้องสุดเสียง โลกพลิกครืนลงอีกครั้ง



.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่